วันพฤหัสบดีที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2557

ชาติที่ ๑. พระเตมีย์ (ใบ้) (หน้า ๗)


พระราชาตรัสกับพระนางว่า  "ที่รัก  เชิญดูอาหารของลูกเธอซิ"  ตรัสแล้วทรงแบ่งใบหมากเม่าลวกใส่พระหัตถ์ของพระนางหน่อยหนึ่ง  และทรงแบ่งให้สตรีที่เหลือคนละนิดละหน่อย

สตรีทั้งหมดพูดกันว่า  "เจ้าพระคุณเอ๋ย  เสวยโภชนะเช่นนี้ได้"  ต่างรับใบหมากเม่าลวกวางไว้บนศีรษะของตน ๆ  พลางทูลว่า  "เจ้าพระคุณเอ๋ย  พระองค์ทรงกระทำข้อที่ใคร ๆ  ทำได้ยาก"  แล้วพากันน้อมนมัสการนั่งลง  ณ  ที่อันควร

พระราชาทรงรู้สึกอัศจรรย์  ที่พระเตมีย์เสวยใบหมากเม่าลวก  แต่ก็ยังผ่องใส  จึงมีพระดำรัสถามว่า  "โยมบังเกิดอัศจรรย์ขึ้นในใจ  ที่เห็นลูกอยู่แต่ผู้เดียวอย่างซ่อนเร้น  บริโภคอาหารเช่นนี้  แต่เหตุไฉนผิวพรรณจึงผ่องใส ?"

พระเตมีย์ตรัสตอบว่า  "อาตมภาพนอนผู้เดียวเหนือใบไม้ลาด  ด้วยการนอนคนเดียวนั้น  ทำให้ผิวพรรณของอาตมาภาพผ่องใส  อนึ่ง  อาตมภาพไม่ต้องมีราชองครักษ์คาดดาบคอยเฝ้าอยู่  นอนลำพังผู้เดียว ผิวพรรณจึงผ่องใส  อีกประการหนึ่ง  อาตมภาพไม่ต้องเศร้าโศกถึงอดีต  ไม่ต้องคอยรออนาคต  ใช้ชีวิตให้เป็นไปตามเรื่องในปัจจุบัน  เพราะฉะนั้น  ผิวพรรณจึงผ่องใส  คนพาลย่อมซูบซีด  เหมือนไม้อ้อที่ถูกตัด  เพราะไปมัวคอยอนาคตและเพราะมัวแต่เศร้าโศกถึงอดีต  ขอถวายพระพร"

พระราชาทรงดำริว่า  "จะต้องจัดการอภิเษกพระเตมีย์เสียที่นี่แหละ  แล้วพาไปพระนคร"  จึงตรัสว่า  "ลูกรัก  โยมขอมอบเสนา  ๔  เหล่า  พร้อมทั้งนิเวศน์อันน่ารื่นรมย์แก่ลูก  ขอมอบนางสนมกำนัล  ผู้ประดับด้วยอลังการทั้งปวง  ลูกรัก  จงใช้สอยนางเหล่านั้น  จงเป็นราชาของชาวเรา  สตรีที่พริ้งเพราได้รับการฝึกหัดดีแล้ว  ฉลาดฟ้อนรำขับร้อง  จักกล่อมลูกให้รื่นรมย์ในสิ่งที่ปรารถนา  มาอยู่ทำอะไรในป่า  ราชาที่สวามิภักดิ์จักพาสาวน้องซึ่งประดับประดาสวยงามแล้วมาให้ลูก  ลูกมีบุตรกับนางเหล่านั้นหลาย ๆ  คนแล้วค่อยบวชเถิด  ลูกยังหนุ่มแข็งแรง  ว่องไว  องอาจ  เชิญครองราชสมบัติเถิด  มาอยู่ทำอะไรในป่าเล่า  ลูกรัก"

พระเตมีถือโอกาสแสดงธรรมถวายพระชนกว่า

"คนหนุ่มควรประพฤติพรหมจรรย์

ผู้ประพฤติพรหมจรรย์ควรจะเป็นคนหนุ่ม

การบรรพชาของคนที่แข็งแรง

ข้อนี้  ฤษีทั้งหลายสรรเสริญกัน

คนหนุ่มควรประพฤติพรหมจรรย์

อาตมภาพไม่ต้องการราชสมบัติ

อาตมภาพเห็นชายหนุ่มแข็งแรง

เป็นลูกรักที่บิดามารดาได้มาด้วยยาก

เรียพ่อจ๋าแม่จ๋าอยู่เรื่อย ๆ

ตายเสียแล้ว  ยังไม่ทันจะแก่เลย

อาตมภาพเห็นหญิงสาว

กำลังรุ่น  น่าเอ็นดู

ถูกมฤตยูปล้นชีวิตไป

เหมือนหน่อไม้ที่งอกใหม่ ๆ  ถูกหัก  ฉะนั้น

เด็กหนุ่ม ๆ  ก็ตายได้  หญิงสาว ๆ  ก็ตายได้

ใครเล่าจะพึงนอนใจในชีวิตได้  ว่ายังเป็นหนุ่มอยู่  (ยังไม่ตาย)

อายุของผู้ใดพึงมีระยะเวลาน้อยกว่า

เวลาที่ต้องนอนในครรภ์เสียอีก

ความเป็นหนุ่มเป็นสาวในวัยนั้น ๆ  ของผู้นั้น

ก็เหมือนอายุของฝูงปลาในเวลาน้ำน้อย

จักทำอะไรได้เล่า

โลกเราถูกโรมรันแล้วเป็นนิตย์

ถูกรุมล้อมเป็นนิตย์

จะอภิเษกอาตมภาพในราชสมบัติทำไมเล่า ?"


พระราชาตรัสถามว่า

           "โลกถูกอะไรโรมรัน  ถูกอะไรรุมล้อม  ธรรมชาติอะไรที่ไม่ล่วงเปล่า  เชิญบอกหน่อยเถิด"

พระเตมีย์ตรัสตอบว่า

          "โลกถูกมฤตยูโรมรัม  ถูกชรารุมล้อม  ราตรีไม่ผ่านไปเปล่า  พาชีวิตของคนเราให้สั้นไปด้วย  โปรด           ทรงทราบเช่นนี้เถิด  มหาบพิตร

          ในเมื่อหูกหมุนไปอยู่  เส้นด้ายที่จะต้องกรอก็เหลือน้อยลงเรื่อย ๆ  ชีวิตของสัตว์ก็เปรียบได้  ฉันนั้น

          ห้วงน้ำที่เต็มด้วยน้ำไหลไปไม่ย้อนกลับ  ฉันใด  อายุของมนุษย์ก็เหมือนกัน  ผ่านไปไม่กลับหลัง

          ห้วงน้ำที่เต็มเปี่ยม  พึงพัดเอาต้นไม้ที่เกิดใกล้ฝั่งไปด้วย  ฉันใด  สรรพปาณชาติ  ก็ถูกชราและ                   มรณะ  พัดพาไป  ฉันนั้น"  

พระราชาทรงสดับพระดำรัสของพระราชโอรส  ทรงเบื่อหน่ายเรื่องฆราวาส  มีพระประสงค์จะทรงผนวช ทรงดำริว่า  "เราไม่ขอกลับเมืองอีกละ  จักบวชที่นี่แหละ  แต่ถ้าลูกของเราจะไปเมือง  เราก็จะให้เศวตฉัตร"  เมื่อจะทดลองพระเตมีย์  ทรงพรรณาถึงความสุขความสำราญในการครองราชสมบัติ

แต่พระเตมีย์ไม่ต้องการ  ตรัสว่า  "คนจะต้องแก่  จะเอาทรัพย์ไปทำอะไร  คนจะต้องตาย  จะมีภรรยาไปทำไม  ความเป็นหนุ่มที่ถูกชราคอยครอบงำอยู่นั้น  มันทรุดโทรมได้  จะมีประโยชน์อะไรในโลกสันนิวาสอันมีความแก่และความตายเป็นประจำเช่นนี้  จะมีความชื่นชมอะไร  จะมีความสนุกอะไร   จะมีความรื่นรมย์อะไร  จะหาทรัพย์ไปทำไม  บุตรภรรยาจะมีประโยชน์อะไรแก่อาตมภาพ  มหาบพิจร  อาตมภาพทราบชัดอยู่อย่างนี้ว่า  มฤตยูจะไม่หลงลืมอาตมภาพเลย  ถึงรอดพ้นจากเครื่องผูกพันได้แล้ว  ก็พวกที่มฤตยูสิงประจำอยู่  จะมีความรื่นรมย์อะไร  จะหาทรัพย์ไปทำไม  คนที่ทนมาแล้วก็พรั่นพรึง  แต่ที่จะตายกันเรื่อยไป  เหมือนผลไม้ที่สุกแล้ว  ก็พลันที่จะหล่นลง  ฉะนั้น  คนเป็นอันมาก  ตอนเช้าเห็นกันพบกัน พอตกเย็น  บางคนก็ไม่เห็นกันได้  ตอนเย็นยังเห็นกัน  พอรุ่งเช้าไม่พบกันก็ได้  ในแดนมฤตยูนั้น  ไม่มีชัยภูมิสำหรับพลช้าง  พลม้า  และพลราบเลย  แม้จะรบด้วยมนต์  หรือจะติดสินบนด้วยทรัพย์  ก็เอาชนะมฤตยูไม่ได้  มฤตยูไม่เว้นใครเลย  ย่ำยีแหลกไปทั้งหมดทีเดียว  ควรทำความขะมักเขม้นในวันนี้ทีเดียว ใครจะรู้ว่า  ความตายจะมีในพรุ่งนี้  มฤตยูมีเสนามาก  ไม่เคยยอมให้เราผัดเพี้ยนเลย  พวกโจรที่พากันปรารถนาทรัพย์  แม้จะต้องเอาชีวิตแลกก็ยอม  อาตมภาพพ้นได้แล้วจากเครื่องผูกพัน  เชิญมหาบพิตรเสด็จกลับเถิด  อาตมภาพไม่ต้องการราชสมบัติ  ขอถวายพระพร"














ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น