วันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ชาติที่ ๗ พระจันทกุมาร (หน้า ๒)


เมื่อพระเจ้าเอกราชากับกัณฑหาลพราหมณ์ปรึกษาตกลงจะประกอบวิสามัญทารุณกรรม  เพื่อประโยชน์ส่วนตัวด้วยความมืดเขลาเช่นนั้น  เสียงร่ำร้องด้วยความกลัวก็ระเบ็งเซ็งแซ่ทั่วพระราชวัง  ราชตระกูลทั้งสิ้นได้ปรากฏเหมือนป่าไม้รังที่ถูกพายุใหญ่หักล้มระเนระนาดลงแล้ว  ทำเอาพระเจ้าเอกราชาทรงอ้ำอึ้ง

"ข้าแต่พระเทวะ  พระองค์ไม่ทรงประสงค์ที่จะประกอบการบูชายัญอันพิเศษนี้เพื่อไปสวรรค์ดอกหรือ  พระเจ้าข้า ?"  กัณฑหาลทูลถาม  เมื่อเห็นพระเจ้าเอกราชอ้ำอึ้ง

"ท่านอาจารย์  ก็เมื่อเราบูชายัญแล้วเราจะได้ไปสู่เทวโลก  ไฉนจะไม่อาจสละลูกเมีย  ทรัพย์สมบัติเล็กน้อยเหล่านี้ได้เล่า"  พระราชาทรงตอบอย่างมั่นพระทัย

"ข้าแต่พระราชาผู้เป็นใหญ่  เกิดมาเป็นชายใจขลาด  อ่อนกำลังในความุ่งหมาย  ย่อมไม่สามารถประสบความสำเร็จได้เลย  พระเจ้าข้า"  กัณฑหาลทูลต่อไป

พระราชามีพระดำรัสให้เรียกราชบุรุษมาสั่งว่า  "ท่านทั้งหลาย  เราจะฆ่าบุตรธิดาและภรรยาของราบูชายัญ  เพื่อไปสู่เทวโลก  เจ้าจงไปบอกทุกคนมาพร้อมกัน  ณ  ที่นี้โดยเร็ว"

ราชบุรุษเหล่านั้นตรงไปยังพระราชตำหนักของพระจันทกุมารก่อน  ทูลว่า  "ข้าแต่พระราชกุมาร  พระราชบิดาของพระองค์จะทรงฆ่าพระองค์เสียเพื่อจะเสด็จไปสู่เทวโลก  ได้ทรงใช้ให้มาจับกุมพระองค์ไป  พระเจ้าข้า"

พระจันทกุมาร  "พระเจ้าแผ่นดินได้รับคำเสี้ยมสอนจากใครหรือ ?"

ราชบุรุษ  "ได้รับคำเสี้ยมอนของกัณฑหาลพราหมณ์  พระเจ้าข้า"

พระขจันทกุมาร  "ให้มาจับเราคนเดียวหรือ  หรือว่าคนอื่นด้วย ?"

ราชบุรุษ  "ให้จับผู้อื่นด้วย   เพราะทรงพระประสงค์จะบูชายัญด้วยหมวด ๔  แห่งสัตว์ทุกชนิด  พระเจ้าข้า"

พระจันทกุมารทรงรำพึงว่า  "ความริษยายังโลกให้ฉิบหาย"  พราหมณ์โฉดผู้นี้จองเวรในตัวเราผู้เดียว  แต่หาเหตุทำลายคนอื่นด้วย  เมื่อไม่ได้ปล้นคนทั้งหลายในทางพิพากษาอรรถคดี  ก็จะฆ่าคนอีกเป็นจำนวนมาก  เพราะจิตจองเวรต่อเราผู้เดียว  เอาเถอะ  ความพ้นภัยของคนทั้งหมดนี้เป็นภาระของเราเอง"  รำพึงดังนี้แล้ว  จึงตรัสแก่ราชบุรุษว่า  "ถ้ากระนั้น  ก็จงปฏิบัติตามพระบัญชาของพระบิดาเราเถิด"

ราชบุรุษจึงจับพระจันทกุมารไปไว้ที่พระลานหลวง  พร้อมด้วยพระราชกุมารอื่น ๆ  อีก  ๓  พระองค์  แล้วก็ไปจับพระราชกุมารีมาอีก  ๔  พระองค์  พระมเหสี  ๔  คือ  พระนางวิชยา  พระนางเอราวดี  พระนางเกสินีและพระนางสุนันทา  ซึ่งล้วนแต่ทรงลักษณะงามวิไล  แล้วก็ตรงไปจับเศษฐีใหญ่  ๔  คือ
ปุณณมุข  ภัททิยะ  สิงคาลและวัฑฒะ

การจับกุมราชตระกูลนั้น  ไม่มีใครบังอาจห้ามปรามว่าขานประการใดได้  แต่การจับเศรษฐีใหญ่ ๆ  ทำให้วงศาคณาญาติของเขาซึ่งมีอยู่มากมายทั่วพระนครก่อการกำเริบขึ้น  เขาเหล่านั้นพากันเข้าแวดล้อมเศรษฐีไปจนถึงพระลานหลวง   และต่างก็ได้พยายามทูลวิงวอนขอชีวิตเศษรษฐีไว้  แต่พระเอกราชาก็ไม่ทรงยินยอม  กลับตรัสสั่งให้ไปจับสัตว์ชนิดต่าง ๆ  เช่น  ช้าง  ม้า  และโค  เป็นต้น  ซึ่งล้วนแต่เป็นของคู่บ้านคู่เมืองมาอย่างละ  ๔  แล้วก็ทรงปประกาศว่า  ขอให้สนุกสนานรื่นเริงกันให้เต็มที่ในคืนสุดท้ายนี้  พิธีบูชายัญจะเริ่มในวันพรุ่งนี้เช้าแน่นอน

ฝ่ายพระราชมารดาและพระราชบิดาของพระเจ้าเอกราชา ซึ่งยังมีชีวิตอยู่ทั้งสองพระองค์  เมื่อได้ทรงทราบข่าวพิธีกรรมอุบาทว์เช่นนั้น  จึงทรงกรรแสงพลางรีบเสด็จพลางตรงมาหาพระเจ้าเอกราชา  แล้วตักเตือนวา  "ลูกเอ๋ย  อย่าหลงเชื่อคำเสี้ยมสอนของคนอันธพาลเช่นนี้เลย  การฆ่าบุตรภรรยาเพื่อบูชายํญจะเป็นทางสวรรค์อย่างไรกัน  การเบียดเบียนผู้อื่นนั้นเป็นทางไปนรกชัด ๆ  การให้ทานและการไม่เบียดเบียนสัตว์ทั้งหลายต่างหากเป็นทางไปสวรรค์"

พระจันทกุมารรำพึงว่า  เพราะเราผู้เดียวแท้ ๆ  ที่ไปทำความดีขัดกับผลประโยชน์ของคนอันธพาลผู้มีอำนาจ  ความทุกข์สาหัสจึงเกิดขึ้นแก่คนจำนวนมาก  เราจะพยายามทูลวิงวอนพระบิดาให้ปลดปล่อยเสีย  แล้วจึงทูลว่า  "ข้าแต่พระบิดาผู้ยิ่งใหญ่  ขออย่าได้ฆ่าพวกข้าพระองค์จำนวนมากมายถึงเพียงนี้เลย  ถ้าพวกข้าพระองค์ยังมีชีวิตอยู  แม้จะถูกจองจำด้วยโซ่ตรวน  ก็ยังสามารถทำประโยชน์ได้  จักเลี้ยงช้างและม้า  ขนคูถช้างและม้าได้  ขอจงประทานให้พวกข้าพระองค์ไปเป็นทาสแก่กัณฑหาลตามความประสงค์ของพระองค์  หรือขับไล่เสียจากรัฐก็ได้  ข้าพระองค์ทั้งหลายก็จะท่องเที่ยวหาเลี้ยงชีพไปตามยถากรรม  ขอจงประทานชีวิตแก่ข้าพระบาททั้งหลายเถิด  พระเจ้าข้า"

พระราชาได้สดับคำรำพันร้องขอชีวิตของพระราชกุมารแล้ว  ก็รู้สึกสลดพระทัย  มีน้ำพระเนตรหลั่งไหล  ในที่สุดจึงตรัสว่า  "เจ้าพร่ำรำพันร้องขอชีวิตอยู่  ทำให้เกิดทุกขเวทนาแก่เรานัก  อำมาตย์ทั้งหลาย  จงปลดปล่อยทุกชีวิตในบัดนี้  เราขอพอกันทีเรื่องการบูชายัญ  ไม่เอาละ"

ฝ่ายกัณฑหาลพราหมณ์  กำลังจัดแจงพิธีกรรมอยู่ในหลุมยัญ  ได้ยินเสียงคนร้องประกาศว่า  "เฮ้ย  เจ้ากัณฑหาล  เจ้าคนอันธพาล  พระเจ้าแผ่นดินมีพระราชโองการให้ปลดปล่อยแล้ว   คราวนี้เจ้าอย่ามีชีวิตอยู่เลย  เราจะฆ่าลูกเมียของเจ้า  เอาเลือดออกมาบูชายัญ"  จึงตกใจสุดขีด  รีบขึ้นจากหลุมวิ่งไปด้วยกำลังเร็วสุดขีด  ราวกับถูกไฟลุกไล่ตามหลังไปฉะนั้น  ตรงไปหาพระราชาแล้วกราบทูลว่า  "ขอเดชะ  ข้าพระองค์ได้กราบทูลไว้แล้ว  ว่าการบูชายัญนั้นกระทำให้สำเร็จได้ยากนัก  มาบัดนี้ก็ไม่สามารถกระทำให้สำเร็จจริง ๆ  แล้วพระองค์จะหาทางไปสวรรค์ได้อย่างไรกัน  ขอได้โปรดฟังข้าพระองค์อีกครั้งเถิด  ชนเหล่าใดบูชายัญเองก้ดี  ให้ผู้อื่นบูชาก็ดี  หรือแม้แต่ยินดีในการบูชาของผู้อื่นก็ดี  ชนเหล่านั้นย่อมไปสู่สวรรค์ทั้งสิ้น  พระเจ้าข้า"

พระราชาผู้โง่เขลาเบาปัญญา  ได้ทรงฟังคำมีสำนวนคล้ายสุภาษิตเช่นนั้น  ก็กลับสำคัญว่าประกอบด้วยธรรม  จึงตรัสสั่งให้จับคนทั้งหลาย  ที่ปลดปล่อยไปนั้นกลับมาอีก


.......................


(ยังมีต่ออีก)














ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น