วันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ชาติที่ ๗ พระจันทกุมาร
















พระจันทกุมาร

สมัยหนึ่ง  เมืองพาราณสีมีชื่อเมืองว่า  "ปุปผวดี"  มีกษัตริย์พระนามว่า  พระเจ้า "เอกราชา"  ทรงครองราชสมบัติอยู่ในเมืองนั้น  พระราชบุตรพระนามว่า "จันทกุมาร"  ดำรงตำแหน่งอุปราช  พราหมณ์ชื่อ  "กัณฑหาล"  เป็นปุโรหิต  พระเจ้าแผ่นดินเห็นว่ากัณฑหาลปุโรหิตเป็นบัณฑิต  จึงทรงแต่งตั้งให้มีหน้าที่ตัดสินอรรถคดีอีกตำแหน่งหนึ่ง  แต่กัณฑหาลเป็นคนชอบกินสินบน  เมื่อได้รับสินบนแล้ว  ก็แปรรูปคดีไปในทางที่ไม่ยุติธรรม  ผู้ไม่ใช่เจ้าของก็ตัดสินให้เป็นเจ้าของ  ผู้เป็นเจ้าของก็กลับไม่ให้เป็นเจ้าของ

 วันหนึ่ง  มีบุรุษคนหนึ่งร้องโพนทะนาด่าว่า  ปุโรหิตตัดสินความไม่ยุติธรรมอยู่ในโรงวินิจฉัยอรรถคดี  ครั้นเดินออกมาภายนอกเห็นพระจันทกุมารกำลังเสด็จมาเฝ้าพระราชบิดา  ก็กราบลงแทบพระบาทแล้วร้องไห้

"มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแก่ท่านหรือ ?"  พระจันทกุมารตรัสถามบุรุษ

"กัณฑหาลกินสินบนในการตัดสินความ  แม้ข้าพระองค์นี้ก็ถูกเขากินสินบน  เขารับสินบนแล้วยังตัดสินให้ข้าพระองค์เป็นฝ่ายแพ้  พระเจ้าข้า"

"อย่าเสียใจไปเลย  มาไปกับเรา  เราจะให้ความยุติธรรม"  พระจันทกุมารทรงปลอบบุรุษผู้นั้น  แล้วพาไปสู่โรงวินิจฉัย  หยิบยกเอาอรรถคดีขึ้นมาพิจารณา  แล้วตัดสินโดยยุติธรรม  ผู้เป็นเจ้าของก็ให้เป็นเจ้าของ  ผู้ไม่ใช่เจ้าของก็เป็นเจ้าของไม่ได้  มหาชนก็พากันซ้องสาธุการ

พระราชาได้สดับเสียงนั้น  จึงตรัสถามว่า  "นั่นเสียงอะไร ?"  มีผู้ทูลว่า  "ข้าแด่พระสมมติเทพเจ้า  พระจันทกุมารอุปราชทำการวินิจฉัยอรรถคดีและตัดสินอย่างยุติธรรม  เสียงนั้นคือเสียงสาธุการของมหาชน  พระเจ้าข้า"  พระราชาได้สดับดังนั้นก็ทรงโสมนัส

เมื่อพระจันทกุมารเสด็จมาเฝ้า  จึงตรัสถามว่า  "แนะพ่อจันทกุมาร  ได้ยินว่า เจ้าตัดสินความเรื่องหนึ่งหรือ ?"

"พระเจ้าข้า"

"ถ้ากระนั้น  ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป  พ่อขอมอบให้เจ้าคนเดียวเท่านั้นเป็นผู้วินิจฉัยอรรถคดีทั่วไป"  แล้วก็ทรงแต่งตั้งให้จันทกุมารทำหน้าที่วินิจฉัยอรรถคดี  ผลประโยชน์ของกัณฑหาลก็ขาดลง  แต่นั้นมา  เขาจึงผูกอาฆาตและคอยเพ่งเล็งจะจับผิดพระจันทกุมาร

พระเจ้าเอกราชาทรงมีพระสติปัญญาอ่อน  เชื่อคนง่าย  คืนวันหนึ่งทรงสุบินไปว่า  ได้พบแดนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เป็นที่สุขารมย์ยิ่งนัก  มีเวชยันต์ปราสาทสวยงาม  เรียงรายด้วยนางฟ้าขับร้องประโคมดนตรี  มีสวนนันทวันน่ารื่นรมย์  และซุ้มประตูอันอลงกต  ครั้นตื่นบรรทมก็ทรงปรารถนาเป็นอย่างยิ่งที่จะไปดินแดนนั้น  จึงรับสั่งให้หากัณฑหาลผู้ที่พระองค์ทรงนับถือว่า  เป็นบัณฑิตมาเฝ้า  เพื่อจะทรงถามถึงหนทางที่จะไปยัแดนสวรรค์นั้น  ด้วยทรงเข้าพระทัยว่า  อาจารย์กัณฑหาลของพระองค์จะบอกให้ได้

มาเฝ้าจึงตรัสถามว่า  "ท่านพราหมณ์ ท่านเป็นคนฉลาดในอรรถธรรม  ขอจงบอกทางไปสวรรค์แก่เรา"

ตามปรกติกัณฑหาลก็เป็นผู้โง่เขลางมงายอยู่แล้ว  เมื่อถูกพระราชาผู้มีสติปัญญาอ่่อนถามเช่นนั้น  ก็เท่ากับบุรุษหลงทางมาได้  ๗  วัน  ถามบุรุษคนหนึ่งซึ่งหลงทางมาแล้วตั้งครึ่งเดือน

กัณฑหาลพราหมณ์จึงคิดว่า  "คราวนี้ได้โอกาสละเมื่อจันทกุมารสิ้นชีวิตลง  ลาภยศที่เราเสื่อมไปก็จะกลับคืนมา  เราก็จะสมปรารถนาทุกประการ"  จึงทูลตอบว่า  "ข้าแต่สมมติเทพ  นรชนทั้งหลายกระทำบุญ  ให้ทานและฆ่าบุรุษที่ไม่ควรจะฆ่า  ย่อมไปสู่สุคติสวรรค์นั้นได้  พระเจ้าข้า"

"ทำบุญ  ให้ทาน  และฆ่าบุคคลที่ไม่ควรจะฆ่า?"  ทรงทวนคำของพราหมณ์  "จะให้เราบูชายัญหรือท่านพราหมณ์ ?"

"ข้าแต่สมมติเทพ  พระองค์มีพระดำรัสถูกแล้ว  ควรบูชายัญด้วยพระราชบุตร  พระมเหสี  ชาวนิคม  โคอุสภราช  และอาชาไนยทั้งหลาย  อย่างละ ๔  ละ  ๕  ดังที่เรียกว่าบูชาาด้วยหมวด ๔  แห่งสัตว์ทั้งปวง  พระเจ้าข้า"


.........................



(ยังมีต่ออีก)





























ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น