พระจันทกุมาร
สมัยหนึ่ง เมืองพาราณสีมีชื่อเมืองว่า "ปุปผวดี" มีกษัตริย์พระนามว่า พระเจ้า "เอกราชา" ทรงครองราชสมบัติอยู่ในเมืองนั้น พระราชบุตรพระนามว่า "จันทกุมาร" ดำรงตำแหน่งอุปราช พราหมณ์ชื่อ "กัณฑหาล" เป็นปุโรหิต พระเจ้าแผ่นดินเห็นว่ากัณฑหาลปุโรหิตเป็นบัณฑิต จึงทรงแต่งตั้งให้มีหน้าที่ตัดสินอรรถคดีอีกตำแหน่งหนึ่ง แต่กัณฑหาลเป็นคนชอบกินสินบน เมื่อได้รับสินบนแล้ว ก็แปรรูปคดีไปในทางที่ไม่ยุติธรรม ผู้ไม่ใช่เจ้าของก็ตัดสินให้เป็นเจ้าของ ผู้เป็นเจ้าของก็กลับไม่ให้เป็นเจ้าของ
วันหนึ่ง มีบุรุษคนหนึ่งร้องโพนทะนาด่าว่า ปุโรหิตตัดสินความไม่ยุติธรรมอยู่ในโรงวินิจฉัยอรรถคดี ครั้นเดินออกมาภายนอกเห็นพระจันทกุมารกำลังเสด็จมาเฝ้าพระราชบิดา ก็กราบลงแทบพระบาทแล้วร้องไห้
"มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแก่ท่านหรือ ?" พระจันทกุมารตรัสถามบุรุษ
"กัณฑหาลกินสินบนในการตัดสินความ แม้ข้าพระองค์นี้ก็ถูกเขากินสินบน เขารับสินบนแล้วยังตัดสินให้ข้าพระองค์เป็นฝ่ายแพ้ พระเจ้าข้า"
"อย่าเสียใจไปเลย มาไปกับเรา เราจะให้ความยุติธรรม" พระจันทกุมารทรงปลอบบุรุษผู้นั้น แล้วพาไปสู่โรงวินิจฉัย หยิบยกเอาอรรถคดีขึ้นมาพิจารณา แล้วตัดสินโดยยุติธรรม ผู้เป็นเจ้าของก็ให้เป็นเจ้าของ ผู้ไม่ใช่เจ้าของก็เป็นเจ้าของไม่ได้ มหาชนก็พากันซ้องสาธุการ
พระราชาได้สดับเสียงนั้น จึงตรัสถามว่า "นั่นเสียงอะไร ?" มีผู้ทูลว่า "ข้าแด่พระสมมติเทพเจ้า พระจันทกุมารอุปราชทำการวินิจฉัยอรรถคดีและตัดสินอย่างยุติธรรม เสียงนั้นคือเสียงสาธุการของมหาชน พระเจ้าข้า" พระราชาได้สดับดังนั้นก็ทรงโสมนัส
เมื่อพระจันทกุมารเสด็จมาเฝ้า จึงตรัสถามว่า "แนะพ่อจันทกุมาร ได้ยินว่า เจ้าตัดสินความเรื่องหนึ่งหรือ ?"
"พระเจ้าข้า"
"ถ้ากระนั้น ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป พ่อขอมอบให้เจ้าคนเดียวเท่านั้นเป็นผู้วินิจฉัยอรรถคดีทั่วไป" แล้วก็ทรงแต่งตั้งให้จันทกุมารทำหน้าที่วินิจฉัยอรรถคดี ผลประโยชน์ของกัณฑหาลก็ขาดลง แต่นั้นมา เขาจึงผูกอาฆาตและคอยเพ่งเล็งจะจับผิดพระจันทกุมาร
พระเจ้าเอกราชาทรงมีพระสติปัญญาอ่อน เชื่อคนง่าย คืนวันหนึ่งทรงสุบินไปว่า ได้พบแดนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เป็นที่สุขารมย์ยิ่งนัก มีเวชยันต์ปราสาทสวยงาม เรียงรายด้วยนางฟ้าขับร้องประโคมดนตรี มีสวนนันทวันน่ารื่นรมย์ และซุ้มประตูอันอลงกต ครั้นตื่นบรรทมก็ทรงปรารถนาเป็นอย่างยิ่งที่จะไปดินแดนนั้น จึงรับสั่งให้หากัณฑหาลผู้ที่พระองค์ทรงนับถือว่า เป็นบัณฑิตมาเฝ้า เพื่อจะทรงถามถึงหนทางที่จะไปยัแดนสวรรค์นั้น ด้วยทรงเข้าพระทัยว่า อาจารย์กัณฑหาลของพระองค์จะบอกให้ได้
มาเฝ้าจึงตรัสถามว่า "ท่านพราหมณ์ ท่านเป็นคนฉลาดในอรรถธรรม ขอจงบอกทางไปสวรรค์แก่เรา"
ตามปรกติกัณฑหาลก็เป็นผู้โง่เขลางมงายอยู่แล้ว เมื่อถูกพระราชาผู้มีสติปัญญาอ่่อนถามเช่นนั้น ก็เท่ากับบุรุษหลงทางมาได้ ๗ วัน ถามบุรุษคนหนึ่งซึ่งหลงทางมาแล้วตั้งครึ่งเดือน
กัณฑหาลพราหมณ์จึงคิดว่า "คราวนี้ได้โอกาสละเมื่อจันทกุมารสิ้นชีวิตลง ลาภยศที่เราเสื่อมไปก็จะกลับคืนมา เราก็จะสมปรารถนาทุกประการ" จึงทูลตอบว่า "ข้าแต่สมมติเทพ นรชนทั้งหลายกระทำบุญ ให้ทานและฆ่าบุรุษที่ไม่ควรจะฆ่า ย่อมไปสู่สุคติสวรรค์นั้นได้ พระเจ้าข้า"
"ทำบุญ ให้ทาน และฆ่าบุคคลที่ไม่ควรจะฆ่า?" ทรงทวนคำของพราหมณ์ "จะให้เราบูชายัญหรือท่านพราหมณ์ ?"
"ข้าแต่สมมติเทพ พระองค์มีพระดำรัสถูกแล้ว ควรบูชายัญด้วยพระราชบุตร พระมเหสี ชาวนิคม โคอุสภราช และอาชาไนยทั้งหลาย อย่างละ ๔ ละ ๕ ดังที่เรียกว่าบูชาาด้วยหมวด ๔ แห่งสัตว์ทั้งปวง พระเจ้าข้า"
.........................
(ยังมีต่ออีก)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น