พญาครุฑ (ต่อ)
"คนประทุษร้ายมิตร สละความเกื้อกูล จะต้องไปหมกไหม้ในนรกอันแรงร้าย แผ่นดินย่อมคุ้มครองคนอย่างนั้นไว้ไม่ได้ หรือเมื่อมีชีวิตอยู่ก็ซูบซีด ถ้าพ่ออยากได้ทรัพย์ พระภูริทัตจะประทานให้ ถ้าพ่อทำร้ายท่าน พ่อจะประสบเวรที่ทำไว้" โสมทัตใหสติพ่อ
"ดูก่อนโสมทัต เราเป็นพราหมณ์ บูชามหายัญแล้วยอมบริสุทธิ์จากบาปได้ เราทำผิดต่อพระภูริทัตแล้วบูชามหายัญเสียก็พ้นบาป"
"เอาเถอะ ถ้าอย่างนั้น เราก็ต้องแยกทางกัน ลูกจะไม่เดินร่วมทางกับพ่อผู้ทำบาปหยาบช้าอย่างนี้อีกแม้ก้าวเดียว"
เมื่อโสมทัตกล่าวดังนี้ และเห็นว่าถึงอย่างไรก็ไม่สามารถจะยังยั้งความคิดของบิดาได้ จึงร้องประกาศขึ้นด้วยเสียงดังว่า "ข้าพเจ้าจะไม่ไปกับคนทำบาปอย่างนี้อีกละ" แล้วก็หนีบิดาไปต่อหน้า เข้าไปในปาหิมพานต์บรรพชาเป็นฤษี ทำอภิญญาและสมาบัติให้เกิดมิได้เสื่อมคลาย แล้วก็ได้ไปเกิดในพรหมโลก
ข้างพราหมณ์เนสาทคิดเสียว่า โสมทัตจะไปไหนนอกจากบ้าน ครั้นเห็นท่าทางอาลัมพายน์ไม่พอใจจึงปลอบว่า "ท่านอย่าวิตกไปเลย เราจะชี้ภูริทัตให้" ว่าแล้วก็พาไปยังที่รักษาอุโบสถของพญานาค เห็นพญานาคนอนขดอยู่บนจอมปลวก หยุดยืนอยู่ในที่ไม่ไกลนัก แล้วเหยียดมือออกกล่าวว่า
"ท่านจงจับเอานาคใหญ่นั้น แล้วส่งแก้วมณีมาให้เราเถิด"
พระภูริทัตลืมตาขึ้นและเห็นพราหมณ์เนสาท จึงคิดว่า "เราได้คิดแล้วไม่ผิดเลยว่าอีตาพราหมณคนนี้จะต้องมาทำอันตรายแก่อุโบสถของเรา เราจึงได้พาไปยังนาคพิภพ ให้ทั้งยศทั้งสมบัติเป็นอันมาก ครั้นให้แก้วมณีแกก็ไม่รับ ทำเป็นคนมักน้อยและบอกว่าจะออกบวช บัดนี้กลับไปหาหมองูมา พราหมณ์เป็นคนประทุษร้ายมิตร ถ้าเราโกรธศีลของเราก็จะขาด เราได้อธิษฐานอุโบสถประกอบด้วยองค์ ๔ ไว้แล้ว จะต้องรักษาไว้ให้ได้ ถึงหมองูนี้จะตัด จะเผา จะฆ่า หรือจะแท่งเราก็ตามทีเถิด เราจะไม่โกรธแกเลย หากเราจะจ้องดูแกด้วยความโกรธ แกก็จะพินาศย่อยยับเป็นขี้เถ้าไป ช่างเถอะ" คิดดังนั้นแล้วก็หลับตา จับหางยกให้ศีรษะเข้าไว้ภายในขนด นอนนิ่งมิได้ติงกาย
พราหมณ์อาลัมยน์ก็ร่ายมนต์ขยับเข้าไปใกล้พระภูริทัต จับหางกระชากออกมา แล้วกดศีรษะไว้อย่างแน่น งัดปากให้อ้าเคี้ยวยาบ้วนลงไปในปากพระภูริทัต จับหางยกให้ศีรษะลงต่ำ เขย่าให้สำรอกอาหารออกจนหมด แล้ววางเหยียดยาวบนพื้นดิน เหยียบย่ำจนพระภูริทัตรู้สึกเจ็บปวดประหนึ่งว่ากระดูกจะแตกออกไป ตาแกจับหางยกขึ้นฟาดลงกับแผ่นดินเหมือนฟาดผ้า พระภูริทัตได้รับทุกขเวทนาถึงปานนั้นก้มิได้โกรธ
พราหมณ์อาลัมพายน์ทรมานพระภูริทัตจนหมดกำลัง แล้วเอาเถาวัลย์มาถักเป็นกระโปรง จับพระภูริทัตยัดใสลงไป แต่ลำตัวพระภูริทัตใหญ่เข้ากระโปรงไม่ได้ อาลัมพายน์จึงใช้ส้นเท้าถีบเข้าไปจนได้ เสร็จแล้วตาแกก็แบกกระโปรงเข้าไปหมู่บ้านแหงหนึ่ง วางกระโปรงลงกลางบ้าน ประกาศว่่า "ใครจะดูนาครำก็เชิญมาดู" ชาวบ้านพากันมาล้อมดู เมื่ออาลัมพายน์เห็นคนมามุงดูกันมากพอสมครแล้ว จึงเรียกนาคออกจากกระโปรง
................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น