วันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ชาติที่ ๖ พระภูริทัต ตอน พญาครุฑ (หน้า ๒)



พญาครุฑ  (ต่อ)

"คนประทุษร้ายมิตร  สละความเกื้อกูล  จะต้องไปหมกไหม้ในนรกอันแรงร้าย  แผ่นดินย่อมคุ้มครองคนอย่างนั้นไว้ไม่ได้  หรือเมื่อมีชีวิตอยู่ก็ซูบซีด  ถ้าพ่ออยากได้ทรัพย์  พระภูริทัตจะประทานให้  ถ้าพ่อทำร้ายท่าน  พ่อจะประสบเวรที่ทำไว้"  โสมทัตใหสติพ่อ

"ดูก่อนโสมทัต  เราเป็นพราหมณ์  บูชามหายัญแล้วยอมบริสุทธิ์จากบาปได้  เราทำผิดต่อพระภูริทัตแล้วบูชามหายัญเสียก็พ้นบาป"

"เอาเถอะ  ถ้าอย่างนั้น  เราก็ต้องแยกทางกัน  ลูกจะไม่เดินร่วมทางกับพ่อผู้ทำบาปหยาบช้าอย่างนี้อีกแม้ก้าวเดียว"

เมื่อโสมทัตกล่าวดังนี้  และเห็นว่าถึงอย่างไรก็ไม่สามารถจะยังยั้งความคิดของบิดาได้  จึงร้องประกาศขึ้นด้วยเสียงดังว่า  "ข้าพเจ้าจะไม่ไปกับคนทำบาปอย่างนี้อีกละ"  แล้วก็หนีบิดาไปต่อหน้า  เข้าไปในปาหิมพานต์บรรพชาเป็นฤษี  ทำอภิญญาและสมาบัติให้เกิดมิได้เสื่อมคลาย  แล้วก็ได้ไปเกิดในพรหมโลก

ข้างพราหมณ์เนสาทคิดเสียว่า   โสมทัตจะไปไหนนอกจากบ้าน  ครั้นเห็นท่าทางอาลัมพายน์ไม่พอใจจึงปลอบว่า  "ท่านอย่าวิตกไปเลย  เราจะชี้ภูริทัตให้"  ว่าแล้วก็พาไปยังที่รักษาอุโบสถของพญานาค  เห็นพญานาคนอนขดอยู่บนจอมปลวก  หยุดยืนอยู่ในที่ไม่ไกลนัก  แล้วเหยียดมือออกกล่าวว่า

"ท่านจงจับเอานาคใหญ่นั้น  แล้วส่งแก้วมณีมาให้เราเถิด"

พระภูริทัตลืมตาขึ้นและเห็นพราหมณ์เนสาท  จึงคิดว่า  "เราได้คิดแล้วไม่ผิดเลยว่าอีตาพราหมณคนนี้จะต้องมาทำอันตรายแก่อุโบสถของเรา  เราจึงได้พาไปยังนาคพิภพ  ให้ทั้งยศทั้งสมบัติเป็นอันมาก  ครั้นให้แก้วมณีแกก็ไม่รับ ทำเป็นคนมักน้อยและบอกว่าจะออกบวช  บัดนี้กลับไปหาหมองูมา  พราหมณ์เป็นคนประทุษร้ายมิตร  ถ้าเราโกรธศีลของเราก็จะขาด  เราได้อธิษฐานอุโบสถประกอบด้วยองค์  ๔  ไว้แล้ว  จะต้องรักษาไว้ให้ได้  ถึงหมองูนี้จะตัด  จะเผา  จะฆ่า  หรือจะแท่งเราก็ตามทีเถิด  เราจะไม่โกรธแกเลย  หากเราจะจ้องดูแกด้วยความโกรธ  แกก็จะพินาศย่อยยับเป็นขี้เถ้าไป  ช่างเถอะ"  คิดดังนั้นแล้วก็หลับตา  จับหางยกให้ศีรษะเข้าไว้ภายในขนด  นอนนิ่งมิได้ติงกาย

พราหมณ์อาลัมยน์ก็ร่ายมนต์ขยับเข้าไปใกล้พระภูริทัต  จับหางกระชากออกมา  แล้วกดศีรษะไว้อย่างแน่น  งัดปากให้อ้าเคี้ยวยาบ้วนลงไปในปากพระภูริทัต  จับหางยกให้ศีรษะลงต่ำ  เขย่าให้สำรอกอาหารออกจนหมด  แล้ววางเหยียดยาวบนพื้นดิน  เหยียบย่ำจนพระภูริทัตรู้สึกเจ็บปวดประหนึ่งว่ากระดูกจะแตกออกไป  ตาแกจับหางยกขึ้นฟาดลงกับแผ่นดินเหมือนฟาดผ้า  พระภูริทัตได้รับทุกขเวทนาถึงปานนั้นก้มิได้โกรธ

พราหมณ์อาลัมพายน์ทรมานพระภูริทัตจนหมดกำลัง  แล้วเอาเถาวัลย์มาถักเป็นกระโปรง  จับพระภูริทัตยัดใสลงไป  แต่ลำตัวพระภูริทัตใหญ่เข้ากระโปรงไม่ได้  อาลัมพายน์จึงใช้ส้นเท้าถีบเข้าไปจนได้  เสร็จแล้วตาแกก็แบกกระโปรงเข้าไปหมู่บ้านแหงหนึ่ง  วางกระโปรงลงกลางบ้าน  ประกาศว่่า  "ใครจะดูนาครำก็เชิญมาดู"  ชาวบ้านพากันมาล้อมดู  เมื่ออาลัมพายน์เห็นคนมามุงดูกันมากพอสมครแล้ว  จึงเรียกนาคออกจากกระโปรง


................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น