วันพุธที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ชาติที่ ๑๐ พระเวสสันดร (หน้า ๘)


๖. จุลพน


พรานเจตบุตรหยุดยืนอยู่ที่ปากทาง  แล้วยกมือขวาขึ้นชี้พร้อมกับกล่าวว่า  "โน่นแน่ะท่านพราหมณ์  
ภูเขาคันธมาทน์  ภูเขาลูกนี้มีศิลาล้วน  พระเวสสันดรพร้อมทั้งพระนางมัทรีและราชโอรสประทับอยู่ที่ภูเขาลูกนี้  ท่านทรงเพศเป็นพราหมณ์  นุ่งห่มหนังเสือ  สวมชฏา  ถือเสียมสำหรับขุดหัวมันและไม้ขอสำหรับสอยผลไม้  ขอให้ท่านบ่ายหน้าตรงไปยังภูเขาลูกนี้เถิด

อนึ่ง  ภูเขาคั่นธมาทน์นั้น  มีต้นไม้หอมวิเศษ  ๑๐  ประการ  (ไม่ใช่ ๑๐ ประเภท  หรือ  ๑๐  ชนิด)  บางต้นมีรากหอม  บางต้นมีเปลือก  กิ่ง  ก้าน  และใบหอม  บางต้นมีแก่น  กระพี้  ผล  และดอกหอม  (ไม่ใช่ต้นเดียวหอมหมดถึง ๑๐ อย่าง)  ภูเขานี้มีต้นไม้กลิ่นหอมรวมกันแล้วได้ไม่น้อยกว่า  ๑๐  ประการ  จึงได้ชื่อว่า  "คันธมาทน์"

ในบริเวณอาศรมที่ประทับของพระเวสสันดร  มีหมู่ไม้ที่ให้ผลรับประทานได้  เช่น  มะม่วง  ขนุน  มะขวิด  สมอพิเภก   สมอไทย  มะขามป้อม  พุทรา  มะพลับ  มะซาง  มะสัง  มะเดื่อ  และองุ่นรสหวาน  กล้วยหอม  กล้วยงาช้าง  กล้วยน้ำว้า  กล้วยตีบ  ล้วนแต่มีรสหอมหวาน  รวงผึ้งที่ไม่มีแม่หวงแหน  ก็ห้อยแขวนอยู่ใต้กิ่งไม้  คนหยิบเอามาบริโภคได้โดยง่าย

"บริเวณที่ไม่ไกลนักจากพระอาศรมสถาน  มีสระน้ำสี่เหลี่ยมกว้างใหญ่พอประมาณ  มีน้ำเย็นใสสะอาด  ดารดาษด้วยดอกปทุมหลายอย่าง  มีนกกาเหว่ามาจับกิ่งไม้ใกล้ขอบสระ  เมารสดอกไม้ส่งเสียงจ้อไพเราะจับใจ  พอถึงฤดูดอกไม้บาน  เกสรดอกไม้ก็ร่วงลงบนใบบัว  มีรสหวานเกิดเป็นขัณฑสกร  ลมที่พัดมาจะพาละอองเกสรโปรยปรายทั่วบริเวณ  แมลงภู่บินว่อน  บันลือเสียงหึ่ง ๆ  อยู่โดยรอบ  เหล่าวิหคนกป่าพากันส่งเสียงขานขันรับกันระงมไพร  บ้างก็จับคู่ชูชมพลอดพร่ำกันอย่างเริงใจ  ทำให้บริเวณอาศรมสถานควรแก่การรื่นรมย์อย่างนี้ทุกวี่วัน"

ชูชกฟังคำพรรณนานั้นอย่างเพลินใจ  พอได้สติก็กล่าวขึ้นว่า  "ขอบคุณนักท่านพรานไพร  เออ  ก็ข้าว
สัตตุผงระคนน้ำผึ้งและข้าวสัตตุก้อนรสหวานอร่อย  นางอมิตดาเมียของลุงจัดให้มา  ลุงจะแบ่งปันให้เจ้าบ้าง  จงรับไว้เถิดหนา"

พรานเจตบุตร  "อย่าเลยท่านพราหมณ์ที่รัก  ข้าพเจ้ามีบริบูรณ์  ขอลุงจงรับน้ำผึ้งกับขาเนื้อทรายย่าง  เป็นเสบียงเดินทางไปเถิด  บ่ายหน้าไปทางนี้มีทางเดียวตรงดิ่งถึงอาศรมของพระอัจจุตฤษี  เมื่อลุงพราหมณ์ถึงอาศรมของท่านแล้ว  จงสนทนาวิสาสะกับท่านเถิด  แล้วท่านจะชี้ทางให้ต่อไป"

ชูชกแสนจะดีใจ  ทำประทักษิณอำลาพรานไพร  แล้วบ่ายหน้าตรงตามทิศทางที่จะไปยังอาศรมพระอัจจุตฤษี




๗.  มหาพน

ตาชูชกเดินมาตามทางที่เจตบุตรบอก  ก็บรรลุถึงอาศรมของพระอัจจุตฤาษี  แกจึงแวะเข้าไปสนทนาปราศรัยด้วยโดยสุภาพ

ชูชก  "ท่านดาบสผู้เจริญ  ท่านมีความสุขสบายดีอยู่หรือ  มูลผลาหารในป่านี้อุดมสมบูรณ์ไหม  โรคภัยอันตรายใด ๆ  ทั้งสัตว์ร้ายในป่า  คงจะไม่มารบกวนพระคุณท่านกระมัง   หรืออย่างไร ?

ฤาษี  "สบายดีท่านพราหมณ์  ผลหมากรากไม้อุดมสมบูรณ์  ป่านี้ไม่มีอันตรายใด ๆ  ทั้งเหลือบยุงบุ้งริ้นร่าน  ตลอดจนพาฬมฤคร้ายก็ไม่มีมารบกวนเรา  อยู่มาด้วยความปกติสุขนานนักหนาแล้ว  ไม่เคยเจ็บไข้ได้ป่วยเลย  เออ  ก็นี่ท่านมาอย่างไร  และจะไปไหนกันจึงได้ดั้นดนมาจนถึงสำนักของเรา  นับว่าเป็นศรีสวัสดีดีแก่เรามาก  เชิญท่านมาข้างในเถิด  เราขอต้อนรับท่านด้วยความยินดี  น้ำท่ามีบริบูรณ์  เชิญชำระมือเท้าและอาบฉันตามประสงค์  เราตักมาจากหุบห้วยละหานอันสะอาด  ผลไม้ก็ยังมีอยู่ไม่ขาดและมากมาย  เชิญพ่อพราหมณ์ตามสบายทีเดียว  เชิญ  เชิญเถิด"

ชูชก  "ข้าแต่พระฤษี  ความอารีของท่านเป็นพระคุณยิ่ง  ข้าพเจ้าดั้นด้นมาถึงที่นี่  ก็ด้วยมีความปรารถนาจะไปยังสำนักของพระเวสสันดร  ซึ่งท่านได้พลัดพรากจากมาช้านาน  ผิว่าท่านได้ทราบสถานที่ประทับ  ก็ขอได้โปรดแจ้งให้ข้าพเจ้าทราบสักหน่อยเถิด"

พระฤาษีทราบได้ทันที  จึงตวาดขึ้นว่า  "เหม่  อ้ายพราหมณ์ถ่อย  จงบอกมาเสียดี ๆ  ว่ามึงนี้จะตามไปขออะไรจากพระเวสสันดรอีก  ตั้งแต่พระองค์จากพระนครมา  ก็หาได้มีทรัพย์สินสิ่งใดติดพระองค์มาแม้แต่น้อย  นอกจากลูกเมีย  มึงนี่มีสันดานเสีย  ขอเสียจนไม่เลือกหน้า  จงบอกมาเสียดี ๆ  ว่าจะขอมัทรีหรือราชโอรส"

ชูชก  "ช้า  ช้า  ข้าแต่พระอาจารย์  อย่าเพิ่งพาลโกรธเอาง่าย ๆ  อย่างนั้นเลย  ข้าพเจ้ามิได้มุ่งจิตคิดมาขอทานอย่างท่านว่า  เพราะเป็นการครหาเสียประเพณี  แต่ข้าพเจ้านี้มีอุดมคติว่า  การคบหาคนดีมีแต่ความสุข  การอยู่ร่วมกับคนดีไม่มีโทษ  มีแต่จะได้รับประโยชน์ความเจริญทุกเวลา  ตั้งแต่พระเวสสันดรเสด็จมา  ข้าพเจ้ายังไม่ได้พบเห็นพักตราพระองค์เลย  ให้รู้สึกระลึกถึงเป็นอย่างยิ่ง  มานี่ก็เพื่อจะได้พบท่านบ้าง  เพื่อจะได้เป็นทางแห่งความสุขสวัสดี  ผิว่าพระคุณเจ้าทราบสถานที่ประทับ  ก็จงเอื้อเอ็นดูแก่ข้าพเจ้าเอาบุญเถิด"

พระอัจจุตฤาษีได้ฟังดังนั้น  ก็สำคัญว่าเป็นความจริง  หลงเชื่อ  จึงกล่าวว่า  "ถ้ากระนั้นก็ดีแล้ว  เป็นความดีของท่าน  แต่ว่าวันพรุ่งนี้เถอะ  อย่าด่วนรีบร้อนไปเลย"

รุ่งเช้าพระฤาษีได้พาตาชูชกมายืนอยู่ที่ต้นทาง  พลางก็ยกมือขึ้นชี้แนวไพรโดยนัยดังที่กล่าวแล้วในกัณฑ์จุลพน  แต่มีความพิสดารขยายละเอียดออกไปอีก  นอกจากจะกล่าวถึงภูเขาคันธมาทน์  ภูเขาอัญชนะ  ต้นไม้  และสระน้ำแล้วยังกล่าวถึงปลาและสัตว์ป่าไว้อย่างน่าฟังอีกด้วย

เฒ่าชูชกได้ฟังคำพรรณนาถึงป่าไม้ใหญ่จบลงด้วยความยินดี  แล้วก็ทำประทักษิณแสดงความเคารพ
พระฤาษี  บ่ายหน้าตรงตามทิศที่ท่านชี้  ด้วยความมีใจกระหายที่จะได้พบพระเวสสันดร



...............................


















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น