วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ชาติที่ ๑๐ พระเวสสันดร (หน้า ๑๒)



๑๑.  สักกบรรพ


เมื่อกษัตริย์ทั้งสองมีพระหฤทัยชื่นชมโสมนัสในการบริจากคทานร่วมกันเป็นอันดีดังนั้นแล้ว  ท้าวสักกเทวราชจึงทรงดำริว่า  ต่อไปอาจมีใครที่ใจชั่วช้าเข้าไปหาท้าวเธอแล้วทูลขอพระนางมัทรีไป  ซึ่งแน่นอนเหลือเกินว่าจะต้องทรงประทานให้ไม่เป็นปัญหา  ก็จะเป็นเหตุให้พระเวสสันดรถูกทอดทิ้งอยู่แต่พระองค์เดียวในป่าใหญ่  ไม่มีใครปรนนิบัติ  เราควรจะแปลงเพศเป็นพราหมณ์เข้าไปทูลขอไว้เสียก่อน  แล้วก็จะถวายคืนให้แก่ท้าวเธอ  เป็นการทำอาญัติตัดหนทางคนอื่นที่จะมาขอเสียก่อน  เมื่อทรงดำริชอบเช่นนี้แล้ว  พอราตรีสว่างแจ้ง  ก็ทรงแปลงเพศเป็นพราหมณ์ไปปรากฏอยู่ในสำนักพระเวสสันดรทันที  หลังจากได้กล่าวสัมโมทนียกถาต้อนรับกันตามอัธยาศัยแล้ว  ท้าวสักกะจึงทูลว่า  "ข้าพเจ้าเป็นคนแก่  ที่มานี้ก็เพื่อจะทูลขอพระนางมัทรีมเหสีของพระองค์  ข้าพเจ้าเชื่อว่า  ห้วงน้ำใหญ่ย่อมไม่ขาดแห้งแล้งน้ำลงได้ฉันใด  น้ำพระทัยของพระองค์ก็คงเป็นเช่นนั้น  ขอพระองค์ได้ทรงโปรดยกพระนางมัทรีผู้มีสิริโฉมเลิศนารีแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด"

พระเวสสันดร  "เรายินดี มิได้มีความหวั่นไหวอย่างใดเลยในเรื่องบริจาคทาน  เอาเถอะท่านพราหมณ์  เราขอมอบให้แก่ท่านด้วยความเต็มใจ"  ตรัสแล้วก็ทรงหยิบพระคนโทหลั่งน้ำลงบนมือพราหมณ์  เพื่อแสดงว่า  ได้ทรงยกให้แล้ว  "ท่านพราหมณ์เอ๋ย  ในโลกนี้ก็มีอยู่สิ่งเดียวเท่านั้นที่เรารักและปรารถนายิ่งกว่า
มัทรี  สิ่งนั่นคือพระสัพพัญญุตญาณอันวิเศษสุด  การที่เราเสียสละบุตรไปเมื่อวันวาน  ก็มิใช่ว่าจะเกลียดชังบุตรหามิได้  และวันนี้เรายกมัทรีให้ก็มิใช่ว่าจะสิ้นรักในพระนาง แต่เราเห็นว่าพระสัพพัญญุตญาณเป็นใหญ่กว่า  จึงกล้าเสียสละบริจาคของรักดุจชีวิตทั้งนั้นได้  หวังว่าท่านคงเข้าใจดี"  ตรัสดังนี้แล้วก็ทรงพิศดูพระพักตร์ของพระนางว่า  จะมีอาการผิดปรกติอย่างไรบ้าง  ฝ่ายพระนางทรงทราบในพระอัธยาศัยจึงทูลว่า  "ไฉนจึงทรงเพ่งข้าพระบาทดังนั้นเล่า  อันหม่อมฉันนี้เป็นสิทธิ์ของพระองค์ผู้สามีทุกอย่าง  เมื่อทรงปรารถนาจะขายก็ขายได้  จะฆ่าก็ฆ่าได้  ตามแต่ใจปรารถนา  ขอจงอย่าได้ระแวงพระทัยแต่อย่างใดเลย"

ณ  บัดนั้น  ท้าวโกสีย์ก็ทรงประจักษ์ชัดในพระอัธยาศัยอันประณีตของสองกษัตริย์  จึงตรัสสรรเสริญพระเกียรติคุเป็นนักหนา  ตรัสว่า  "ทวยเทพทุกสรวงสวรรค์จะพากันสาธุการว่า  พระองค์ได้ทรงทำสิ่งที่ใคร ๆ  ทำได้ยาก  การเสียสละเช่นนี้  คนไม่ดีทำตามไม่ได้  เพราะว่าทางของคนดีนั้น  คนไม่ดีตามไปได้ยากนัก  เพราะฉะนั้น  คนดีกับคนไม่ดีจึงได้รับผลต่างกันเสมอ"  ตรัสดังนี้แล้วก็ทรงดำริว่า  เราไม่ควรจะอยูช้า  แล้วจึงตรัสต่อไปว่า  "ข้าพเจ้าขอถวายพระนางมัทรีคืนแก่พระคุณเจ้า  ขอจงเป็นคู่บุญคู่บารมีกันไปจนถึงที่สุดเถิด"  แล้วจึงแสดงให้ทราบว่า  ตัวเธอเป็นท้าวโกสีย์  และยินดีจะประสาทพรให้ตามปรารถนา  ขอให้ทรงเลือกแล้วเสนอมาเถิด  จะประสาทให้ทุกประการ

พระเวสสันดรและพระนางมัทรีทรงสดับด้วยความปรีดา  แล้วจึงเสนอขอประทานพรรวมด้วยกัน  ๘  ประการ  คือ

  1. ขอให้พระราชบิดาทรงอภัยโทรและรับให้ครองราชสมบัติต่อไป
  2. ขอให้พระองค์อย่ามีจิตคิดพอใจในการฆ่าคน  แม้ว่าคนนั้นจะมีโทษผิดเพียงใดก็ตาม
  3. ขอให้พระองค์จงเป็นที่พึ่งของประชากรทุกถ้วนหน้า
  4. ขออย่าให้พระองค์ประพฤติผิดในประเวณี  ลุอำนาจแก่สตรีทั้งปวง
  5. ขอให้บุตรที่พลัดพรากไปนั้นจงมีอายุยืนนาน  และได้กลับมาครองราชสมบัติสืบต่อไป
  6. ขอให้อาหารอันเป็นทิพย์จงบังเกิดมี  นับแต่วันที่ข้าพระองค์เสด็จกลับถึงพระนคร
  7. ขอให้ได้โอกาสบริจาคทาน  สิ่งของทั้งปวงอย่ารู้จักหมดสิ้น  และขอให้จิตใจจงอย่าเกิดความเสียดายในภายหลัง
  8. ขอให้ได้เสด็จสู่สุคติสวรรค์ไปตามลำดับ  จนบรรลุถึงความสำเร็จพระโพธิญาณ  ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป
พระอินทร์ทรงสดับแล้วก็รับรองว่าจะต้องเป็นเช่นนั้น  ตอนสุดท้ายตรัสว่า  "ในไม่ช้า  พระราชบิดาก็จะเสด็จมาถึงที่นี่  ขออวยพรให้ท่านจงสำเร็จสมดังปรารถนาจงทุกประการ"  แล้วก็อันตรธานหายไป


......................................



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น