๘. กุมาร (ต่อ)
สองกุมารได้สดับดังนั้น ก็ตกใจไหวหวั่น จึงพากันแอบไปหลังพระคันธกุฎีแล้วเสด็จหนีซอกซอนไปตามพงรก ด้วยกลัวว่าตาชูชกจะมาตามจับตัว ให้ตกใจสั่นระรัวไม่อาจแอบอยู่ในที่ใด ๆ ได้ จึงพากันวิ่งไปทางโน้น แล้วก็กลับมาทางนี้ จนในที่สุดก็มาถึงขอบสระโบกขรณี จึงพากันลงไปในน้ำ เอาใบบัวปิดพระเศียร ซ่อนกายประทับยืนอยู่ในกระแสชลในสระนั้น
ฝ่ายชูชกเมื่อไม่เห็นสองกุมาร จึงเอะอะขึ้นว่า "ดูเถอะท่านพระเวสสันดร พระองค์ประทานสองกุมารให้แล้ว ครั้นพอกระหม่อมฉันทูลว่า จะไม่พาไปหาพระอัยกาที่กรุงเชตุดร แต่จะพาไปให้พราหมณีอมิตดาใช้ต่างทาส กลับทำสัญญาบุ้ยใบ้ให้กุมารพากันหนีไปเสีย แล้วกลับทำเป็นนั่งนิ่งไม่รู้ไม่ชี้ เจ้าข้าเอ๋ย บรรดามนุษย์ในโลกนี้เห็นจะไม่มีใครขี้ปดมดเท็จเหมือนพระองค์อีกแล้ว"
พระเวสสันดร "พราหมณ์เอ๋ย อย่าวุ่นวายไปเลย เอาเถอะเราจะนำกุมารทั้งสองมามอบให้" ตรัสแล้วก็เสด็จลงตรงไปหลังบรรณศาลา ตามรอยเท้าเรื่อยไปจนถึงสระโบกขรณี ก็ทรงทราบได้ทันทีว่า สองกุมารลงไปซ่อนตัวอยู่ในน้ำ จึงตรัสเรียกว่า "พ่อชาลีของพ่อเอ๋ย ไยเจ้านิ่งเฉยอยู่เล่า จงขึ้นมา จงช่วยให้พ่อได้บำเพ็ญทานบารมีที่ประสงค์ ทั้งสองเจ้าจงเป็นดั่งนาวา พาพ่อข้ามมหาสมุทรไปให้ถึงฝั่งดังปรารถนาเถิด"
พระกุมารชาลีได้สดับดังนั้น ก็ทรงตัดสินพระทัยมั่นลงไปว่า ตาพราหมณ์เฒ่านี้จะดีร้ายกะเราอย่างไรก็ตาม ก็จงทำเอาตามปรารถนาเถิด เราจะเสียสละบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์แก่พระบิดา ณ บัดนี้ แล้วพระชาลีจึงโผล่พระเศียรแหวกน้ำขึ้นมา คลานเข้าไปหมอบอยู่แทบพระบาทาของพระบิดา แล้วทรงกรรแสงเป็นที่น่าสมเพชยิ่งนัก
พระเวสสันดรเมื่อทรงเห็นแต่พ่อชาลี ไม่ทรงเห็นแม่กัณหา จึงตรัสว่า "พ่อชาลี แม่กัณหาน้องเจ้าไปอยู่ไหนเล่า ?"
พระกุมารชาลี "ข้าแต่พระบิดาบังเกิดเกล้า ธรรมดาสรรพสัตว์ เมื่อเห็นภัยพิบัติมีมา ก็ต้องพยายามรักษาตัวแหละยิ่งกว่าสิ่งใด พระเจ้าข้า"
พระเวสสันดรจึงทรงดำริว่า "ชะรอยลูกทั้งสองจะทำกติกาสัญญานัดแนะกัน" แล้วจึงตรัสเรียกว่า "แม่กัณหาลูกรักจงมาหาพ่อเถิด"
ดังนั้น พระกุมารีกัณหาก็เสด็จขึ้นมาซบอยู่แทบพระบาทพระบิดาหลั่งอัสสุชลธาราลงบนพระบาทจนเปียกชุ่ม
พระเวสสันดร มีพระหฤทัยแทบจะแตกสลาย เอื้อมพระหัตถ์ลูบหลังทั้งสองกุมาร แล้วทรงประคองให้ลุกขึ้นแล้วตรัสว่า "เจ้าไม่รู้หรือพ่อนี้ปรารถนาจะบำเพ็ญทานบารมีให้ถึงที่สุด ซึ่งจะไม่มีใครในโลกนี้อีกแล้วที่จะทำได้" แล้วก็ทรงตีราคาค่าตัวของสองกุมารว่า "ถ้าเจ้าอยากจะเป็นไทไม่เป็นทาส ก็ต้องไถ่ตัวด้วยทองคำพันแท่ง ส่วนเจ้านั้นเป็นหญิงมีค่ามาก จักต้องไถ่ ตัวด้วยจำนวนทาสชายหญิง และช้างม้าโคอุสภอย่างละ ๑๐๐ ถ้วน พร้อมกับทองคำ ๑๐๐ แท่ง " ตรัสแล้วก็ทรงจูงหัตถ์สองกุมารมายังพระกุฎี ตรัสเรียกชูชกมาว่า "พราหมณ์เอ๋ย เชิญมานี่เถิด" พระองค์ทรงหยิบพระเต้าอุทกพร้อมกับตั้งปณิธานจิตมั่นต่อพระสัพพัญญุตญาณ แล้วหลั่งลงในมือพราหมณ์ เพื่อแสดงว่าได้มอบสองกุมารให้แล้ว ณ บัดนั้น
ชูชกดีใจ หันเข้าไปในป่า เอาปากกัดเถาวัลย์ลากลงมา แล้วก็ผูกพระหัตถ์ซ้ายขวาของสองกุมารเข้าด้วยกัน ถือปลายเถาวัลย์แล้วก็ลงไม้เรียว ฉุดกระชากลากเอาไป เสียงไม้เรียวดังขวับเควี้ยว เนื้อของสองกุมารก็แตกโลหิตไหลเป็นทาง พอแกเฆี่ยนองค์น้อง องค์พี่ก็เอาหลังรับเอาไว้ พอเฆี่ยนองค์พี่ องค์น้องก็เอาหลังรับไว้ ยิ่งทำให้ตาชูชกเดือดดาลเป็นการใหญ่ ดึงไปเฆี่ยนไปในหนทางไม่ราบเรียบ แกเหยียบก้อนหินพลาดหกคะมำคว่ำลงไป เถาวัลยหลุดมือสองกุมารก็วิ่งกลับไปหมอบอยู่แทบเท้าพระบิดาสั่นระรัวไปทั้งองค์
สองกุมารพากันกราบทูลพระบิดาว่า "ข้าแต่พระบิดา ขออย่าเพิ่งประทานลูกให้ไปก่อน รอจนกว่าลูกจะได้พบพระมารดาซึ่งเสด็จกลับมาในเวลาเย็น เมื่อลูกและพระมารดาได้เห็นกันแล้ว จึงค่อยประทานให้ไปเถิด"
พระเจ้าข้า ข้าแต่พระบิดา อีตาพราหมณ์แก่นี้มันแสนจะเหี้ยมโหด สารรูปก็เต็มไปด้วยบุรุษโทษถึง ๑๘ ประการ คือ
พระเจ้าข้า ข้าแต่พระบิดา อีตาพราหมณ์แก่นี้มันแสนจะเหี้ยมโหด สารรูปก็เต็มไปด้วยบุรุษโทษถึง ๑๘ ประการ คือ
- ฝ่าเท้าทั้งสองข้างใหญ่โค้งคด
- เล็บทั้งหมดดำเป็นหนองเน่า
- น่องทู่ ยู่ขึ้นยานลงเป็นกระติกย้อย
- ฝีปากบนหุบย้อยหุ้มฝีปากล่าง
- น้ำลายไหลเป็นยางยืดทั้งสองแก้ม
- เขี้ยวงอกแยกแย้มบนปากเหมือนเขี้ยวหมู
- จมูกฟุบยุบอยู่ดูน่าชัง
- ท้องพลุ้ยเป็นกะเปาะตั้งดังหม้อใหญ่
- สันหลังไหล่ค่อมคดโกงหัก
- ตาถล่นลึกทรลักษณ์ ข้างหนึ่งเล็ก ข้างหนึ่งใหญ่ไม่เท่ากัน
- หนวดเคราดังทองแดงดูน่ากลัว
- ผมเหลืองสลัวดังสีลาน
- ตามตัวสะพรั่งด้วยเส้นเอ็นนูนเกะกะ
- มีต่อมแมลงวันและตกกระดั่งโรยงา
- ตาเหลือกเหล่เหลืองเหมือนตาแมว
- คอ หลัง และสะเอวคดค่อม
- เท้าทั้งสองโกงกางเกะกะ (ขาเก)
- ขนหยาบแข็งดังแปรงหมู
"ลักษณะอย่างนี้ผิดมนุษย์ธรรมดา น่าจะเป็นยักษ์มากกว่า พระบิดาไม่สงสารลูกแล้วหรือ จึงทรงนิ่งเฉยไม่นำพา ปล่อยให้มันมาเฆี่ยนตีเอาตามใจชอบ ถึงอย่างไรก็ขอโอกาสให้ลูกทั้งสองได้พบพระมารดาก่อนเถิด พระเจ้าข้า"
พระเวสสันดรทรงนิ่งอั้นตันพระหฤทัย พระชาลีจึงทรงคร่ำครวญต่อไปว่า "ตาเฒ่าแกเฆี่ยนตีลูกนี้ไม่เดือดร้อน กระหม่อมฉันเป็นชายย่อมทนได้เป็นธรรมดา แต่ทุกข์ที่พระน้องกัณหากับพระมารดาจะไม่ได้พบกันนี่สิร้ายนัก พระมารดาจะทนมีชีวิตอยู่อย่างไรกัน ตั้งแต่เสด็จกลับมาพอไม่เห็นหน้าลูกรักก็คงจักเศร้าโศกสุดพรรณนา ข้าแต่พระบิดา ไฉนพระองค์จึงตัดได้ไม่รู้สึกเสียบ้างเลย" ก็พอดีตาชูชกตามมาถึง แกก็เข้ามาดึงฉุดคร่าพาเอาไปอีก พระชาลีจึงร้องสั่งพระบิดาเป็นครั้งสุดท้ายว่า "ได้โปรดบอกพระมารดาด้วย ขอให้ทรงดูตุ๊กตาช้างม้าและโคแทนลูกไปก่อน จะช่วยผ่อนความเศร้าโศกลงไปได้บ้างเป็นแน่ ก็แต่ว่าเมื่อไรเล่าจึงจะได้พบกันอีก พระแม่จ๋า"
พระเวสสันดรทอดพระเนตรเห็นสองกุมารถูกฉุดกระชาก และโบยตีไปต่อหน้า พระหฤทัยของพระองค์ปวดร้าวแทบจะพินาศ จึงรีบเสด็จเข้าในบรรณศาลา พลางก็ทรงพระปริเทวนาถึงสองกุมาร พระองค์ทรงระลึกเห็นภาพที่สองกุมารจะต้องประสบกับความลำบากทุกขเวทนาในการเดินทาง เช่น ต้องเดินเท้าเปล่า ต้องหิวโหยในเวลาอาหาร ทั้งยังถูกพราหมณ์ใจร้ายเฆี่ยนตีอย่างทารุณ ทำให้พระองค์รู้สึกโกรธแค้น และทรงดำริเลยไปว่า "เออ กูจะถือธนูและเหน็บพระแสงตามไปเอาลูกคืนมาเสียจากพราหมณ์ใจร้าย" แต่แล้วก็กลับพระทัยหวนคิดไปว่า "ทุกข์ที่ลูกถูกเฆี่ยนตีนั้นไม่ใช่เหตุสำคัญ การบริจาคทานไม่สำเร็จต่างหากเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ซึ่งเราควรจะพยายามให้สำเร็จลงให้จงได้ในชีวิตนี้"
สองพี่น้องถูกพราหมณ์ชูชกพาไปโดยรีบด่วน เพื่อจะได้ห่างไกลออกไปจนพระนางมัทรีตามไม่ทัน เพราะฉะนั้น แกจึงเร่งลงไม้เรียวไม่ขาดระยะ กุมารทั้งสองแสนเจ็บปวดทั่วสรรพางค์ วิ่งพลาง ร้องไห้พลาง ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พระชาลีจึงตรัสกับน้องว่า "เด็กผู้ใด กำพร้าพ่อ แต่ยังมีแม่ หาได้ชื่อว่ากำพร้าไม่ เด็กผู้ใด กำพร้าแม่ แต่ยังมีพ่อ ก็เหมือนกำพร้าทั้งพ่อทั้งแม่ เพราะมีพ่อก็ไม่เหมือนแม่"
สำหรับพระกัณหานั้นน่าสงสารมาก เพราะเป็นเด็กผู้หญิง เดินพลางวิ่งพลาง ร้องไห้พลาง เฝ้าแต่เรียกหาแม่ทุกระยะ เมื่อเวลาใกล้ค่ำลงก็ยิ่งทรงรำพันมากขึ้น เพราะเคยเห็นแม่กลับจากป่า เอาผลไม้มีรสดีส่งให้รับประทาน ป่านฉะนี้แม่จะเห็นใคร
การเดินทางในวันนั้น ยังไม่ทันพ้นประตูเขาวงกตไป ก็พอดีค่ำลงตรงกลางป่านั้นเอง
................................
จาก.......หนังสือทศชาติชาดก (พระเจ้าสิบชาติ)
โดย.......แปลก สนธิรักษ์
.........................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น