พญาครุฑ (ต่อ)
อ้ายพราหมณ์ชั่วร้าย มึงเข้าใจว่า จะหลอกให้กูปล่อยหรือ กูไม่ไว่ชีวิตมึงละ" ว่าแล้วก็ประกาศกรรมชั่วที่พราหมณ์ได้ทำไว้ดังต่อไปนี้
"มึงยืนแอบต้นไม้คอยดักยิงเนื้อที่มาดื่มน้ำ เนื้อถูกยิงแล้วก็วิ่งโลดไปด้วยความเจ็บปวด มึงยังติดตามไปจนพบมันนอนกลิ้งอยู่ แล้วแล่เนื้อหาบมาจนถึงที่อยู่ของพระภูริทัตพี่ชายกู มึงพบพี่กู และพี่กูก็ได้พามึงไปเลี้ยงดูให้ยศศักดิ์สมบัติมากมายทุกประการ มึงยังทำประทุษร้ายผู้มีพระคุณเสียอีก เวรกรรมนั้นจะต้องสนองมึงในวาระนี้ กูจะไม่ไว้ชีวิตคนไร้ประโยชน์อย่างมึงละ"
พราหมณ์เนสาทยังไม่สิ้นคิด พยายามที่จะกล่าวอะไรต่อไปให้พ้นให้จงได้ จึงกล่าวว่า "พราหมณ์ผู้ทรงเวทย์ ๑ ผู้เลี้ยงชีพด้วยการขอ ๑ ผู้บูชาไฟ ๑ ทั้ง ๓ นี้ไม่ควรที่ใครจะฆ่า"
สุโภคะได้ฟังนั้นก็เกิดความลังเลใจ แต่ยังคิดว่า เราจะพาพราหมณ์นี้ไปยังนาคพิภพ ถามความเห็นพี่น้องดูแล้วจึงรู้โทษมัน จึงกล่าวขึ้นว่า "ในเมืองของเรานั้น มีสมาชิกเหลืออยู่ คือ พี่น้องร่วมท้องของเรา ถ้าสมาชิกเขาว่ากันอย่างไร มึงก็จะต้องเป็นอย่างนั้น" ว่าแล้วก็จับคอพราหมณ์เสือกไสไปพลางบริภาษไปพลาง จนถึงประตูพระภูริทัต
เวลานั้น อริฏฐะนั่งเฝ้าประตูอยู่ เห็นสุโภคะจับพราหมณ์เนสาทมาในลักษณาการที่ทรมานเช่นนั้น จึงรีบสวนทางออกไปบอกว่า "พี่สุโภค อย่าทรมานพราหมณ์นั้น เพราะพราหมณ์เป็นบุตรของพระพรหม ถ้าพระพรหมรู้เข้าจะโกรธและทำความพินาศให้แก่พิภพของเรา" ครั้นกล่าวดังนี้แล้ว จึงเรียกให้นาคบริษัทมาประชุมพร้อมกัน แล้วกล่าวชี้แจงไปตามวิสัยของตนซึ่งนัยว่า อริฏฐะนี้ชาติก่อนเกิดเป็นพราหมณ์บูชายัญ เคยเสวนะอยู่ในลัทธิพราหมณ์ จึงมีสันดานฝังแน่นในการบูชายัญ อริฏฐะถามสุโภคะว่า "พี่สุโภค รู้หรือไม่ว่าโลกนี้ใครสร้าง ?"
"ไม่รู้" สุโภคะตอบ
"พรหมเป็นผู้สร้าง ผู้มีฤทธิ์ทั้งหลาย เช่นท้าววรุณ ท้าวกุเวร ท้าวโสม พระยายม พระจันทร์ พระพาย พระอาทิตย์ ท้าวอรชุน และภีมเสน เหล่านี้ล้วนแต่เป็นผู้บูชายัญมาแล้วทั้งนั้น จึงมีฤทธิ์รุ่งเรืองยิ่งนัก การบูชายัญของบุคคลสำคัญในครั้งก่อนนั้น ได้สร้างโลกนี้ให้ประกอบไปด้วยแม่น้ำ มหาสมุทร และภูเขา"
อริฏฐะได้เล่านิยายประกอบคำพูดของตนต่อไปว่า
ในอดีตกาล พระราชาองค์หนึ่งพระนามว่า อังคโลมบาท ได้บูชาพราหมณ์และบูชาไฟ ด้วยนมสดจากแม่โคนมจำนวนมากมาย นมสดที่เหลือจากพราหมณ์กินก็เทลงไว้จนกลายเป็นแม่น้ำคงคา เลี้ยงพลเมืองอยู่ในโลกจนปัจจุบันนี้ ส่วนน้ำนมที่ไม่ไหลไป ยังคงขังอยู่ ก็กลายเป็นมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ที่เห็นอยู่ทุกวันนี้
พระเจ้าพาราณสีได้จัดสร้างอาสนะก่อด้วยอิฐถวายแก่พราหมณ์ผู้บูชายัญ และด้วยอานุภาพของพราหมณ์ อาสนะเหล่านั้นก้ได้กลายมาเป้นภูเขาที่ปรากฏอยู่ในโลกนี้ เช่น ภูเขามาลาคีรี ภูเขาพิมพานต์ ภูเขาคิชฌกูฎ เป็นต้น
อริฏฐะถามสุโภคะว่า "พี่รู้หรือไม่ว่า เพราะเหตุไร น้ำในมหาสมุทรนี้จึงเค็ม ดื่มไม่ได้ ?"
"พี่ไม่รู้" สุโภคะตอบ
อริฏฐะ "พี่สุโภค มีพราหมณ์ไปอาบน้ำอยู่ที่ฝั่งมหาสมุทร น้ำในสมุทรได้ซัดท่วมเอาพราหมณ์นั้นไปกินเสีย พระพรหมรู้เข้าก็โกรธว่า ทะเลฆ่าพราหมณ์ผู้เป็นลูกของเรา จึงสาปให้น้ำเค็ม"
อริฏฐะได้กล่าวสรุปว่า "ด้วยอานุภาพแห่งพราหมณ์ผู้ทำการบูชายัญ จึงทำให้โลกนี้ประกอบด้วยพระอาทิตย์ พระจันทร์ แม่น้ำ มหาสมุทร และภูเขา ดังกล่าวมาฉะนี้ เหตุนั้น จึงกล่าวได้ว่า พระพรหมเป็นผู้สร้างโลก"
พวกนาคบริษัทได้ฟังดังนั้นก็หลงผิด เชื่อถือว่าเป็นจริง ฝ่ายพระภูริทัตนอนเป็นไข้อยู่ในห้อง ได้ยินคำของอริฏฐะตลอด จึงคิดว่า "อริฏฐะสำคัญผิดเสียแล้ว และทำให้บริษัทหลงผิดด้วย เราจะต้องลบล้างคำของอริฏฐะ ทำความเห็นของบริษัทให้ถูกต้องเสียใหม่" จึงลุกขึ้นอาบน้ำ ชำระกาย แต่งตัวขึ้นนั่งบนที่แสดงธรรม แล้วให้นาคบริษัทมาประชุมกัน แล้วชี้แจง ข้อเท็จจริงดังต่อไปนี้
.......................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น