วันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ชาติที่ ๖ พระภูริทัต ตอน พญานาค (หน้า ๔)


พญาครุฑ  (ต่อ)

พระเจ้าพาราณสีจึงให้ขุดบ่อ  ๓  บ่อ  เรียงกันไป  สุทัศน์จึงบรรจุบ่อหนึ่งให้เต็มด้วยยาพิษ  บ่อหนึ่งให้เต็มด้วยโคมัย  บ่อที่  ๓  ด้วยยาทิพย์  แล้วหยดพิษลงในบ่อที่  ๑  ทันใดนั้นก็เกิดควันลุกเป็นเปลว  แล้วลามไปบ่อที่  ๒  ที่  ๓  ไหม้ยาทิพย์หมดแล้วจึงดับ  อาลัมพายน์ยืนอยู่ใกล้บ่อ  ถูกไอควันพิษฉายเอาผิวหนังลอกไป  กลายเป็นขี้เรื้อนด่างไปทั้งตัว  จึงร้องขึ้นด้วยเสียงอันดังว่า  "ข้าพเจ้าจะปล่อยนาคราชละ"  สามครั้ง

เมื่อพระภูริทัตได้ยินดังนั้น  จึงเลื้อยออกจากกระโปรง  เนรมิตกายประดับประดาด้วยเครื่องประดับสง่างามดุจเทวราช  สุทัศน์และนางอัจจิมิชีก็มายืนอยู่กับพระภูริทัต  แล้วสุทัศน์ได้ทูลถามพระเจ้าพาราณสีว่า  "ขอเดชะ  ข้าแต่พระองค์  พระองค์ทรงรู้ว่าข้าพระองค์ทั้ง  ๓  นี้เป็นลูกใครหรือ ?

พระเจ้าพาราณสี  "เราไม่รู้จักเลย"

สุทัศน์  "พระองค์ทรงทราบเรื่องที่ยกนางสมุททชาให้แก่ท้าวธตรฐหรือไม่เล่า ?"

พระเจ้าพาราณสี  "เรารู้  นางสมุททชาเป็นน้องสาวของเราเอง"

สุทัศน์  "ข้าพระบาททั้ง  ๓  เป็นลูกของนางสมุททชา  แลพระองค์เป็นพระเจ้าลุง"

พระเจ้าพาราณสีทรงฟังดังนั้น  ก็ทรงสวมกอดจุมพิตรทั้ง  ๓  พลางกรรแสง  แล้วพาขึ้นไปบนปราสาท  จัดการต้อนรับอย่างดี  แล้วถามพระภูริทัตว่า  "พ่อภูริทัต  พ่อมีฤทธิ์เดชถึงเพียงนี้  ทำไมอาลัมพายน์จึงจับได้ ?"  พระภูริทัตจึงทูลเรื่องทั้งปวงโดยพิสดาร  ครั้นแล้วสุทัศน์จึงทูลว่า  "ข้าแต่พระเจ้าลุง  มารดาของข้าพระองค์ยังกลัดกลุ้มอยู่  ข้าพระองค์ไม่อาจอยูช้าได้

"ดีละพ่อ  จงพากันไปเถิด  แต่ว่าลุงอยากพบน้องสาวของเราบ้าง  ทำอย่างไรจึงจะได้พบกัน"

"ข้าแต่พระเจ้าลุง  พระเจ้ากาสิกราชผู้เป็นอัยกาของข้าพระองค์เดี๋ยวนี้อยู่ที่ไหนเล่า ?"

"พระเจ้าากาสิกราชนั้น  เพราะเหตุที่ต้องพลัดพรากจากน้องสาวของลุง  จึงไม่สามารถจะอยู่เสวยราชสมบัติได้  ได้ออกผนวชเสียแล้ว  เสด็จไปอยู่ไพรสณฑ์แห่งโน้น"

"ข้าแต่พระเจ้าลุง  มารดาของข้าพระองค์ก็ประสงค์จะพบพระเจ้าลุงและพระอัยกาด้วย  พอถึงวันโน้น  ขอให้พระองค์เสด็จไปยังสำนักพระอัยกา  ข้าพระองค์จักพาพระมารดาไปยังอาศรมนั้น  แล้วพระองค์ก็จะได้พบพระมารดาในที่นั้น"

เมื่อกำหนดนัดหมายวันคืนกันแล้ว  ทั้ง  ๓  ก็ถวายบังคมลาออกจากพระราชนิเวศน์กลับไปยังนาคพิภพ

พอพระภูริทัตถึงนาคพิภพแล้ว  เพราะความเหน็ดเหนื่อยบอบช้ำที่ต้องเข้าไปอยู่ในกระโปรงถึง  ๓  เดือน  ทำให้เป็นไข้  มีนาคมาเยื่ยมเยืยนเสมอมิได้ขาด  จนพระภูริทัตเหน็ดเหนื่อยด้วยคำกล่าวปราศรัยต้อนรับผู้มาเยี่ยม

ฝ่ายอริฏฐะไปยังเทวโลกนั้น  เมื่อไม่พบก็กลับมา  และได้หน้าที่เป็นยามเฝ้าประตูที่บรรทมของพระภูริทัต  เพื่อคอยห้ามปรามนาคที่จะมารบกวน  ฝ่ายสุโภคะที่ไปยังป่าหิมพานต์  ได้ตรวจค้นทั่วแล้วก็กลับมาถึงแม่น้ำยมุนา

ฝ่ายพราหมณ์เสสาทเห็นอาลัมพายน์เป็นโรคเรื้อน  จึงคิดว่า  เพราะเหตุที่ทำให้พระภูริทัตลำบากจึงเกิดโรคร้างแรงขึ้นเช่นนี้  ส่วนเราก็เป็นคนบอกที่พะภูริทัตผู้มีคุณแก่เรามากให้แก่อาลัมพายน์  เพราะอยากได้แก้ว  บาปกรรมอันนั้นคงจักมาถึงตัวเราเป็นแน่  แต่ก่อนที่บาปจะมาถึง  เราจะต้องไปทำพิธีล้างบาปเสียที่ท่า  "ปยาค"  ในแม่น้ำยมุนา  คิดแล้วก็ตรงไปยังท่านั้น  กล่าววาจาว่า  "เราได้ทำประทุษร้ายมิตรผู้พระภูริทัต  เราจะขอลอยบาปนั้นไปเสีย"  กล่าวแล้วก็ลงน้ำ

ทันใดนั้น   สุโภคะมาถึงพอดี  ได้ยินคำของพราหมณ์เนสาทเข้าก็รู้ได้ทันที  จึงคิดว่า  "คนชั่วเช่นนี้  เอาชีวิตมันเสียเถิด"  คิดแล้วก็เอาหางพันตีนพราหมณ์ทั้งสองข้างลากให้จมลงไปในน้ำ  พอจมจะขาดใจก็ผ่อนให้หน่อยหนึ่ง  พอพราหมณ์โผล่ขึ้นมาหายใจได้ครั้งเดียวก็กลับดึงลากลงไปอีก  ทรมานให้ลำบากอย่างนี้อยู่หลายครั้ง  พอโผล่ขึ้นมาอีกจึงกล่าวว่า  "ภูตผีอะไรมาฉุดเราให้จมลงสู่แม่น้ำยมุนานี่ ?"

"ลูกนาคราชที่มีฤทธิ์ยิ่งใหญ่  ซึ่งเคยมาล้อมเมืองมนุษย์ไว้ครั้งหนึ่ง  ชื่อว่าสุโภคะอย่างไรเล่า"  สุโภคะกล่าว

พราหมณ์เนสาทรู้ดังนั้น  จึงคิดว่า  นาคผู้นี้เป็นน้องของพระภูริทัตนั่นเอง  คงจักไม่ไว้ชีวิตเราเป็นแน่  อย่ากระนันเลย  เราจะยกยอเกียรติคุณของนาคนี้  ทั้งบิดามารดาของเขาให้ใจอ่อนแล้วขอชีวิตไว้  จึงกล่าวว่า  "ท่านเป็นบุตรพญาคนาคผู้มีฤทธิ์เดช  บิดาของท่านเป็นคนใหญ่โตมาก  มารดาของท่านก็ไม่มีใครเสมอเหมือนในหมู่มนุษย์  ท่านเองก็มีอานุภาพมากมาย  ไม่ควรจะฆ่าคนที่เป็นแต่เพียงทาสของพรามหณ์ให้จมน้ำตายเลย


......................



















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น