พญาครุฑ (ต่อ)
พระเจ้าพาราณสีจึงให้ขุดบ่อ ๓ บ่อ เรียงกันไป สุทัศน์จึงบรรจุบ่อหนึ่งให้เต็มด้วยยาพิษ บ่อหนึ่งให้เต็มด้วยโคมัย บ่อที่ ๓ ด้วยยาทิพย์ แล้วหยดพิษลงในบ่อที่ ๑ ทันใดนั้นก็เกิดควันลุกเป็นเปลว แล้วลามไปบ่อที่ ๒ ที่ ๓ ไหม้ยาทิพย์หมดแล้วจึงดับ อาลัมพายน์ยืนอยู่ใกล้บ่อ ถูกไอควันพิษฉายเอาผิวหนังลอกไป กลายเป็นขี้เรื้อนด่างไปทั้งตัว จึงร้องขึ้นด้วยเสียงอันดังว่า "ข้าพเจ้าจะปล่อยนาคราชละ" สามครั้ง
เมื่อพระภูริทัตได้ยินดังนั้น จึงเลื้อยออกจากกระโปรง เนรมิตกายประดับประดาด้วยเครื่องประดับสง่างามดุจเทวราช สุทัศน์และนางอัจจิมิชีก็มายืนอยู่กับพระภูริทัต แล้วสุทัศน์ได้ทูลถามพระเจ้าพาราณสีว่า "ขอเดชะ ข้าแต่พระองค์ พระองค์ทรงรู้ว่าข้าพระองค์ทั้ง ๓ นี้เป็นลูกใครหรือ ?
พระเจ้าพาราณสี "เราไม่รู้จักเลย"
สุทัศน์ "พระองค์ทรงทราบเรื่องที่ยกนางสมุททชาให้แก่ท้าวธตรฐหรือไม่เล่า ?"
พระเจ้าพาราณสี "เรารู้ นางสมุททชาเป็นน้องสาวของเราเอง"
สุทัศน์ "ข้าพระบาททั้ง ๓ เป็นลูกของนางสมุททชา แลพระองค์เป็นพระเจ้าลุง"
พระเจ้าพาราณสีทรงฟังดังนั้น ก็ทรงสวมกอดจุมพิตรทั้ง ๓ พลางกรรแสง แล้วพาขึ้นไปบนปราสาท จัดการต้อนรับอย่างดี แล้วถามพระภูริทัตว่า "พ่อภูริทัต พ่อมีฤทธิ์เดชถึงเพียงนี้ ทำไมอาลัมพายน์จึงจับได้ ?" พระภูริทัตจึงทูลเรื่องทั้งปวงโดยพิสดาร ครั้นแล้วสุทัศน์จึงทูลว่า "ข้าแต่พระเจ้าลุง มารดาของข้าพระองค์ยังกลัดกลุ้มอยู่ ข้าพระองค์ไม่อาจอยูช้าได้
"ดีละพ่อ จงพากันไปเถิด แต่ว่าลุงอยากพบน้องสาวของเราบ้าง ทำอย่างไรจึงจะได้พบกัน"
"ข้าแต่พระเจ้าลุง พระเจ้ากาสิกราชผู้เป็นอัยกาของข้าพระองค์เดี๋ยวนี้อยู่ที่ไหนเล่า ?"
"พระเจ้าากาสิกราชนั้น เพราะเหตุที่ต้องพลัดพรากจากน้องสาวของลุง จึงไม่สามารถจะอยู่เสวยราชสมบัติได้ ได้ออกผนวชเสียแล้ว เสด็จไปอยู่ไพรสณฑ์แห่งโน้น"
"ข้าแต่พระเจ้าลุง มารดาของข้าพระองค์ก็ประสงค์จะพบพระเจ้าลุงและพระอัยกาด้วย พอถึงวันโน้น ขอให้พระองค์เสด็จไปยังสำนักพระอัยกา ข้าพระองค์จักพาพระมารดาไปยังอาศรมนั้น แล้วพระองค์ก็จะได้พบพระมารดาในที่นั้น"
เมื่อกำหนดนัดหมายวันคืนกันแล้ว ทั้ง ๓ ก็ถวายบังคมลาออกจากพระราชนิเวศน์กลับไปยังนาคพิภพ
พอพระภูริทัตถึงนาคพิภพแล้ว เพราะความเหน็ดเหนื่อยบอบช้ำที่ต้องเข้าไปอยู่ในกระโปรงถึง ๓ เดือน ทำให้เป็นไข้ มีนาคมาเยื่ยมเยืยนเสมอมิได้ขาด จนพระภูริทัตเหน็ดเหนื่อยด้วยคำกล่าวปราศรัยต้อนรับผู้มาเยี่ยม
ฝ่ายอริฏฐะไปยังเทวโลกนั้น เมื่อไม่พบก็กลับมา และได้หน้าที่เป็นยามเฝ้าประตูที่บรรทมของพระภูริทัต เพื่อคอยห้ามปรามนาคที่จะมารบกวน ฝ่ายสุโภคะที่ไปยังป่าหิมพานต์ ได้ตรวจค้นทั่วแล้วก็กลับมาถึงแม่น้ำยมุนา
ฝ่ายพราหมณ์เสสาทเห็นอาลัมพายน์เป็นโรคเรื้อน จึงคิดว่า เพราะเหตุที่ทำให้พระภูริทัตลำบากจึงเกิดโรคร้างแรงขึ้นเช่นนี้ ส่วนเราก็เป็นคนบอกที่พะภูริทัตผู้มีคุณแก่เรามากให้แก่อาลัมพายน์ เพราะอยากได้แก้ว บาปกรรมอันนั้นคงจักมาถึงตัวเราเป็นแน่ แต่ก่อนที่บาปจะมาถึง เราจะต้องไปทำพิธีล้างบาปเสียที่ท่า "ปยาค" ในแม่น้ำยมุนา คิดแล้วก็ตรงไปยังท่านั้น กล่าววาจาว่า "เราได้ทำประทุษร้ายมิตรผู้พระภูริทัต เราจะขอลอยบาปนั้นไปเสีย" กล่าวแล้วก็ลงน้ำ
ทันใดนั้น สุโภคะมาถึงพอดี ได้ยินคำของพราหมณ์เนสาทเข้าก็รู้ได้ทันที จึงคิดว่า "คนชั่วเช่นนี้ เอาชีวิตมันเสียเถิด" คิดแล้วก็เอาหางพันตีนพราหมณ์ทั้งสองข้างลากให้จมลงไปในน้ำ พอจมจะขาดใจก็ผ่อนให้หน่อยหนึ่ง พอพราหมณ์โผล่ขึ้นมาหายใจได้ครั้งเดียวก็กลับดึงลากลงไปอีก ทรมานให้ลำบากอย่างนี้อยู่หลายครั้ง พอโผล่ขึ้นมาอีกจึงกล่าวว่า "ภูตผีอะไรมาฉุดเราให้จมลงสู่แม่น้ำยมุนานี่ ?"
"ลูกนาคราชที่มีฤทธิ์ยิ่งใหญ่ ซึ่งเคยมาล้อมเมืองมนุษย์ไว้ครั้งหนึ่ง ชื่อว่าสุโภคะอย่างไรเล่า" สุโภคะกล่าว
พราหมณ์เนสาทรู้ดังนั้น จึงคิดว่า นาคผู้นี้เป็นน้องของพระภูริทัตนั่นเอง คงจักไม่ไว้ชีวิตเราเป็นแน่ อย่ากระนันเลย เราจะยกยอเกียรติคุณของนาคนี้ ทั้งบิดามารดาของเขาให้ใจอ่อนแล้วขอชีวิตไว้ จึงกล่าวว่า "ท่านเป็นบุตรพญาคนาคผู้มีฤทธิ์เดช บิดาของท่านเป็นคนใหญ่โตมาก มารดาของท่านก็ไม่มีใครเสมอเหมือนในหมู่มนุษย์ ท่านเองก็มีอานุภาพมากมาย ไม่ควรจะฆ่าคนที่เป็นแต่เพียงทาสของพรามหณ์ให้จมน้ำตายเลย
"ดีละพ่อ จงพากันไปเถิด แต่ว่าลุงอยากพบน้องสาวของเราบ้าง ทำอย่างไรจึงจะได้พบกัน"
"ข้าแต่พระเจ้าลุง พระเจ้ากาสิกราชผู้เป็นอัยกาของข้าพระองค์เดี๋ยวนี้อยู่ที่ไหนเล่า ?"
"พระเจ้าากาสิกราชนั้น เพราะเหตุที่ต้องพลัดพรากจากน้องสาวของลุง จึงไม่สามารถจะอยู่เสวยราชสมบัติได้ ได้ออกผนวชเสียแล้ว เสด็จไปอยู่ไพรสณฑ์แห่งโน้น"
"ข้าแต่พระเจ้าลุง มารดาของข้าพระองค์ก็ประสงค์จะพบพระเจ้าลุงและพระอัยกาด้วย พอถึงวันโน้น ขอให้พระองค์เสด็จไปยังสำนักพระอัยกา ข้าพระองค์จักพาพระมารดาไปยังอาศรมนั้น แล้วพระองค์ก็จะได้พบพระมารดาในที่นั้น"
เมื่อกำหนดนัดหมายวันคืนกันแล้ว ทั้ง ๓ ก็ถวายบังคมลาออกจากพระราชนิเวศน์กลับไปยังนาคพิภพ
พอพระภูริทัตถึงนาคพิภพแล้ว เพราะความเหน็ดเหนื่อยบอบช้ำที่ต้องเข้าไปอยู่ในกระโปรงถึง ๓ เดือน ทำให้เป็นไข้ มีนาคมาเยื่ยมเยืยนเสมอมิได้ขาด จนพระภูริทัตเหน็ดเหนื่อยด้วยคำกล่าวปราศรัยต้อนรับผู้มาเยี่ยม
ฝ่ายอริฏฐะไปยังเทวโลกนั้น เมื่อไม่พบก็กลับมา และได้หน้าที่เป็นยามเฝ้าประตูที่บรรทมของพระภูริทัต เพื่อคอยห้ามปรามนาคที่จะมารบกวน ฝ่ายสุโภคะที่ไปยังป่าหิมพานต์ ได้ตรวจค้นทั่วแล้วก็กลับมาถึงแม่น้ำยมุนา
ฝ่ายพราหมณ์เสสาทเห็นอาลัมพายน์เป็นโรคเรื้อน จึงคิดว่า เพราะเหตุที่ทำให้พระภูริทัตลำบากจึงเกิดโรคร้างแรงขึ้นเช่นนี้ ส่วนเราก็เป็นคนบอกที่พะภูริทัตผู้มีคุณแก่เรามากให้แก่อาลัมพายน์ เพราะอยากได้แก้ว บาปกรรมอันนั้นคงจักมาถึงตัวเราเป็นแน่ แต่ก่อนที่บาปจะมาถึง เราจะต้องไปทำพิธีล้างบาปเสียที่ท่า "ปยาค" ในแม่น้ำยมุนา คิดแล้วก็ตรงไปยังท่านั้น กล่าววาจาว่า "เราได้ทำประทุษร้ายมิตรผู้พระภูริทัต เราจะขอลอยบาปนั้นไปเสีย" กล่าวแล้วก็ลงน้ำ
ทันใดนั้น สุโภคะมาถึงพอดี ได้ยินคำของพราหมณ์เนสาทเข้าก็รู้ได้ทันที จึงคิดว่า "คนชั่วเช่นนี้ เอาชีวิตมันเสียเถิด" คิดแล้วก็เอาหางพันตีนพราหมณ์ทั้งสองข้างลากให้จมลงไปในน้ำ พอจมจะขาดใจก็ผ่อนให้หน่อยหนึ่ง พอพราหมณ์โผล่ขึ้นมาหายใจได้ครั้งเดียวก็กลับดึงลากลงไปอีก ทรมานให้ลำบากอย่างนี้อยู่หลายครั้ง พอโผล่ขึ้นมาอีกจึงกล่าวว่า "ภูตผีอะไรมาฉุดเราให้จมลงสู่แม่น้ำยมุนานี่ ?"
"ลูกนาคราชที่มีฤทธิ์ยิ่งใหญ่ ซึ่งเคยมาล้อมเมืองมนุษย์ไว้ครั้งหนึ่ง ชื่อว่าสุโภคะอย่างไรเล่า" สุโภคะกล่าว
พราหมณ์เนสาทรู้ดังนั้น จึงคิดว่า นาคผู้นี้เป็นน้องของพระภูริทัตนั่นเอง คงจักไม่ไว้ชีวิตเราเป็นแน่ อย่ากระนันเลย เราจะยกยอเกียรติคุณของนาคนี้ ทั้งบิดามารดาของเขาให้ใจอ่อนแล้วขอชีวิตไว้ จึงกล่าวว่า "ท่านเป็นบุตรพญาคนาคผู้มีฤทธิ์เดช บิดาของท่านเป็นคนใหญ่โตมาก มารดาของท่านก็ไม่มีใครเสมอเหมือนในหมู่มนุษย์ ท่านเองก็มีอานุภาพมากมาย ไม่ควรจะฆ่าคนที่เป็นแต่เพียงทาสของพรามหณ์ให้จมน้ำตายเลย
......................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น