คราวนี้ พระจันทกุมารทรงเห็นว่า พระราชบิดาเป็นผู้อ่อนปัญญาหาเหตุผลมิได้ จึงทรงชี้แจงเปรียบเทียบทูลถามว่า "ข้าแต่พระสมมติเทพ เหตุไรเมื่อข้าพระองค์เกิดใหม่ ๆ ก็ได้ทรงให้พราหมณ์มากล่าวคำสวัสดิมงคลอวยพรให้ข้าพระองค์มีชีวิตเจริญวัยขึ้น ครั้นมาบัดนี้กลับเปลี่ยนพระทัยจะให้ฆ่าหรือกำจัดเสีย แต่บัดนี้เจริญวัยเป็นหนุ่มแล้ว ทั้งมิได้คิดปองร้ายพระองค์ด้วย พระองค์กลับจะฆ่าเสียให้ตาย ขอพระองค์จงทรงระลึกดูเถิดเมื่อบ้านเมืองเกิดศึกกำเริบร้อนขึ้น ให้ข้าพระองค์ทรงเครื่องยุทธ นั่งบนคอช้าง หลังม้า ออกชิงชัย ก็ยังมีประโยชน์แก่บ้านเมือง แต่กลับจะฆ่าให้ตายเสียโดยมิใช่กาลใช่ที่ข้าแต่พระบิดา ธรรมดาแม่นกที่ทำรังให้ลูกอยู่อาศัย ย่อมจะอยู่ในรังนั้นด้วยความรักลูก แต่พระองค์กลับจะฆ่าลูกเสีย แล้วจะอยู่กับคนอื่นที่มิใช่ลูก ถ้าพระองค์ฆ่าลูก ๆ เสียแล้ว เขาก็คงจะฆ่าพระองค์ทีละน้อย ๆ ด้วย ข้าแต่พระบิดาของลูก พระราชาได้ทรงประทานยศศักดิ์ทรัพย์สมบัติให้แก่พราหมณ์ใดแล้ว พรหมณ์นั้นยังทำประทุษร้ายแต่ราชตระกูลของพระองค์ จะถือว่า พราหมณ์ทำประโยชน์ตอบแทนคุณได้อย่างไรกัน พราหมณ์นั้นคือคนเนรคุณอย่างไม่ต้องสงสัย ข้าแต่พระบิดาผู้ประเสริฐ ขอจงได้ทรงพระกรุณาประทานชีวิตแก่ข้าพระบาททั้งหลายด้วยเถิด พระเจ้าข้า"
พระเจ้าเอกราชาทรงสลดพระทัย และทรงวิโยคยิ่งในคำรำพันของพระกุมาร จึงตรัสสั่งให้ปลดปล่อยทุกชีวิตทั้งสิ้นไป แต่เมื่อพราหมณ์นั้นคัดค้านและกล่าวถ้อยคำภาษิตหลอกลวงให้ฟัง ก็ทรงหลงเชื่ออีก จึงตรัสสั่งให้จับมาอีกเป็นคำรบสอง
พระจันทกุมารเห็นพระราชบิดายังอ่อนปัญญาหาที่เปรียบมิได้ จึงรู้สึกจำเป็นที่จะต้องชี้แจงให้ทรงเห็นในถ้อยคำหลอกลวงของพราหมณ์ เพื่อช่วยพระราชบิดาให้เกิดปัญญาเห็นจริงยิ่งขึ้นไปอีก จึงกราาบทูลว่า "ข้าแต่พระบิดาผู้ทรงคุณอันประเสริฐ ถ้าคนเราจะไปสู่สวรรค์ได้ด้วยการฆ่าบุตรภริยาบูชายัญ จริงดังคำของพราหมณ์แล้ว ก็ให้พราหมณ์ทำพิธีบูชายัญด้วยบุตรภรรยาของพราหมณ์ก่อนเถิด แล้วพระองค์จึงทรงทำต่อข้าพระบาททั้งหลายภาายหลัง เมื่อกัณฑหาลรู้อย่างนี้ ไฉนจึงไม่ฆ่าบุตรของตน ไฉนจึงไม่ฆ่าญาติของตนและตัวของตนเองเล่า เพราะคติของพราหมณ์ก็มีอยู่ว่า ชนเหล่าใดบูชายัญเองก็ดี ให้ผู้อิ่นบูชาก็ดี หรือแม้ยินดีนการบูชายัญนั้นก็ดี ชนเหล่านั้นย่อมไปสู่นิรยาบายทั้ยสิ้น"
เมื่อกราบทูลดังนี้แล้ว พระบิดาก็ยังไม่ทรงเชื่อ พระจันทกุมารจึงได้ร้องประกาศแก่บริษัททั้งหลายว่า "ท่านพ่อบ้านแม่เรือนทั้งหลาย ไฉนไม่ช่วยกันทัดทานพระราชาบ้าง เราหวังประโยชนร่วมกัน เพื่อประโยชน์ของชนทั้งปวง ไฉนจึงไม่ช่วยเราทูลข้อนี้บ้าง" แม้กระนั้นก็หาไดมีใครกล่าวคำอันใดไม่ พระจันทกุมารจึงให้พวกภริยาของพระองค์ช่วยกันกราบทูลด้วย แต่ไม่สามารถจะให้พระราชาทรงรู้สึกด้วยแม้เพียงการทอดพระเนตรมา เมื่อไม่ได้ผล พระวสุลกุมารผู้เป็นบุตรของพระจันทกุมารจึงเข้าช่วยกราบทูลวิงวอนด้วยการคร่ำครวญต่าง ๆ นานา พระราชาทรงสดับเสียงคร่ำครวญของพระราชนัดดาก็อ่อนพระทัย ทรงสวมกอดแล้วก็ตรัสสั่งให้ปล่อยคนทั้งหมดที่จับมาอีกครั้งหนึ่ง
ฝ่ายกัณฑหาลก็ได้พยายามคัดค้านเหมือนครั้งก่อน เมื่อพระราชากลับสั่งให้จับกุมพระราชบุตรมาอีกเป็นคำรบสาม ก็ได้คิดว่า "พระราชาองค์นี้ใจอ่อน ประเดี๋ยวก็ให้ปล่อย ประเดี๋ยวก็ให้จับ และประเดี๋ยวก็คงจะให้ปล่อยอีกแน่ ๆ อย่าเลยเราจะพาพระราชาไปหลุมยัญเสียเลยทีเดียว" จึงกล่าวคำทำนองทูลเชิญว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐ หลุมยัญได้จัดเตรียมไว้พร้อมแล้วทุกประการ ขอพระองค์จงเสด็จไปเถิด เมื่อบูชาเสร็จแล้ว จักได้สู่สวรรค์ จักได้บันเทิงพระหฤทัย พระเจ้าข้า"
ในเวลาที่พระจันทกุมารถูกนำไปหลุมเป็นที่บูชา เหล่าหญิงนางห้ามทั้งหลายก็พากันคร่ำครวญ ติดตามไปพร้อมด้วยหญิงอื่น ๆ อีกเป็นจำนวนมาก ประชาชนในพระนครก็ระส่ำระสายส่งเสียงเอ็ดอึงติดตามพระจันทกุมารไป พระจันทกุมารเป็นคนทำประโยชน์แก่ประชาชน จึงเป็นที่รักของประชาชนอย่างยิ่ง เมื่อมามีอันเป็นไปโดยไม่สมควรแก่เหตุผลเช่นนี้ จึงทำให้พระนครทั้งหมดสั่นสะเทือนด้วยเสียงร่ำร้องคร่ำครวญต่าง ๆ นานา ราชตระกูลทั้งหมดเต็มไปด้วยความวิปโยคอย่างสุดแสน และได้พากันกราบทูลวิงวอนต่อพระเจ้าแผ่นดินเป็นครั้งสุดท้าย แต่แม้จะร่ำรำพันอย่างไรก็ไม่สามารถจะให้พระเจ้าแผ่นดินทรงพระกรุณาได้
ในที่สุด ขณะที่เหตุการณ์จะถึงวาระสุดท้ายอยู่แล้ว นางจันทาเทวีผู้อัครชายาของพระจันทกุมารจึงเข้าทูลวิงวอนขออย่าได้ให้ฆ่าพระราชบุตรเสียเลย ด้วยการร่ำรำพันต่าง ๆ นานา เมื่อยังไม่สามารถให้พระเจ้าแผ่นดินเปลี่ยนพระราชหฤทัยได้ และขณะที่พระจันทกุมารถูกนำลงไปในหลุยัญซึ่งเป็นเวลาที่กัณฑหาลพราาหมณ์นำถาดทองวางพระขรรค์เข้ามาและจับพระขรรค์ขึ้น ด้วยตั้งใจจะตัดพระศอพระ
จันทกุมารนั้น พระนางจันทาเทวีก็รำพันขึ้นว่า "ขณะนี้ที่พึงอื่นของเราไม่มีแล้ว เราจะกระทำสัจกริยาเพื่อความสวัสดีของสามี" ว่าแล้วนางก็ประคองอัญชลีดำเนินไปในระหว่างชุมชนพร้อมกับกล่าวว่า "กัณฑหาลพราหมณ์ผู้มีปัญญาทราม กระทำกรรมชั่ว นี้เป็นความสัตย์ ด้วยเดชแห่คำสัตย์อนนี้ เทพยดาก็ดี ยักษ์ก็ดี สัตว์ที่เกิดแล้วหรือที่กำลังจะมาเกิดก็ดี ขอจงได้ขวนขวายช่วยเหลือเราผู้ไร้ที่พึ่ง ผู้กำลังแสวงหาที่พึ่ง ขอให้เราได้มีชีวิตอยู่กับสามีด้วยความสวัสดีด้วยเเถิด เราขอวิงวอนพระเป็นเจ้าทั้งหลาย จงให้พระสามีเป็นผู้ที่ศัตรูจะทำร้ายไม่ได้ ณ บัดนี้เถิด"
...............................
(ยังมีต่ออีก)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น