วันพฤหัสบดีที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ชาติที่ ๗ พระจันทกุมาร (หน้า ๓)


คราวนี้  พระจันทกุมารทรงเห็นว่า  พระราชบิดาเป็นผู้อ่อนปัญญาหาเหตุผลมิได้  จึงทรงชี้แจงเปรียบเทียบทูลถามว่า  "ข้าแต่พระสมมติเทพ  เหตุไรเมื่อข้าพระองค์เกิดใหม่ ๆ  ก็ได้ทรงให้พราหมณ์มากล่าวคำสวัสดิมงคลอวยพรให้ข้าพระองค์มีชีวิตเจริญวัยขึ้น  ครั้นมาบัดนี้กลับเปลี่ยนพระทัยจะให้ฆ่าหรือกำจัดเสีย  แต่บัดนี้เจริญวัยเป็นหนุ่มแล้ว  ทั้งมิได้คิดปองร้ายพระองค์ด้วย  พระองค์กลับจะฆ่าเสียให้ตาย  ขอพระองค์จงทรงระลึกดูเถิดเมื่อบ้านเมืองเกิดศึกกำเริบร้อนขึ้น  ให้ข้าพระองค์ทรงเครื่องยุทธ  นั่งบนคอช้าง  หลังม้า  ออกชิงชัย  ก็ยังมีประโยชน์แก่บ้านเมือง  แต่กลับจะฆ่าให้ตายเสียโดยมิใช่กาลใช่ที่ข้าแต่พระบิดา  ธรรมดาแม่นกที่ทำรังให้ลูกอยู่อาศัย  ย่อมจะอยู่ในรังนั้นด้วยความรักลูก  แต่พระองค์กลับจะฆ่าลูกเสีย  แล้วจะอยู่กับคนอื่นที่มิใช่ลูก  ถ้าพระองค์ฆ่าลูก ๆ  เสียแล้ว  เขาก็คงจะฆ่าพระองค์ทีละน้อย ๆ ด้วย  ข้าแต่พระบิดาของลูก  พระราชาได้ทรงประทานยศศักดิ์ทรัพย์สมบัติให้แก่พราหมณ์ใดแล้ว  พรหมณ์นั้นยังทำประทุษร้ายแต่ราชตระกูลของพระองค์ จะถือว่า  พราหมณ์ทำประโยชน์ตอบแทนคุณได้อย่างไรกัน  พราหมณ์นั้นคือคนเนรคุณอย่างไม่ต้องสงสัย  ข้าแต่พระบิดาผู้ประเสริฐ  ขอจงได้ทรงพระกรุณาประทานชีวิตแก่ข้าพระบาททั้งหลายด้วยเถิด  พระเจ้าข้า"

พระเจ้าเอกราชาทรงสลดพระทัย  และทรงวิโยคยิ่งในคำรำพันของพระกุมาร  จึงตรัสสั่งให้ปลดปล่อยทุกชีวิตทั้งสิ้นไป  แต่เมื่อพราหมณ์นั้นคัดค้านและกล่าวถ้อยคำภาษิตหลอกลวงให้ฟัง ก็ทรงหลงเชื่ออีก  จึงตรัสสั่งให้จับมาอีกเป็นคำรบสอง

พระจันทกุมารเห็นพระราชบิดายังอ่อนปัญญาหาที่เปรียบมิได้  จึงรู้สึกจำเป็นที่จะต้องชี้แจงให้ทรงเห็นในถ้อยคำหลอกลวงของพราหมณ์  เพื่อช่วยพระราชบิดาให้เกิดปัญญาเห็นจริงยิ่งขึ้นไปอีก  จึงกราาบทูลว่า  "ข้าแต่พระบิดาผู้ทรงคุณอันประเสริฐ  ถ้าคนเราจะไปสู่สวรรค์ได้ด้วยการฆ่าบุตรภริยาบูชายัญ  จริงดังคำของพราหมณ์แล้ว  ก็ให้พราหมณ์ทำพิธีบูชายัญด้วยบุตรภรรยาของพราหมณ์ก่อนเถิด  แล้วพระองค์จึงทรงทำต่อข้าพระบาททั้งหลายภาายหลัง  เมื่อกัณฑหาลรู้อย่างนี้  ไฉนจึงไม่ฆ่าบุตรของตน  ไฉนจึงไม่ฆ่าญาติของตนและตัวของตนเองเล่า  เพราะคติของพราหมณ์ก็มีอยู่ว่า  ชนเหล่าใดบูชายัญเองก็ดี  ให้ผู้อิ่นบูชาก็ดี  หรือแม้ยินดีนการบูชายัญนั้นก็ดี  ชนเหล่านั้นย่อมไปสู่นิรยาบายทั้ยสิ้น"

เมื่อกราบทูลดังนี้แล้ว  พระบิดาก็ยังไม่ทรงเชื่อ  พระจันทกุมารจึงได้ร้องประกาศแก่บริษัททั้งหลายว่า  "ท่านพ่อบ้านแม่เรือนทั้งหลาย  ไฉนไม่ช่วยกันทัดทานพระราชาบ้าง  เราหวังประโยชนร่วมกัน  เพื่อประโยชน์ของชนทั้งปวง  ไฉนจึงไม่ช่วยเราทูลข้อนี้บ้าง"  แม้กระนั้นก็หาไดมีใครกล่าวคำอันใดไม่  พระจันทกุมารจึงให้พวกภริยาของพระองค์ช่วยกันกราบทูลด้วย  แต่ไม่สามารถจะให้พระราชาทรงรู้สึกด้วยแม้เพียงการทอดพระเนตรมา  เมื่อไม่ได้ผล  พระวสุลกุมารผู้เป็นบุตรของพระจันทกุมารจึงเข้าช่วยกราบทูลวิงวอนด้วยการคร่ำครวญต่าง ๆ นานา  พระราชาทรงสดับเสียงคร่ำครวญของพระราชนัดดาก็อ่อนพระทัย  ทรงสวมกอดแล้วก็ตรัสสั่งให้ปล่อยคนทั้งหมดที่จับมาอีกครั้งหนึ่ง

ฝ่ายกัณฑหาลก็ได้พยายามคัดค้านเหมือนครั้งก่อน  เมื่อพระราชากลับสั่งให้จับกุมพระราชบุตรมาอีกเป็นคำรบสาม  ก็ได้คิดว่า  "พระราชาองค์นี้ใจอ่อน  ประเดี๋ยวก็ให้ปล่อย  ประเดี๋ยวก็ให้จับ และประเดี๋ยวก็คงจะให้ปล่อยอีกแน่ ๆ  อย่าเลยเราจะพาพระราชาไปหลุมยัญเสียเลยทีเดียว"  จึงกล่าวคำทำนองทูลเชิญว่า  "ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐ  หลุมยัญได้จัดเตรียมไว้พร้อมแล้วทุกประการ  ขอพระองค์จงเสด็จไปเถิด  เมื่อบูชาเสร็จแล้ว  จักได้สู่สวรรค์  จักได้บันเทิงพระหฤทัย  พระเจ้าข้า"

ในเวลาที่พระจันทกุมารถูกนำไปหลุมเป็นที่บูชา  เหล่าหญิงนางห้ามทั้งหลายก็พากันคร่ำครวญ  ติดตามไปพร้อมด้วยหญิงอื่น ๆ  อีกเป็นจำนวนมาก  ประชาชนในพระนครก็ระส่ำระสายส่งเสียงเอ็ดอึงติดตามพระจันทกุมารไป  พระจันทกุมารเป็นคนทำประโยชน์แก่ประชาชน  จึงเป็นที่รักของประชาชนอย่างยิ่ง  เมื่อมามีอันเป็นไปโดยไม่สมควรแก่เหตุผลเช่นนี้  จึงทำให้พระนครทั้งหมดสั่นสะเทือนด้วยเสียงร่ำร้องคร่ำครวญต่าง ๆ  นานา  ราชตระกูลทั้งหมดเต็มไปด้วยความวิปโยคอย่างสุดแสน  และได้พากันกราบทูลวิงวอนต่อพระเจ้าแผ่นดินเป็นครั้งสุดท้าย  แต่แม้จะร่ำรำพันอย่างไรก็ไม่สามารถจะให้พระเจ้าแผ่นดินทรงพระกรุณาได้ 

ในที่สุด  ขณะที่เหตุการณ์จะถึงวาระสุดท้ายอยู่แล้ว  นางจันทาเทวีผู้อัครชายาของพระจันทกุมารจึงเข้าทูลวิงวอนขออย่าได้ให้ฆ่าพระราชบุตรเสียเลย  ด้วยการร่ำรำพันต่าง ๆ  นานา  เมื่อยังไม่สามารถให้พระเจ้าแผ่นดินเปลี่ยนพระราชหฤทัยได้  และขณะที่พระจันทกุมารถูกนำลงไปในหลุยัญซึ่งเป็นเวลาที่กัณฑหาลพราาหมณ์นำถาดทองวางพระขรรค์เข้ามาและจับพระขรรค์ขึ้น  ด้วยตั้งใจจะตัดพระศอพระ
จันทกุมารนั้น  พระนางจันทาเทวีก็รำพันขึ้นว่า  "ขณะนี้ที่พึงอื่นของเราไม่มีแล้ว  เราจะกระทำสัจกริยาเพื่อความสวัสดีของสามี"  ว่าแล้วนางก็ประคองอัญชลีดำเนินไปในระหว่างชุมชนพร้อมกับกล่าวว่า  "กัณฑหาลพราหมณ์ผู้มีปัญญาทราม  กระทำกรรมชั่ว  นี้เป็นความสัตย์  ด้วยเดชแห่คำสัตย์อนนี้  เทพยดาก็ดี  ยักษ์ก็ดี  สัตว์ที่เกิดแล้วหรือที่กำลังจะมาเกิดก็ดี  ขอจงได้ขวนขวายช่วยเหลือเราผู้ไร้ที่พึ่ง ผู้กำลังแสวงหาที่พึ่ง  ขอให้เราได้มีชีวิตอยู่กับสามีด้วยความสวัสดีด้วยเเถิด  เราขอวิงวอนพระเป็นเจ้าทั้งหลาย  จงให้พระสามีเป็นผู้ที่ศัตรูจะทำร้ายไม่ได้ ณ บัดนี้เถิด"


...............................

(ยังมีต่ออีก)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น