วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2557

ชาติที่ ๕ พระมโหสธ (หน้า ๑)




ทรัพย์ กับ  ปัญญา  อย่างไหนประเสริฐกว่ากัน  ปัญหานี้ได้ถกเถียงกันมานานแล้ว  แต่ยังไม่ยุติกันลงไปได้  บางพวกว่า  ทรัพย์ประเสริฐกว่าปัญญา  เพราะทรัพย์เป็นแก้วสารพัดนึก  จะต้องการอะไรก็ได้  ไม่เห็นจำเป็นต้องมีปัญญาเลย  บางพวกว่า  ปัญญาประเสริฐกว่าทรัพย์  เพราะทรัพย์ที่หามาได้ก็อาศัยปัญญา  ถ้าไม่มีปัญญาจะหาทรัพย์ได้อย่างไร  การรักษาทรัพย์ก็ต้องอาศัยปัญญา  ถ้าไม่มีปัญญาจะรักษาทรัพย์ได้อย่างไร  นี้เป็นปัญหาที่ถกเถียงกันอยู่  เรื่องยอดบัณฑิตนี้จะตัดสินความข้อนี้โดยยุติ :-

มโหสธ  เป็นชื่อของยอดบัณฑิตในเรื่องนี้  เป็นบุตรเศรษฐีสิริวัฒกะกับนางสุมนาเทวี  เมื่อคลอดออกมามีแท่งโอสธในมือ  เศรษฐีบิดาเป็นโรคปวดศีรษะมา  ๗  ปี  จึงเอาแทงโอสธนั้นมาฝนที่หินบดแล้วทาที่หน้าผาก  หายปวดศีรษะทันที  ความศักดิ์สิทธิ์ของโอสธนั้นได้แพร่หลายทั่วไป  ใครเจ็บไข้ได้ป่วยก็มาหาเศรษฐี  เมื่อได้โอสธรักษา  ก็หายไปทุกคน  เพราะโอสธวิเศษนี้เศรษฐีจึงตั้งชื่อบุตรว่า  "มโหสธ"

เศรษฐีดำริว่า  ในวันที่บุตรของเราเกิดนี้  คงมีทารกอื่น ๆ  เกิดอีกมากจึงให้สำรวจดู  ก็ทราบว่า  มีทารกที่เกิดวันเดียวกันกับมโหสธถึง  ๑,๐๐๐  คน  เศรษฐีจึงให้นำเครื่องประดับไปมอบแก่ทารกทุกคน  และให้นางนมอีก  ๑,๐๐๐  คน

มโหสธมีเพื่อนเด็ก ๆ  รุ่นเดียวกันมากมาย  เล่นหัวกันอย่างสนุกสนานจวบจนอายุได้  ๗  ขวบ  มโหสธมีรูปร่างงดงามสง่าผ่าเผยกว่าทรกอื่น ๆ  และมีกำลังแข็งแรง  วันหนึ่งขณะที่กำลังเล่นกันเพลินอยู่  ฝนตั้งเค้าลงมา  มโหสธเห็นดังนั้นก็วิ่งหลบไปถึงศาลาแห่งหนึ่งด้วยความเร็ว  ส่วนเด็กนอกนั้นวิ่งตามไปข้างหลัง  เหยียบกันหกล้มลุกคลุกคลาน  บ้างก็เท้าแพลง  บ้างก็เข่าแตก  บ้างก็หัวโน  มดหสธเห็นดังนั้นจึงคิดจะสร้างสถานที่สำหรับเล่นให้สะดวกสสบายทั้งเวลายืน  เวลาเดิน  เวลานั่ง  เวลาวิ่ง  ไม่ต้องกรำแดดกรำฝน  จึงแจ้งให้เพื่อนเด็ก ๆ  ทราบ  แล้วขอให้ทุกคนนำเงินมาคนละ  ๑  กหาปณะ  (กหาปณะหนึ่ง  เท่ากับ  ๔  บาท)  เมื่อได้กหาปณะครบ  ๑,๐๐๐ จึงเรียกช่างมาจัดทำ  นายช่างได้ปราบพื้นจนเสมอแล้วก็เอาเชือกขึงกะที่  มโหสธเห็นนายช่างขึงเชือกไม่ถูกแบบ  ก็เข้าไปบอกขอให้ขึงใหม่  นายช่างไม่ยอมทำตาม  บอกมโหสธว่า  "ได้ทำตามศิลปะของตน"

มโหสธจึงเอาเชือกขึงเสียเอง  เชือกที่มโสธขึงเป็นประหนึ่งว่าท้าววิสสุกรรมขึง  ซึ่งนายช่างทำไม่ได้ นายช่างขอให้มโหสธเป็นผู้ให้ความคิดเห็นในการจัดทำ  มโหสธจึงจัดแปลนสถานที่เป็นห้อง ๆ  คือ  จัดเป็นห้องสำหรับหญิงอนาถาคลอดบุตรห้องหนึ่ง  จัดเป็นห้องสำหรับสมณพราหมณ์มาพักห้องหนึ่ง  จัดเป็นห้องสำหรับคนเดินทางมาพักห้องหนึ่ง  จัดเป็นห้องสำหรับเก็บข้าวของและสินค้าของพ่อค้าผู้มาพักห้องหนึ่ง  ห้องเหล่านี้ให้ทำประตูทางหน้ามุขมีสนามเล่น  มีโรงวินิจฉัยคดี  ทุกห้องจิตรกรได้วาดภาพอย่างวิจิตรบรรจง  นอกจากนี้ยังได้สร้างสระโบกขรณี  มีท่าขึ้นลง  ๑๐๐  ท่า  ดารดาษไปด้วยดอกบัวนานาชนิด  มีสวนต้นไม้ต่าง ๆ  พรรณ  สถานที่เหล่านี้เป็นความคิดของมโหสธออกแบบให้ช่างทำ  เมื่อทำเสร็จแล้วดูคล้ายเทวสภา  มหาชนต่างพากันมาประชุมเป็นจำนวนวันละมาก ๆ  มโหสธทำหน้าที่เป็นผู้วินิจฉัยคดี  ที่มีผู้มาขอให้ตัดสินโดยยุติธรรม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น