วันศุกร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2557

ชาติที่ ๑. พระเตมีย์ (ใบ้)







พระเจ้ากาสีกราชแห่งพระนครพาราณสี  ทรงมีพระสนมประมาณ ๖๐,๐๐๐ คน  แต่่พระสนมเหล่านั้นมิได้มีโอรสและธิดาเลยสักคนเดียว  ประชาราษฏร์พากันซุบซิบว่า  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเราไม่มีราชโอรสจะสืบกษัตริย์  ราชวงศ์คงจะสูญสิ้นเสียแน่แล้ว  จึงชวนกันไปประชุมที่พระลานหลวง  ในบรมมหาราชวัง

พระเจ้ากาสีกราชทอดพระเนตรเห็นประชาราษฎร์มาประชุมกันคับคั่ง  จึงเสด็จออกมาตรัสถามว่า  "พวกท่านมาประชุมกันด้วยเรื่องอันใด ?"

ประชาราษฎร์กราบทูลว่า  "ขอเดชะใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท  ข้าพระพุทธเจ้าเหล่าประชาราษฎร์ต่างมีความทุกข์ร้อน  ที่เห็นพระองค์มิได้มีพระราชโอรส  เกรงว่า  ราชวงศ์จะสูญเสีย  จะหาผู้ครองราชสมบัติมิได้  ขอให้พระองค์ทรงปรารถนาพระราชโอรสเถิด  พระเจ้าข้า"

พระเจ้ากาสีกราชได้สดับคำกราบทูลของชาวเมืองดังนั้น  ก็มิได้ตรัสประการใด  เสด็จเข้าพระราชฐาน รับสั่งให้นางสนมทั้ง ๖๐,๐๐๐ คน  เข้าเฝ้า  เมื่อนางสนมทั้ง ๖๐,๐๐๐  คน  มาพร้อมหน้ากันแล้ว  จึงมีพระราชบัญชาว่า  "พวกเจ้าจงปรารถนาบุตรกันเถิด"

นางสนมเมื่อได้รับพระบัญชาดังนั้น  ต่างพากันออกจากพระราชฐานแล้วแยกย้ายกันไปตามสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ  ทำพิธีบวงสรวงเทพเจ้า  ขอให้ได้โอรสธิดา  แต่ก็ไม่สมปรารถนาสักคนเดียว

จะกล่าวถึงพระนางจันทรเทวี  อัครมเหสีของพระเจ้ากาสีกราช  พระนางเป็นหญิงที่เพียบพร้อมไปด้วย
ศีลาจารวัตร  พระนางทรงปรารถนาใคร่ได้โอรสธิดาเช่นเดียวกัน  แต่พระนางมิได้เสด็จ  ทรงสมาทานอุโบสถศีลในวันเพ็ญ  ทรงเปลื้องเครื่องอาภรณ์ออก  บรรทมบนพระแท่นน้อย ๆ  ทรงรำลึกถึงศีลของพระองค์  ทรงตั้งปณิธานด้วยสัจกิริยาว่า  "ข้าพเจ้ารักษาศีลมาด้วยความบริสุทธิ์  ไม่มีด่างพร้อยแม้แต่น้อย  ด้วยสัจวาจานี้  ขอบุตรจงมีแก่ข้าพเจ้า เถิด"

ด้วยเดชานุภาพแห่งศีลของพระนางที่บริสุทธิ์ไม่มีด่างพร้อยดลบันดาลให้ได้พระโอรสสมความปรารถนา เมื่อพระนางทรงครรภ์ครบกำหนดแล้ว  ประสูติพระราชโอรสทรงพระรูปพระโฉมงดงาม  พระเจ้ากาสีกราชเมื่อทรงทราบว่าพระอัครมเหสีประสูติพระราชโอรส  ก็เกิดเสน่หาปราโมทย์ปีติซาบซ่านในพระราชหฤทัย  รับสั่งให้มหาเสนาบดีไปตรวจตราดูเด็กที่เกิดในวันนั้นตามเรือนของอำมาตย์  ก็ได้เด็กที่เกิดวันนั้นประมาณ ๕๐๐  คน  มหาเสนาบดีกลับมาเฝ้ากราบทูลให้ทรงทราบว่า  ได้เด็กประมาณ ๕๐๐  คน  พระเจ้ากสีกราชทรงโสมนัสเป็นยิ่งนัก  ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้จัดทำเครื่องประดับสำหรับกุมารทั้ง ๕๐๐  คน  พระราชทานแม่นม ๕๐๐  คน  ให้เลี้ยงดูกุมารเหล่านั้นคนละคน  ส่วนพระราชโอรสได้รับพระราชทานแม่นม ๖๔  คน  เลือกสตรีที่มีน้ำนมอร่อย  มีถันไม่ยาน  ไม่สูงเกินไป  ไม่ต่ำเกินไปเป็นต้น การที่เลือกสตรีเช่นนั้น  ก็เพราะเมื่อสตรีสูงเกินประมาณ  เมื่อเด็กนั่งดื่มนมคอก็จะยืดยาวไป  ถ้าสตรีต่ำเกินประมาณ  เมื่อเด็กนั่งดื่มนมกระดูกคอก็จะถูกบีบ  ถ้าได้สตรีผอมเกินประมาณ  เมื่อเด็กนั่งดื่มนมขาทั้งสองของเด็กก็จะเสียดสีกัน  ถ้าได้สตรีที่อ้วนเกินประมาณ  ก็จะทำให้เท้าทั้งสองของเด็กเปลี้ยลง  สตรีที่ผิวดำจัดน้ำนมก็จะเย็นจัด  สตรีที่ผิวขาวจัดน้ำนมก็วจะร้อนจัด  สตรีที่ถันยานเมื่อเด็กดื่มนม  นมก็จะกดจมูกเด็กให้แบนมากไป  สตรีที่เป็นโรคหืดน้ำนมเปรี้ยวจัด  สตรีที่เป็นโรคม่องคร่อน้ำนมจะมีรสเฝื่อน เป็นต้น  เพราะฉะนั้น  พระเจ้ากาสีกราชจึงได้เลือกสตรี ๖๔  คน  ซึ่งไม่มีลักษณะดังกล่าวแล้วเป็นนางนม

พระเจ้ากาสีกราชได้รับสั่งให้พราหมณ์ผู้พยากรณศาสตร์  มาพยากรณ์ลักษณะของพระราชโอรส พราหมณ์ผู้รู้พยากรณ์เมื่อเห็นลักษณะของพระราชโอรส  จึงกราบทูลว่า  "ขอถวายพระพร  พระราชโอรสของมหาบพิตรทรงมีลักษณะวิจิตรโสภายิ่งนัก  พระราชโอรสทรงสามารถจะเป็นราชาธิราชในมหาทวีปทั้ง ๔"  พระเจ้ากาสีกราชได้สดับคำพยากรณ์ของพวกพรหมณ์  ทรงยินดีเป็นอย่างยิ่ง  ได้ทรงขนานนามพระราชโอรสว่า "เตมียกุมาร"  เพราะในวันพระราชโอรสประสูติ  ฝนตกทั้งแคว้นกาสี  ประกอบกับเมื่อพระราชโอรสองค์นี้ประสูตร  ทำให้หัวใจของพระเจ้ากาสีกราชชุ่มชื่น


เมื่อพระราชโอรสมีพระชนม์ได้ ๑  เดือน  พวกนางนมก็ตกแต่งพระวรกายของพระราชโอรส  นำขึ้นเฝ้าพระเจ้ากาสีกราช  พระเจ้ากาสีกราชทอดพระเนตรเห็นพระราชโอรส  ทรงตรงเข้าสวมกอดจุมพิตที่พระเศียร  แล้วทรงอุ้มพระโอรสให้ประทับบนพระเพลา  ทรงรื่นรมย์ชมเชยอยู่กับพระโอรส

ขณะนั้น  ราชบุรุษนำโจร ๔  คน มายังหน้าพระที่นั่ง  พระองค์ทอดพระเนตรเห็นโจรเหล่านั้น รับสั่งให้ลงพระราชอาญา  ให้เอาหวายทั้งหนามเฆี่ยนโจรทันที  โจรอีกคนหนึ่งให้เอาโซ่ตรวนล่ามส่งเข้าเรือนจำ  อีกคนหนึ่งให้เอาฉมวกแทงศีรษะ  อีกคนหนึ่งให้เอาหล่าวเสียบ

พระเตมียราชกุมารได้สดับพระราชดำรัสของพระบรมชนกนาถ  ที่รับสั่งให้ลงโทษพวกโจรเหล่านั้น  ทรงมีความสะดุ้งหวาดกลัวในพระสุรเสียงที่รับสั่งนั้น  จึงดำริว่า  "โอ  พระชนกนาถของเราอาศัยสมบัติอันยิ่งใหญ่เช่นนี้  แล้วประกอบกรรมอันหนักเหลือเกิน  น่าจะต้องไปเกิดในนรก"

วันรุ่งขึ้น  พระนางนมนำพระเตมียกุมารไปบรรทมให้พระมหาเศวตฉัตร  พระราชกุมารหลับไปหน่อยหนึ่งแล้วตื่นลืมพระเนตรดูพระมหาเศวตรฉัตร  ได้เห็นสิริราชสมบัติอันยิ่งใหญ่  ซึ่งตามปกติพระราชกุมารก็ทรงสะดุ้งกลัวอยู่แล้ว  เมื่อได้แลเห็นเช่นนั้น   ก็เกิดความกลัวมากขึ้นอีก  ทรงดำริว่า  "ก่อนเราจะมาเกิดในพระราชฐานนี้  เรามาจากไหน"  เมื่อทรงใคร่ครวญดูแล้วก็ทรงทราบด้วยญานว่า  "มาจากเทวโลก"  แล้วทรงระลึกย้อนขึ้นไปอีก  "ก่อนที่จะมาสู่เทวโลกนั้น  มาจากไหน"  ก็ทรงทราบว่า  "มาจากนรกขุมหนึ่ง"  แล้วทรงระลึกย้อนขึ้นไปอีกว่า  "ก่อนที่จะตกนรกนั้น  มาจากไหน"  ทรงทราบอีกว่า  "พระองค์เคยเป็นพระราชาในแคว้นกาสีนี่เอง  เคยครองราชสมบัติอยู่ประมาณ ๒๐  ปี  แต่ต้องไปไหม้อยู่ในนรก ๘๐,๐๐๐  ปี  บัดนี้เราก็ต้องกลับมาเกิดในเรือนฆ่าโจรอีก  เมื่อวานนี้  พระราชบิดาของเรา  เมื่อราชบุรุษนำโจร ๔  คน  มายังหน้าพระที่นั่ง  ก็รับสั่งถ้อยคำหยาบคายทำนองเดียวกับที่ทำให้เราตกนรกมาแล้ว  ถ้าเราครองราชสมบัติก็ต้องเสวยทุกข์ใหญ่หลวงในนรกอีก"  พระวรกายของพระราชกุมาร  ซึ่งมีผิวพรรณเหมือนทองคำก็กลับซูบเซียวเศร้าหมองเหมือนดอกบัวที่ถูกขยี้เหี่ยวแห้งไปฉะนั้น  ทรงดำรัสต่อไปว่า  "ทำอย่างไรหนอเราจึงจะพ้นจากเรือนฆ่าโจรนี้ไปได้"
















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น