วันอังคารที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2557

ชาติที่ ๒. พระมหาชนก (หน้า ๕)


บุษยราชรถออกจากพระราชมนเฑียรแล่นเข้าทางหลวง  ออกจากพระนครแล่นตรงไปพระราชอุทยาน   แล้วหยุดอยู่ตรงแผ่นศิลามงคล

ปุโรหิตตามไปดูตรงที่ราชรถหยุดนั้น  ได้เห็นบุรุษผู้หนึ่งนอนหลับอยู่  จึงเรียกพวกอำมาตย์มา  แล้วชี้ให้ดูบุรุษที่กำลังนอนอยู่บนแผ่นหิน  พูดว่า  "บุรุษผู้นี้เราไม่เคยเห็นมาก่อนเลย  และเราก็ยังรู้ไม่ได้ว่า  เขาจะสมควรเป็นราชาของพวกเราหรือไม่  เอาอย่างนี้  เราจะทดลองบุรุษผู้นี้ดูก่อน  ให้วงดนตรีประโคมดนตรีขึ้นพร้อมกัน  ถ้าบุรุษผู้นี้มีปัญญาก็คงสงบอยู่ ไม่ลุก  ไม่แลดู  ถ้าเป็นคนโง่กาลกิณีก็จะตกใจรีบลนลานลุกหนีไป  พวกท่านจะเห็นอย่างไร"  อำมาตย์ทั้งหลายเห็นด้วยกับปุโรหิต  ปุโรหิตจึงให้วงดนตรีบรรเลงขึ้นพร้อม ๆ  กัน  เสียงดนตรีดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่ว

พระมหาชนกได้ยินเสียงดนตรีก็ตื่นจากบรรทม  เปิดผ้าคลุมทอดพระเนตรเห็นบุษยราชรถก็ทรงดำริว่า  "เราคงได้เป็นราชาครองราชสมบัติในเมืองนี้แน่แท้"  แล้วก็คลุมพระเศียรอย่างเดิม  พลิกพระวรกายบรรทมต่อไป  มิได้ทรงแสดงอาการตื่นเต้นตกใจแต่อย่างไร

ปุโรหิตตรงไปเปิดผ้าคลุมพระบาทตรวจดูลักษณะ  เห็นลักษณะต้องตามพยากรณศาสตร์ว่า  บรุษที่มีลักษณะเช่นนี้  อย่าว่าแต่จะครองราชสมบัติเพียงทวีปเดียวเลย  ต่อให้ทั้งสี่ทวีปก็สามารถครองได้  จึงประกาศพระลักษณะให้มหาชนที่รอฟังความอยู่  ณ  ที่นั้นให้ทราบ  แล้วให้ดนตรีประโคมอีกครั้งหนึ่ง

พระมหาชนกทรงเปิดผ้าคลุมทอดพระเนตรดูหน่อยหนึ่งแล้วพลิกพระกายบรรทมต่อไป

ปุโรหิตเห็นว่า  บุรุษผู้นี้มีบุญญาธิการสมควรได้ราชสมบัติ  จึงนั่งลงกราบถวายบังคมว่า  "ขอเดชะ  ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท   ขอพระองค์เสด็จลุกขึ้นเถิด  บัดนี้ราชสมบัติแห่งมิถิลานครได้มาถึงพระองค์แล้ว  พระเจ้าข้า"

พระมหาชนกตรัสถามปุโรหิตว่า  "พระเจ้าอยู่หัวของท่านไปไหนเสียเล่า ?"

ปุโรหิตกราบทูลว่า  " ได้เสด็จสวรรคตเสียแล้ว  พระเจ้าข้า"

พระมหาชนกตรัสถามว่า  "พระราชโอรสหรือพระบรมวงศานุวงศ์ของพระเจ้าอยู่หัวไม่มีดอกหรือ ?"

ปุโรหิต  "ขอเดชะ  พระราชโอรสไม่มี  มีแต่พระราชธิดาองค์เดียว  พระเจ้าข้า"

พระมหาชนกตรัสว่า  "ถ้าเช่นนั้นดีแล้ว  เราจักครองราชสมบัติ"  แล้วเสด็จลุกขึ้นประทับนั่งบนแผ่นหินอันเป็นมงคล

ขณะนั้น  มหาชนพร้อมด้วยเสนามาตย์ราชปุโรหิตาจารย์ต่างก็ถวายราชาภิเษกพระมหาชนก  ณ  ที่นั้น   แล้วทูลขอพระนามพระองค์  พระมหาชนกรับสั่งว่า  "เราชื่อมหาชนก  บัดนี้ท่านทั้งหลายได้จัดพิธีราชาภิเษกแก่เราแล้ว  เราจึงมีชื่อว่า  มหาชนกราชา"

พระมหาชนกราชได้เสด็จเข้าพระนคร  ตรงเข้าพระราชมนเฑียรเสด็จเลยเข้าถึงฝ่ายใน

พระนางสีวลีราชธิดาทรงทราบว่า  "เสนามาตย์ราชปุโรหิตได้จัดการอภิเษกบุรุษผู้หนึ่ง  ขึ้นเป็นพระราชา ทรงพระนามว่า พระมหาชนกราช  บัดนี้  พระมหาชนกราชได้เสด็จเข้ามาอยู่ในพระราชวังฝ่ายในแล้ว"  จึงทรงดำริที่จะทดลอง  จึงรับสั่งเรียกราชบุรุษคนหนึ่งมาเฝ้าแล้วตรัสว่า  "นี่แน่  เจ้าจงไปทูลพระมหาชนกราชว่า  พระนางสีวลีราชธิดามีพระประสงค์จะทรงพบ  ขอได้โปรดรีบเสด็จไปเฝ้าโดยไวเถิด"  ราชบุรุษรับกระแสรับสั่งของพระนางแล้ว  ก็ไปเฝ้าพระมหาชนกราช  กราบทูลตามที่พระนางสั่ง

พระราชามหาชนกทรงสดับคำกราบทูลของราชบุรุษดังนั้น  ก็ทรงทำเป็นไม่ได้ยิน  ทรงเสแสร้งทำเป็นชมปราสาทว่า  "แหม  ปราสาทนี้งามตระการยิ่งนัก  เป็นบุญของเราแล้วที่ได้มาอยู่ปราสาทนี้"  แม้ราชบุรุษจะกราบทูล  ๒  ครั้ง  ๓  ครั้ง  ก็ทรงทำเป็นไม่ได้ยิน

ราชบุรุษเมื่อเห็นว่า  พระราชามิได้ทรงสนพระทัยในคำกราบทูลของตน  จึงกลับไปเฝ้าพระราชธิดา กราบทูลว่า  "ข้าแต่พระนาง  หม่อมฉันได้กราบทูลแด่พระราชาตามกระแสรับสั่งของพระนาง  แต่พระราชามิได้ทรงสนพระทัยกับคำกราบทูลนั้นเลย  กลับทรงชมมหาปราสาทอยู่ตลอดเวลา พระเจ้าข้า"

พระราชธิดาทรงดำริว่า  "พระราชาองค์นี้ฉลาดมาก"  ได้ทรงสั่งราชบุรุษไปกราบทูลอีก  ๒  ครั้ง  ๓  ครั้ง  ก็ไม่สำเร็จ  เป็นอันจนพระทัย  คอเเฝ้าดูเหตุการณ์ต่อไป

พระราชามหาชนกได้เสด็ไปตามพระราชอัธยาศัยโดยที่พระนางไม่ทรงทราบล่วงหน้า  เสด็จขึ้นมหาปราสาทแล้ว  เลยเข้าไปข้างใน  พระนางสีวลีตกพระทัย  รีบเสด็จลุกจากพระแท่น  ตรงเข้าถวายให้เกี่ยวพระกร  พระราชาทรงเกี่ยวพระกรพระราชธิดา  เสด็จประทับนั่งภายใต้มหาเศวตฉัตร  ตรัสเรียกมหาอำมาตย์มาตรัสถามว่า  "เมื่อพระราชาของพวกท่านจะเสด็จสวรรคต  ได้ตรัสสั่งอะไรไว้บ้าง  ?"  มหาอำมาตย์กราบทูลให้ทรงทราบว่า  ได้ตรัสสั่งไว้บ้าง  จึงโปรดให้มหาอำมาตย์เล่าถวาย

มหาอำมาตย์กราบทูลว่า  "ขอเดชะ  พระราชาของข้าพระบาทได้ตรัสสั่งไว้ว่า  ให้มอบราชสมบัติแก่ผู้มีความสามารถดังต่อไปนี้

๑.  สามารถทำให้พระนางสีวลีราชธิดาทรงโปรดปรานได้

๒.  สามารถทราบหัวนอนบังลังก์  ๔  เหลี่ยม

๓.  สามารถยกธนูที่มีน้ำหนัก  ๑,๐๐๐  แรงคนขึ้นได้

๔.  สามารถนำขุมทรัพย์  ๑๓  แห่งออกมาได้

พระราชารับสั่งไว้ดังนี้  พระเจ้าข้า"

พระมหาชนกตรัสว่า  "ข้อ ๑  ที่ว่า  สามารถให้พระนางสีวลีราชธิดาโปรดปรานได้นั้น  บัดนี้เราก็ได้ให้พระนางโปรดปรานเราได้แล้ว  คือ  ทรงถวายพระกรให้เราเกี่ยว  ท่านทั้งหลายเห็นแล้วมิใช่หรือ ?"

อำมาตย์กราบทูลว่า  "เห็นแล้ว  พระเจ้าข้า"

พระมหาชนกตรัสว่า  "ข้อ  ๒  ที่ว่า  สามารถทราบหัวนอนบัลลังก์  ๔  เหลี่ยมนั้น  เราขอคิดดูก่อน "  เมื่อทรงตรึกตรองอยู่สักครู่หนึ่ง  จึงถอดเข็มทองคำบนพระเศียร  ประทานที่พระหัตถ์ของพระนางสีวลี  รับสั่งว่า  "เธอจงวางเข็มทองคำนี้ไว้"  พระนางสีวลีรับเข็มทองคำไปวางไว้ที่หัวนอนบัลลังก์  พระราชามหาชนกจึงทรงชี้ว่า  "ด้านนั้นเป็นหัวนอน"  เพราะทรงสังเกตด้านที่พระนางสีวลีวางเข็มทองคำไว้














ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น