พระเตมีย์ทรงฟังคำของสุนันทสารถีแล้ว มีพระดำรัสว่า "ถ้าเรายอมให้บวชเสียบัดนี้ พระชนกชนนีจักไม่ได้เสด็จมาพบเรา จักเป็นความเสื่อมแก่พระองค์ทั้งสอง ราชรถ ม้า และเครื่องทรงก็จักสูญหายไป ทั้งจักเกิดครหาแก่เราได้ว่า เขาถูกยักษ์กินเสียแล้วหรือไฉน หายไปทั้งสารถีด้วย จะยอมให้เขาบวชไม่ได้ ต้องให้กลับไปบ้านเมืองก่อน" ทรงดำริแล้ว ตรัสว่า "ดูรา สุนันทะ ท่านยังเป็นหนี้หลวงอยู่ ต้องนำราชรถกลับไปคืน แล้วจึงจะเป็นผู้ไม่มีหนี้ คราวนี้จงมาเถิด เพราะว่าการบรรพชาของคนไม่มีหนี้ เป็นข้อที่ฤาษีทั้งหลายสรรเสริญไว้ ท่านต้องกลับไปก่อน จะบวชอยู่กับข้าพเจ้าบัดนี้ไม่ได้"
นายสารถีฟังพระดำรัสแล้ว เกิดวิตกว่า "ถ้าตอนที่เราเข้าไปในเมือง พระองค์เสด็จไปที่อื่นเสีย แม้พระราชบิดาของพระองค์ได้ทรงทราบข่าวแล้ว ก็คงจะเสด็จออกมาตรัสให้เราพามาเพื่อพบพระราชโอรส ถ้าไม่พบพระองค์จะพึงลงพระราชทัณฑ์แก่เราได้ เราต้องทูลขอปฏิญญา มิให้เสด็จไปที่อื่น" คิดแล้วก้กราบทูลว่า "ข้าแต่พระราชกุมาร แม้ว่าข้าพระบาทปฏิบัติตามพระบัญชาแล้ว ความเจริญจงมีแก่พระองค์ ข้าพระบาทขอพระกรุณาโปรดทรงกระทำตามคำวิงวอนของข้าพระบาทด้วยเถิด โปรดประทับอยู่ที่นี่จนกว่าข้าพระบาทจะนำพระราชบิดาเสด็จมา โปรดทรงพระกรุณาเพียงให้พระราชบิดาของพระองค์ได้ทรงพบแล้ว มีพระปีติดีพระทัยเท่านั้นแหละ พระเจ้าข้า"
พระเตมีย์ตรัสว่า "ท่านสารถี ข้าพเจ้าจะทำตามที่ท่านกล่าว แม้ข้าพเจ้าก็ปรารถนาจะเห็นพระชนกเสด็จมาที่นี่เหมือนกัน เชิญท่านกลับไปเถิดเพื่อนยาก เชิญแจ้งข่าวดีแก่พระญาติของข้าพเจ้าด้วยว่า ข้าพเจ้าถวายบังคมแด่พระองค์" ตรัสแล้วบ่ายพระพักตร์ตรงพระนครพาราณสี น้อมพระกายลงถวายบังคมพระชนกชนนี ด้วยเบญจางคประดิษฐ์ เสร็จแล้ว บอกให้นายสารถีเดินทางสู่พระะนคร
นายสารถีสุนันทะรับพระดำรัสสั่งทุกประการ กระทำประทักษิณ ถวายบังคมพระบาทยุคล ขึ้นสู่รถขับเข้าสู่พระนครพาราณสีโดยเร็ว
ขณะนั้น พระนางจันทรเทวีทรงเปิดช่องพระแกล คอยทอดพระเนตรการกลับมาของสารถีอยู่ ด้วยพระหทัยอันเต็มไปด้วยพระประสงค์ที่จะทรงทราบข่าวของพระราชโอรส พอนายสารถีผ่านมา ทรงเห็นราชรถว่างเปล่ามีแต่นายสารถีขับรถมาแต่ผู้เดียว ก็ทรงกรรแสง น้ำพระเนตรไหลนองพระพักตร์ทรงรำพันว่า "นั่นสารถีกำลังมา เขาฝังลูกฉันเสียแล้ว ลูกฉันถูกฝังเสียแล้ว โธ่ ลูกผู้เป็นศรีสง่าของประเทศในแผ่นดิน ถูกเขาฝังเสียแน่นอนแล้ว ลูกฉันถูกฝังเสียแล้ว พวกศัตรูจะพากันชื่นชมเป็นแน่นอน พวกไพรีจะพากันกระหยิ่มอิ่มใจเป็นแน่นอน"
พอสารถีมาถึง พระนางก็มิได้ทรงรีรอ รีบเสด็จไปถาม พลางมีพระดำรัสซักทั้ง ๆ ที่ทรงกรรแสสง น้ำพระเนตรนองพระพักตร์ว่า "ลูกฉันเป็นใบ้หรือเปล่า เป็นง่อยหรือเปล่า เวลาถูกฝังร้องหรือเปล่า บอกฉันซิ บอกมาเถิด สารถี เวลาที่ลูกฉันถูกฝังนะ มือเท้าเป็นอย่างไร เคลื่อนไหวบ้างหรือเปล่า ? บอกฉันซิ ฉันอยากทราบ"
นายสารถีสุนันทะสุดแสนจะสงสารพระนาง กราบทูลว่า "ข้าแต่พระแม่เจ้า ข้าพระบาทกำลังจะกราบทูล ขอได้ทรงพระกรุณาโปรดประทานอภัยแก่ข้าพระบาทด้วยเถิด ข้อที่ข้าพระบาทได้ฟังได้เห็นในสำนักของพระราชโอรสนั้น ข้าพระบาทขอกราบทูลแด่พระแม่เจ้าทุกประการ พระเจ้าข้า"
พระนางจันทรเทวีตรัสว่า "พ่อเพื่อนยาก ฉันให้อภัยเธอ เธอไม่ต้องกลัว เชิญพูดเถิด พูดถึงเรื่องที่เธอยินได้พบในสำนักของลูกฉันเถิด"
สุนันทสารถีกราบทูลเรื่องทุก ๆ ประการตามที่ปรากฏ ตลอดถึงเหตุที่ทำให้พระราชกุมารต้องแสร้งทำเป็นพิกลพิการ ในที่สุดกราบทูลว่า "พระราชกุมารมีพระอวัยวะสมบูรณ์ ทรงมีพระรูปงดงามแลสง่า พระดำรัสก็ไพเราะ มีพระปรีชาญาณ ดำรงอยู่ในทางสวรรค์ ถ้าพระองค์มีพระประสงค์จะทรงพบพระราชโอรส ก็เชิญเสด็จ ข้าพระบาทจะนำเสด็จไปจนถึงที่พระเตมีย์ประทับอยู่ พระเจ้าข้า"
พระเจ้ากาสิกราชทรงสดับคำกราบทูลของนายสุนันทสารถี ดีพระทัยเป็นล้นพ้น ตรัสเรียกอำมาตย์มหาเสนาบดีมาเฝ้าทันที มีพระดำรัสสั่งให้เตรียมช้างเตรียมม้า จัดสังข์และบัณเฑาะว์ กลอง โทน ให้พร้อมสรรพ ให้ประกาศแก่ประชาชน ใครจะไปก็ให้ตามไปได้ เสนา ๔ เหล่า ใครจะไปก็ให้ไปได้ทั้งหมด"
ในตอนนั้น พระนครพาราณสีอึกทึกครึกโครมตลอดหมด ในวังก็ตระเตรียมกันทั้งฝ่ายหน้าฝ่ายใน นอกวังบรรดาชาวบ้านชาวเมืองต่างเตรียมการที่จะตามเสด็จไปพบพระเตมีย์กันทั่วหน้า
นายสารถีจัดราชรถเทียมม้าต้นถวาย เพื่อเป็นรถทรง เสร็จแล้วไปกราบทูลให้ทรงทราบ พระองค์มีพระดำรัสกับนายสารถีว่า "เลือกคัดม้าดีแล้วหรือ ม้าอ้วนความเร็วมันเสื่อม ม้าผอมเรี่ยวแรงมันน้อย อย่าเอาม้าอ้วนไป แต่ก็อย่าเอาม้าผอมไป ต้องเลือกให้ถูกต้องนะ"
การเตรียมการต่าง ๆ กินเวลาถึง ๓ วัน จึงเรียบร้อย พร้อมที่จะออกเดินทางได้ พระเจ้ากาสิกราชและพระมเหสี พร้อมด้วยข้าราชการฝ่ายหน้าฝ่ายใน และประชาชนพลเมือง ออกเดินทางไปพบพระเตมีย์โดยมีนายสุนันทสารถีนำขบวน
ย้อนไปกล่าวถึงพระเตมีย์ เมื่อส่งนายสารถีกลับไปแล้ว มีพระประสงค์จะทรงผนวช เสด็จเข้าไปในราวอรัญอันร่มรื่น ก็ทรงพบอาศรมอันปรากฏอยู่เรียบร้อย มีที่พักในกลางวันที่พักกลางคืน มีบ่อน้ำใสจืดสนิท ทั้งสมบูรณ์ด้วยผลาหาร มีที่จงกรมยาวประมาณ ๒๔ ศอก ภายในอาศรมมีบริขารของบรรพชิตครบครัน ที่ข้างฝามีอักษรเขียนไว้ว่า "ท่านผู้ใดประสงค์จะบวช ก็เชิญท่านผู้นั้นเอาบริขารเหล่านี้บวชเถิด" พระเตมีย์ได้พบอาศรมสถานอันรื่นรมย์สมพระทัย ก็ทรงทราบได้ว่า เกิดด้วยอานุภาพแห่งเทวดามาเนรมิตไว้ด้วย บุญของพระองค์ จึงเสด็จเข้าสู่บรรณศาลา เปลื้องผ้าทรงออก ทรงนุ่งผ้าคากรองผืนหนึ่ง ห่มผืนหนึ่ง ทรงสะพักหนังสือ มุ่นชฎา ทรงวางทาบไว้เหนือพระอังสประเทศ ทรงถือพระธารพระกร เสด็จบทจรจากพระบรรณศาลา ทางวางท่าเป็นนักบวชเดินจงกรม พระทัยยังชื่นชมโสมัส ตรัส
อุทานว่า "โอ สุข สุขอย่างยิ่ง เราได้บรรพชาแล้ว" แล้วเสด็จกลับเข้าสู่บรรณศาลา ประทับนั่งเหนือตั่งไม้ ทรงบำเพ็ญพรหมวิหารธรรม ประทับอยู่ ณ อาศรมสถานนั้น
พระเจ้ากาสิกราชเสด็จดำเนินพร้อมด้วยราชบริพารมากมาย ถึงอาศรมของพระเตมีย์แล้ว ได้พบพระราชโอรส ก็ทรงชื่นชม ตรัสทักทายปราศรัยกัน
พระเตมีย์ทูลถามว่า "เสด็จพ่อทรงพระสำราญดีหรือ พระอนามัยเป็นอย่างไร นางสนมกำนัลเป็นอย่างบ้าง เสด็จแม่ของหม่อมฉันคงสบายดี ?"
พระเจ้ากาสิกราชตรัสว่า "ลูกรัก พ่อสบายดี ไม่เจ็บไข้อะไร พวกสนมกำนัลก็สบายดี แม่ของลูกก็ไม่มีโรคอะไรเบียดเบียน
พระเตมีย์ทูลถามต่อไปว่า "เสด็จพ่อยังเสวยน้ำจันฑ์อยู่ หรือว่าสุราเป็นของไม่น่ารักของเสด็จพ่อแล้ว พระทัยของเสด็จพ่อยังยินดีในสัตย์ในธรรมและในทานอยู่ดอกหรือ ?"
พระเจ้ากาสิกราชตรัสตอบว่า "ลูกรัก พ่อไม่ดื่มน้ำเมาแล้วละ สุราเป็นสิ่งอัปรีย์ของพ่อ น้ำใจของพ่อยังยินดีในสัตย์ในธรรม และในทานอยู่นะ พ่อนะ"
พระเตมีย์ตรัสถามถึงความเป็นไปในบ้านเมือง พระเจ้ากาสิกราชตรัสตอบตามที่เป็นจริงแล้ว พระเตมีย์เชิญให้พระชนกประทับนั่ง แต่ท้าวเธอไม่นั่งด้วย ทรงเคารพในพระโอรสซึ่งทรงเพศเป็นดาบส
พระเตมีย์เสด็จเข้าสู่บรรณศาลา ยกอาหารผักออกมา เมื่อจะทรงเชิญพระชนกให้เสวย ตรัสว่า "ข้าแต่พระมหาราช นี้เป็นอาหารผักของอาตมาภาพ มีรสจืดไม่เค็มเลย เชิญเสวยเถิดมหาบพิตร มหาบพิตรเสด็จมาเป็นแขกของอาตมาภาพ"
พระราชาตรัสว่า "โยมไม่ชอบกินผักเลย ผักนี้ไม่ใช่โภชนะของโยม โยมต้องกินข้าวสาลีคลุกแกงเนื้อที่อร่อย ๆ "
ทั้งที่ทรงปฏิเสธ แต่ก็ทรงหยิบมาวางในพระหัตถ์หน่อยหนึ่ง ด้วยความเกรงใจ พลางตรัสถามว่า "ลูกรัก ลูกบริโภคโภชนะเช่นนี้หรือ ?"
พระเตมีย์ตรัสตอบว่า "ขอถวายพระพร"
ขณะที่พระเจ้ากาสิกราชประทับสนทนากับพระเตมีย์ด้วยความบันเทิงพระทัยอยู่นั้น พระนางจันทรเทวีก็เสด็จมาถึงพร้อมด้วยนางสนมกำนัล พระนางตรงเข้าคว้าพระบาททั้งสองของพระเตมีย์ ทรงบังคมแล้วทรงกรรแสง น้ำพระเนตรของพระนางนองพระพักตร์ ประทับนั่งอยู่ข้างหนึ่ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น