วันพุธที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2557

ชาติที่ ๔ พระเนมิราช (หน้า ๔)

พระเจ้าเนมิราช  เมื่อเสด็จสู่เทวโลก  ทอดพระเนตรเห็นวิมานของเทพธิดาวารุณี  มียอด  ๕  ยอด ประดับด้วยแก้วมณี  มีสวน  มีสระน้ำ  มีต้นกัลปพฤกษ์  ทอดพระเนตรเห็นเทพธิดาวารุณีนั่งอยู่  มีนางอัปสร  ๑,๐๐๐  แวดล้อมอยู่  จึงตรัสถามมาตลีเทพสารถีว่า  "เทพธิดาวารุณีได้ทำกรรมอะไรไว้  จึงมาเกิด  ณ  ที่นี้"  มาตลีเทพสารถีทูลว่า  "นางเทพธิดาวารุณีเมื่อเป็นมนุษย์  เป็นสาวใช้ของพราหมณ์ผู้หนึ่ง  นางได้ทำหน้าที่จัดอาสนะในบ้านของพราหมณ์ให้แก่ภิกษุ  แล้วถวายสลากภัต  นางบริจาคทาน  รักษาศีลอยู่ตลอดเวลา  จึงได้มีวิมานอยู่อย่างนี้

มาตลีเทพสารถี  ได้พาพระเจ้าเนมิราชทอดพระเนตรวิมานของเทพบุตร  แล้วทูงถึงกรรมซึ่งเทพบุตรเหล่านั้นได้ทำมาแต่หนหลัง  ให้ทรงทราบเป็นลำดับดังนี้

วิมานทองมีแสงสว่างดุจแสงพระอาทิตย์อ่อน ๆ  เทพบุตรในวิมานนั้นประดับอาภรณ์มีแสงวาววับ มีเทพธิดาผลัดเปลี่ยนกันมาเฝ้า  เทพบุตรนี้เมื่อเป็นมนุษย์  เป็นผู้มีอันจะกิน  สร้างกุฏีถวายสงฆ์  แล้วตั้งนิตยภัตบำรุงสงฆ์ผู้อาศัยที่กุฏีนั้นเป็นประจำ  ถวายผ้านุ่งผ้าห่ม  อาหาร  เสนาสนะ  ประทีป  รักษาอุโบสถศีลทุกปักษ์  จึงได้มีวิมานเช่นนี้

วิมานแก้ผลึกสูง  ๒๕  โยชน์  มีเสาทำด้วยแก้ว  ๗  ประการ  มีกระดิ่งห้อยอยู่รอบ ๆ  มีธงทองธงเงินปักไสว  มีสวนดอกไม้  มีสระน้ำ  มีนางอัปสรฟ้อนรำขับร้องอยู่ตลอดเวลา  เทพบุตรในวิมานนี้  เมื่อเป็นมนุาษย์  รักษาศีล  ให้ทาน  มีสัตย์  มีความไม่ประมาท  จึงมีวิมานนี้

วิมานแก้วมณีสูงตระหง่าน  มีเทพบุตรอยู่มาก  เสียงกึกก้องไปด้วยการฟ้อนรำขับร้องประโคมดนตรีอันไพเราะจับใจยิ่งนัก  เทพบุตรเหล่านั้นเมื่อเป็นมนุษย์  ได้ก่อสร้างอาราม  คลอง  สะพาน  ถวายจีวรบิณฑบาต  ยาป้องกันโรค  และเสนาสนะ  แก่ภิกษุสงฆ์ด้วยจิตเลื่อมใส  จึงได้เสวยวิมานเช่นนี้

วิมานแก้วผลึกอีกวิมานหนึ่ง  มียอดหลายยอด  มีสวนปกคลุมไปด้วยดอกไม้นานาชนิด  มีแม่น้ำใสสะอาดไหลรินอยู่รอบวิมาน  มีนางอัปสรห้อมล้อมอยู่เหลือหลาย  เทพบุตรนี้เมื่อเป็ดนมนุษย์  ได้สร้างอาราม  บ่อ  สระ  และสะพาน  ได้บริจาคทาน  รักษาศีลอยู่เสมอ  จึงได้มีวิมานเช่นนี้อยู่

วิมานแก้วไพฑูรย์มีแสงแก้วไพฑูรย์ระยิบระยับออกจากฝาวิมาน  มีเสียงตะโพน  เสียงฆ้องอย่างไพเราะจับใจ  เทพบุตรในวิมานนี้  เมื่อเป็นมนุษย์ก็ได้ปฏิบัติเช่นเดียวกับเทพบุตรในวิมานอื่น ๆ  ที่กล่าวมาแล้ว

มาตลีเทพสารถีเห็นว่าจะล่าช้าเกินไป  จึงทูลพระเจ้าเนมิราชว่า  "ข้าแต่พระมหาราชเจ้า  ที่อยู่ของสัตว์นรกผู้ทำกรรมชั่วและสถานที่อยู่ของผู้ทำกรรมดี  พระองค์ก็ได้ทอดพระเนตรแล้วทั้งสองแห่ง  ขอเชิญพระองค์เสด็จไปสำนักของอัมรินทรเทพเจ้าเถิด"  เมื่อทูลดังนี้  แล้วก็ขับเวชยันตเทพรถต่อไป  ได้ผ่านภูเขาใหญ่  ๗  ลูก  ผ่านสวรรค์ชั้นจาตุมหาราช  ผ่านเขาจิตรกูฏซึ่งมีรูปพระอินทร์ปรากฏอยู่  จากนั้นจึงผ่านเข้าประตูเทพนคร  แล้วเสด็จเข้าไปสู่สุธรรมเทพสภา

บรรดาเทพยดาที่นั่งคอยพระเจ้าเนมิราช  เมื่อได้ทราบว่า  เสด็จมาแล้วต่างก็ถือของหอม  เครื่องอบและดอกไม้ทิพย์  ไปคอยรับเสด็จอยู่ตรงทางที่จะเสด็จมาถึง  เมื่อพระเจ้าเนมิราชเสด็จมาถึง  หมู่เทพยดาอัญเชิญให้พระองค์เสด็จลงจากเวชยันตเทพรถเข้าสู่เทพสภา  พระอินทร์ทูลเชิญให้ประทับนั่งบนทิพยอาสน์  ทวยเทยได้กราบทูลด้วยความยินดีว่า  "ข้าแต่มหาราชเจ้า  พระองค์เสด็จมาดีแล้ว  เสด็จมาแต่ไกลก็เหมือนใกล้  ขอพระองค์เสด็จประทับเสวยทิพยสมบัติ  และยับยั้งอยู่  ณ  ทิพยอาสน์อันเป็นที่อยู่ของหมู่เทพยดาดาวดึงส์นี้เถิด"

พระเจ้าเนมิราชได้สดับดังนั้น  จึงตรัสว่า  "สิ่งที่ได้มาเพราะผู้อื่นย่อมไม่เป็นสิทธิแก่ตน  หม่อมฉันไม่ปรารถนาสิ่งที่ผู้อื่นให้  หม่อมฉันจักทำและจะได้ไปเฉพาะสิ่งที่เป็นสิทธิแก่หม่อมฉัน  เมื่อหม่อมฉันกลับไปมนุษย์โลก  หม่อมฉันจะบริจาคทาน  รักษาศีล  สำรวมอินทรีย์  เพื่อให้ได้รับผลคือความสุขอันเป็นสิทธิของหม่อมฉันอย่างแท้จริง"

พระเนมิราชประทับอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ได้  ๗  วันนับเวลาในเมืองมนุษย์  จึงอำลากลับจากเทวโลก เมื่อเสด็จมาถึงมิถิลานคร  ได้ประชุมราษฏร  แล้วตรัสเล่าเรื่องที่พระองค์ได้ผ่านพบเห็นมา  แล้วตรัสสรุปความว่า  "หากผู้ใดต้องการได้ไปอยู่วิมาน  ก็ขอให้ประพฤติตนชอบ  บริจาคทาน  รักษาศีลด้วยดี"

พระเนมิราชครองราชสมบัติโดยชอบธรรมตลอดมา  จนวันหนึ่งภูษามาลากราบทูลว่า  "ขอเดชะ  พระเกศาของพระองค์หงอก  พระเจ้าข้า"  รับสั่งให้ถอนพระเกศาหงอกนั้นด้วยแหนบทองคำ  วางบนพระหัตถ์ ทอดพระเนตรเห็นพระเกศาหงอกเส้นนั้น ก็สลดพระทัย  ทรงคิดออกบวชทันที  ทรงเรียกราชโอรสมาตรัสว่า  "ลูกรัก  พ่อขอมอบราชสมบัติให้แก่เจ้า  พ่อต้องการจะออกบวช"

พระราชโอรสทูลถามว่า  "ข้าแต่พระราชบิดา  ไฉนพระองค์จะทรงผนวชเสียเล่า  พระเจ้าข้า"

พระราชบิดาตรัสว่า  "เทวทูตปราฏแก่พ่อแล้ว  คือ  ผมบนศีรษะของพ่อหงอก  ความหนุ่มของพ่อสิ้นไปแล้ว  จึงถึงคราวที่พ่อจะบวช"

เมื่อพระเนมิราชมอบราชสมบัติให้พระราชโอรสเสร็จแล้ว  ทรงออกผนวช  เจริญพรหมวิหาร  สำเร็จอภิญญาสมาบัติ  เมื่อสวรรคตก็ไปบังเกิดบนเทวโลก"

เรื่องนี้เก็บความจากเนมิราชชาดก  คติธรรมที่ได้จากเรื่องนี้  คือ
ให้พิจารณาเห็นโทษของความชั่ว
ผลของกรรมดีและความไม่ประมาทในสังขาร
ดังเช่นพระเจ้าเนมิราชทอดพระเนตรเห็นผมหงอกบนพระเศียร
ก็ทรงสลดพระทัย  ออกทรงผนวช



จบเรื่องพระเนมิราช














ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น