วันอาทิตย์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2557

ชาติที่ ๑. พระเตมีย์ (ใบ้) (หน้า ๓)

พระเจ้ากาสิกราชทรงสดับดังนั้น  จึงตรัสถามว่า  "ถ้าเช่นนั้น  ควรจะทำอย่างไรกันจึงจะดี ?"

พวกพราหมณ์กราบทูลว่า  "ข้าแต่พระองค์  ถ้าพระราชกุมารนี้ยังอยู่ในพระราชมณเฑียร  จะเกิดอันตราย
๓  ประการ  คือ  อันตรายต่อชีวิตของพระองค์ ๑   อันตรายต่อเศวตรฉัตร ๑    อันตรายต่อพระมเหสี ๑
เพราะฉะนั้น  ขอพระองค์อย่าได้รีรอ  โปรดสั่งให้เตรียมรถอวมงคลเทียมม้าอวมงคล  แล้วให้พระราชโอรสบรรทมบนรถนั้น  ให้สารถีขับรถออกทางประตูด้านตะวันตก  นำไปฝังเสียที่ป่าช้าผีดิบ  ถ้าทำดังนี้  จะเป็นสวัสดิมงคลแด่พระองค์  แด่เศวตรฉัตร และแด่พระมเหสี

พระเจ้ากาสิกราชได้สดับคำของพราหมณ์เหล่านั้น  ทรงสะดุ้งพระทัยเกรงว่า  จะเกิดอันตรายดังที่พวกพราหมณ์ทูล  จึงรับสั่งให้จัดการตามที่พราหมณ์แนะนำ

พระนางจันทรเทวีเมื่อได้ทรงทราบถึงพระกระแสรับสั่งเช่นนั้น  พระนางก็รีบเสด็จไปเฝ้าพระสวามี  ถวายบังคม  แล้วกราบทูลว่า  "ข้าแต่พระทูลกระหม่อม  พระองค์ได้พระราชทานพรแก่หม่อมฉันไว้  หม่อมฉันได้รับและถวายคืนทูลกระหม่อมไว้ก่อน  แต่ยังมิได้ทูลขอ  บัดนี้ขอทูลกระหม่อมได้โปรดพระราชทานพรแก่หม่อมฉันเถิด"

พระเจ้ากาสิกราชมีพระราชดำรัสว่า  "พระนางจะปรารถนาอะไร  ขอให้เลือกขอได้ตามชอบใจเถิด"

พระนางกราบทูลว่า  "ขอได้โปรดประทานราชสมบัติให้ราชโอรสของหม่อมฉันเถิด"

พระเจ้ากาสิกราชตรัสว่า  "อนุญาตไม่ได้ดอกพระนาง  เพราะราชโอรสของเราเป็นกาลกิณี"

พระนางกราบทูลวิงวอนว่า  "เมื่อไม่พระราชทานให้ราชโอรสได้ครองราชสมบัติตลอดชีพ  ก็ขอได้โปรดพระราชทานเพียง  ๗  วันเถิด  พระเจ้าข้า"

พระเจ้ากาสิกราชทรงยินยอม  พระนางตรัสสั่งให้ตกแต่งพระเตมียราชกุมารด้วยเครื่องทรงของกษัตริย์ จัดพิธีราชาภิเษก  และพระนางให้ป่าวร้องไปทั่วพระนครว่า  "บัดนี้  ราชสมบัติแห่งกรุงมิถิลาเป็นของพระเตมียราชกุมารแล้ว"  และให้พระเตมียราชกุมารขึ้นประทับบนคอช้างข้างต้น  ยกพระเศวตรฉัตรขึ้นเบื้องพระเศียร  เสด็จเลียบพระนครตามขัตติยราชประเพณี

เมื่อเลียบพระนครแล้ว  พระนางจันทรเทวีทรงให้อุ้มพระเตมียราชกุมารเข้าสู่ที่บรรทม  ทรงอ้อนวอนราชโอรสตลอดคืนว่า  "พ่อเตมียราชกุมารลูกรักของแม่  ตลอดเวลา  ๑๖  ปี  แม่ไม่เป็นอันหลับอันนอน  แม่ร้องไห้จนตาทั้งสองของแม่ฟกช้ำ  หัวใจของแม่จะแตกออกด้วยความโศก  ลูกรักของแม่เอ๋ย  แม่รู้อยู่เต็มอกว่า ลูกของแม่ไม่ใช่คนง่อย  ไม่ใช่คนใบ้  ไม่ใช่คนหูหนวก  ลูกอย่าทำให้แม่ไร้ที่พึ่งเลย"  พระนางพร่ำรำพันวิงวอนอยู่ตลอด  ๕  วัน  เตมียราชกุมารทรงสำนึกในพระคุณของพระมารดา  ทรงเห็นพระทัยพระมารดาที่มีความรักลูกสงสารลูก  แต่เพราะกลัวตกนรก  ต้องการจะพ้นไปจากเรือนฆ่าโจร  จึงต้องอดทนตลอดมาไม่ทรงเจรจา  ไม่ทรงเคลื่อนไหวพระหัตถ์พระบาท

ครั้นถึงวันที่ ๖  ครบกำหนด  พระเจ้ากาสิกราชรับสั่งให้นายสุนันทสารถีมาเฝ้า  มีพระดำรัสว่า  "สุนันท์  พรุ่งนี้เช้า  เจ้าจงเทียมม้าอวมงคลคู่หนึ่ง  ที่รถอวมงคล  ให้เตมีย์ลูกเรานอนบนรถนั้น  แล้วนำออกไปทางประตูด้านทิศตะวันตก  แล้วประกาศขึ้นดัง ๆ  ว่า  'ตัวกาลกิณี'  เมื่อถึงป่าช้าผีดิบ  จงขุดหลุมอุ้ม
เตมียกุมารโยนลงไปในหลุมนั้น  เอาสันจอบทุบหัวให้ตายแล้วเอาดินกลบ  เมื่อเสร็จแล้วเจ้าจงไปอาบน้ำแล้วกลับบ้าน"

สุนันทสารถีรับพระบรมราชโองการแล้วกลับจากที่เฝ้า เตรียมการตามพระกระแสรับสั่ง

ฝ่ายพระนางจันทรเทวีได้สดับพระราชดำรัสของพระสวามี  ทรงเศร้าโศกปานประหนึ่งพระทัยจะแตกทำลายลงไป  เสด็จไปหาราชโอรส  ตรัสรำพันวิงวอนอยู่ตลอดคืนว่า  "ลูกรักของแม่  พระชนกของลูกมีพระกระแสรับสั่งให้ฝังลูกที่ป่าช้าผีดิบในวันพรุ่งนี้เช้า  ลูกของแม่เอ๋ย  พรุ่งนี้เช้าลูกก็จะต้องตายแล้ว"

พระเตมียราชกุมารได้สดับดังนั้น  มีพระทัยโสมนัสแช่มชื่น  ดำริว่า  "ความพยายามที่เราทำมาตลอด ๑๖ ปี  จะสำเร็จสมความปรารถนาในวันพรุ่งนี้เช้า"  ทรงดำริอยู่เช่นนี้  พระทัยก็เปี่ยมไปด้วยปีติโสมนัส  แต่พระทัยของพระชนนีแทบจะแตกทำลายไปด้วยความทุกข์  พระเตมียราชกุมารทรงเห็นพระทัยของพระชนนี  ทรงสงสารเป็นที่สุด  ทรงดำริว่า  "ถ้าเราพูด  ความปรารถนาของเราก็จะไม่สำเร็จ"  แล้วก็ทรงดุษณีภาพไม่ตรัสกับพระชนนี












ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น