ข้อ ๓ ที่ว่าสามารถยกธนูมีน้ำหนัก ๑,๐๐๐ แรงคน พระราชามหาชนกรับสั่งให้นำธนูมา แล้วทรงยกขึ้นได้อย่างง่ายดาย
ข้อ ๔ ที่ว่าสามารถนำขุมทรัพย์ ๑๓ แห่งออกมาได้นั้น พระราชามหาชนกตรัสว่า "ขุมทรัพย์ ๑๓ แห่งนั้นที่ไหนบ้าง ?" อำมาตย์ก็กราบทูลให้ทรงทราบตามที่กล่าวไว้แล้วในตอนต้น มีขุมทรัพย์ที่ดวงอาทิตย์ขึ้นเป็นต้น
พระราชามหาชนก ทรงพิจารณาปัญหาอยู่สักครู่หนึ่ง แล้วตรัสถามว่า "ที่ภายในพระราชวังนี้ เคยมีพระปัจเจกพุทธเจ้ามารับบิณฑบาตบ้างหรือเปล่า ?"
อำมาตย์กราบทูลว่า "มี พระเจ้าข้า"
พระราชามหาชนกตรัสถามว่า "พระราชาของพวกท่านเสด็จไปต้อนรับพระปัจเจกพุทธเจ้าเป็นประจำตรงไหน ?" เมื่ออำมาตย์กราบทูลให้ทรงทราบ ก็สั่งให้ขุดตรงนั้น ได้พบขุมทรัพย์ แล้วตรัสถามต่อไปว่า "เมื่อพระปัจเจกพุทธเจ้ากลับ พระราชาของพวกท่านเสด็จไปส่ง แล้วประทับยืนตรงไหน ?" อำมาตย์ก็กราบทูลให้ทรงทราบ รับสั่งให้ขุด ก็พบขุมทรัพย์อีก เป็นอันว่า ได้พบขุมทรัพย์ที่ดวงอาทิตย์ขึ้น คือ ตรงที่พระราชาเสด็จไปต้อนรับพระปัจเจกพุทธเจ้า พบขุมทรัพย์ตรงที่พระอาทิตย์ตก คือ ตรงที่เสด็จไปส่งพระปัจเจกพุทธเจ้า
มหาชนต่างโห่ร้องเซ็งแซ่ถวายสาธุการ สรรเสริญพระปัญญาของพระมหาชนกราชา
จากนั้น พระราชามหาชนก็รับสั่งให้ขุดขุมทรัพย์ภายใน คือ ภายในธรณีพระทวารใหญ่ ก็พบขุมทรัพย์ รับสั่งให้ขุดขุมทรัพย์ภายนอก คือ ภายนอกธรณีพระทวารใหญ่ ก็พบขุมทรัพย์ รับสั่งให้ขุดขุมทรัพย์ไม่ใช่ภายใน ไม่ใช่ภายนอก คือข้างล่างธรณีพระทวารใหญ่ ก็พบขุมทรัพย์
จากนั้น พระราชามหาชนกก็รับสั่งให้ขุดขุมทรัพย์ตามลำดับ คือ
ขุมทรัพย์ภายใน คือ ขุดตรงภายในธรณีพระทวารใหญ่
ขุมทรัพย์ภายนอก คือ ขุดตรงภายนอกธรณีพระทวารใหญ่
ขุมทรัพย์ขาขึ้น คือ ขุดตรงเกยที่ประทับเสด็จขึ้นมงคลหัตถี
ขุมทรัพย์ขาลง คือ ขุดตรงที่เสด็จลงจากคอช้าง
ขุมทรัพย์ที่ไม้รังทั้งสี่ คือ ขุดภายใต้เท้าพระแท่นบรรทม ซึ่งทำด้วยไม้รังซึ่งตั้งจากพื้นดินขึ้นมา
ขุมทรัพย์ที่หนึ่งโยชน์โดยรอบ คือ ขุดตรงพระที่สิริไสยาสน์ โดยรอบประมาณชั่วแอก เพราะการนับโยชน์สมัยนั้น นับเท่าชั่วแอกเป็นโยชน์
ขุมทรัพย์ที่ปลายงาทั้งสอง คือ ขุดตรงที่งาทั้งสองของมงคลหัตถียื่นออกไป
ขุมทรัพย์ที่ปลายหาง คือ ขุดตรงปลายหางของมงคลหัตถีเหยียดไป
ขุมทรัพย์ที่น้ำ คือ ขุดตรงที่สระโบกขรณี
ขุมทรัพย์ที่ปลายไม้ คือ ขุดตรงโคนไม้รังใหญ่ในพระราชอุทยาน เงาไม้เวลาเที่ยงวัน ปลายไม้เป็นเงาปกอยู่ที่โคน
เมื่อรับสั่งให้ขุดตรงไหน ก็พบขุมทรัพย์ทุกแห่ง มหาชนต่างแสดงความร่่าเริงยินดี สรรเสริญความมหัศจรรย์ในทางปัญญาของพระเจ้ามหาชนกอยู่เซ็งแซ่
พระมหาชนกราชได้ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ครองมิถิลานคร ให้ความร่มเย็นแก่พสกนิกรตลอดเวลา
โปรดให้สร้างศาลาทาน ๖ แห่ง คือ ท่ามกลางพระนคร ๑ แห่ง ที่ประตู ๔ แห่ง ที่ประตูพระราชวัง
๑ แห่ง ทรงบริจาคมหาทานเป็นประจำ โปรดให้เชิญพระราชมารดา และพราหมณ์ปุโรหิตมาจากจำปากนคร ทรงอุปถัมภ์บำรุงท่านทั้งสองให้ได้รับความสุขกายสบายใจตลอดมา
ชาวเมืองมิถิลา เมื่อได้ทราบว่า พระราชามหาชนกที่ขึ้นครองราชสมบัติองค์ใหม่นี้ เป็นพระโอรสของพระเจ้าอริฏฐะต่างก็ดีใจ นำเครื่องบรรณาการมาถวาย จัดการสมโภช มีมหรสพภายในพระนคร ได้ช่วยกันตกแต่งพระราชนิเวศน์ ห้อยพวงบุปผามาลัย จัดน้ำและอาหารใส่ภาชนะเงินภาชนะทองคำ นำขึ้นน้อมเกล้าถวายเป็นราชบรรณาการ ผู้เข้าเฝ้าได้ประจำอยู่ตามประรำที่จัดไว้ บรรดาอำมาตย์ราชเสวกเฝ้าอยู่ประรำหนึ่ง นางสนมกำนัลในเฝ้าอยู่ประรำหนึ่ง ประชาชนเฝ้าอยู่รอบ ๆ พราาหมณ์สาธยายมนต์อำนวยความสวัสดี ผู้มาเฝ้ากล่าวคำถวายชัยมงคลกึกก้องโกลาหล บรรดาคณะดนตรีก็ขับร้องประสานเสียงกันอย่างเอิกเกริก เป็นที่น่ารื่นรมย์โสมนัสยิ่งนัก
พระราชามหาชนกประทับบนพระราชอาสน์ภายใต้พระมหาเศวตฉัตร ทอดพระเนตรเห็นความเอิกเกริกโกลาหล ที่ประชาชนได้มาแสดงความจงรักภักดีต่อพระองค์เช่นนั้น ก็ทรงหวนระลึกคราวที่พระองค์พยายามว่ายข้ามมหาสมุทร ไม่ยอมท้อถอย จนนางมณีเมขลาเห็นความอุตสาหะอันแรงกล้า ได้พาข้ามไปจนสำเร็จ เพราะความพยายามที่ทำมานั้น จึงเป็นเหตุให้ได้รับผล คือ ครองราชสมบัตินี้ เมื่อทรงหวนระลึกดังนั้น ก็ทรงปีติโสมนัสซาบซ่าน ทรงเปล่งอุทานด้วยความปีติว่า
"ลูกผู้ชายควรหวังเข้าไว้ ไม่ควรเบื่อหน่ายใน
การงาน เราสำเร็จความปรารถนา ๒ ประการ คือ เป็น
พระราชาสมความปรารถนา ๑ ได้ขึ้นบกสมความปรารถนา ๑
เพราะเราไม่หมดความหวัง
คนมีปัญญา แม้ได้รับทุกข์ ก็ไม่ควรสิ้นความหวัง
เพื่อทำตนให้ได้รับสุข เป็นความจริง คนส่วนมาก
เมื่อได้รับทุกข์ก็ทำแต่สิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ เมื่อได้
รับสุขจึงทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ คนเหล่านี้ขาดความสำเนียกในข้อที่ว่า
"คนที่มีปัญญาแม้ได้รับทุกข์ ก็ไม่ควรสิ้นความหวัง เพื่อทำตนให้ได้รับสุข" จึงต้องตาย
บางอย่่าง เราไม่เคยคิดเลย แต่ก็ปรากฏขึ้นได้
บางอย่างแม้เราเคยคิดไว้ แต่ก็ไม่เป็นไปตามความคิด
เราไม่เคยคิดเลยว่า เราจะไ้ด้ราชสมบัติโดยไม่ต้องรบ แต่ก็ปรากฏแก่เราแล้ว
เราเคยคิดว่า โภคสมบัติไม่สำเร็จขึ้นได้เพียง
ความคิดชนิดสร้างวิมานบนอากาศ สำเร็จได้ สำเร็จได้เพราะ
ความเพียร จึงควรทำความเพียร อย่าสักแต่คิด"
พระราชามหาชนกทรงตั้งอยู่ในทิศพิธราชธรรม ปกครองราษฎรให้ได้รับความร่มเย็นเป็นสุขตลอดมา ทรงอุปถัมภ์พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายด้วยศรัทธาอันแรงกล้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น