วันพฤหัสบดีที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2557

ชาติที่ ๑. พระเตมีย์ (ใบ้) (หน้า ๘)


ฟังพระธรรมกถาของพระเตมีย์แล้ว  พระราชา  พระนางจันทรเทวีมีพระประสงค์จะทรงผนวช  นางนมและพวกอำมาตย์ก็ต้องการจะบวช  พระราชามีพระดำรัสสั่งให้นำกลองไปตีประกาศทั่วพระนครว่า  "ผู้ใดต้องการจะบวชในสำนักลูกของเรา  ก็เชิญบวชเถิด"  และมีพระราชดำรัสสั่งให้เปิดท้องพระคลังทั้งหมดและทรงสั่งให้จารึกอักษรติดไว้ที่เสาท้องพระโรงว่า  "ใครต้องการเงินทองก็ขนเอาไปเถิด"

บรรดาพ่อค้าประชาชนชาวพระนคร  ต่างพากันเปิดบ้านเปิดร้านทิ้งไว้  พากันไปเฝ้าพระราชา  และบวชเป็นฤษี  ทั้งบุรุษและสตรี  อยู่ในอาศรมของพระเตมีย์ซึ่งต้องขยายออกไปอย่างกว้างขวาง  พระนครพาราณสีเป็นเมืองเปิดมีแต่พวกนักเลงสุราบานดื่มกันอย่างสำราญอยู่พวเดียว

ในตอนนั้นมีพระราชาใกล้เคียงทรงทราบข่าวว่า  พระเจ้ากาสิกราชทรงผนวชแล้ว  ก็ยกทัพมาสู่พระนครพาราณสีหมายจะยึดเอาราชสมบัติ  ครั้นมาถึงแล้ว  ก็เข้าเมืองได้โดยปราศจากการต่อต้านแม้แต่น้อย พระราชาเสด็จขึ้นสู่ปราสาทราชนิเวศน์  ทอดพระเนตรดูนานารัตนะ  ซึ่งถูกทอดทิ้งปราศจากผู้เหลียวแลหรือหวงแหน  ก็หลากพระทัย ทรงพระดำริว่า  "น่าจะมีภัยเพราะทรัพย์นี้"  แล้วให้เรียกพวกนักเลงสุราบานมาเฝ้า  มีพระดำรัสถามว่า  "ภัยบังเกิดขึ้นแก่นายของพวกเจ้าหรือ?"

พวกนักสุราบานตอบว่า  "ไม่มีภัยอะไร  พระเจ้าข้า"

ตรัสซักว่า  "แล้วเหตุไรเล่าถึงได้ทอดทิ้งราชสมบัติเช่นนี้"

พวกนั้นกราบทูลว่า  "ขอเดชะ  พระราชบุตรของชาวเรา  คือ  พระเตมีย์ไม่ทรงปรารถนาจะครองราชสมบัติ  แสร้งทำเป็นคนพิกลพิการเสีย  จนออกไปไกลจากพระนครนี้  ทรงผนวชเป็นฤษีอยู่ในป่า  เหตุนั้น พระราชาของชาวเราก็เลยเสด็จไปทรงผนวชในสำนักพระราชโอรสพร้อมกับมหาชน  พระเจ้าข้า"

พระราชาสามนต์ตรัสถามว่า  "พ่อคุณ  พระราชาของพวกเธอเสด็จออกไปทางไหนเล่า ?"

พวกนั้นพากันกราบทูลทางที่พระเจ้ากาสิกราชทรงยกขบวนไป  พระราชาสามนต์ก็ยกกองทัพติดตามไป ในที่สุดก็ทรงผนวชพร้อมทั้งบริวาร  พระราชาอื่น ๆ  อีก ๒  พระองค์ก็เช่นเดียวกัน  ทรงสละราชสมบัติผนวชในสำนักของพระเตมีย์พร้อมด้วยบริวาร  อาศรมสถานเลยกลายเป็นมหาสมาคม  ช้างศึกช้างทรงก็กลายเป็นช้างป่าไป  ม้าก็เช่นเดียวกัน  กลายเป็นม้าป่าไป  รถศึกรถทรงก็ผุพังไปเท่านั้นเอง  ทรัพย์สารต่าง ๆ  ก็จมดินจมทรายไปหมด  บรรดาพระดาบสและดาบสินีทั้งมวล  ล้วนได้อภิญญาสมาบัติ  มีพรหมโลกเป็นจุดหมายเบื้องหน้าทั่วกัน  แม้บรรดาสัตว์พาหนะที่เลื่อมใส  ก็พากันไปบังเกิดในสวรรค์ในเมื่อสิ้นชีพแล้ว  เป็นจำนวนมาก

เรื่องนี้เก็บบทความจากเตมีย์ชาดก  อันเป็นชาดกเรื่องแรก  คติธรรมที่ได้จากเรื่องนี้  คือ  ความอดทนของพระเตมีย์  ทรงอดทนทุกอย่างเพื่อผลที่มุ่งหวัง  ทรงบำเพ็ญพระองค์ให้เป็นแบบฉบับ  สำหรับผู้ที่มุ่งผลอันพิเศษไพศาลทำนองนั้น  ต้องใช้ความเข้มแข็งหนักแน่นมุ่งมั่นอยู่ในผลที่ตนปรารถนา  ไม่ยอมเสียความตั้งใจเพราะเหตุใด ๆ  ทั้งสิ้น  ความรัก  ความถูกทรมาน  ไม่มีอำนาจที่จะทำลายความมั่นคงของพระเตมีย์ได้เลย  จนที่สุดผลที่มุ่งหมายก็เข้ามาหาเอง  จนถึงกับทรงพระปีติล้นพ้น  ทรงเปล่งอุทานออกมา  เป็นภาษิตตรึงตราอยู่ในโลกว่า  "ความหวังในวิบูลยผลย่อมสำเร็จด้วยดีแก่คนที่ไม่ใจเร็วด่วนได้"  ความหมายก็คือ  การรู้จักคอยจะบันดาลผลแห่งความปรารถนาให้เสมอไป  ไม่ต้องใจร้อนใจเร็วเลย


จบบริบูรณ์  เรื่อง  พระเตมีย์ (ใบ้)

คัดลอกจากหนังสือทศชาติชาดก
(พระเจ้าสิบชาติ)
โดย  แปลก  สนธิรักษ์


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น