ฟังพระธรรมกถาของพระเตมีย์แล้ว พระราชา พระนางจันทรเทวีมีพระประสงค์จะทรงผนวช นางนมและพวกอำมาตย์ก็ต้องการจะบวช พระราชามีพระดำรัสสั่งให้นำกลองไปตีประกาศทั่วพระนครว่า "ผู้ใดต้องการจะบวชในสำนักลูกของเรา ก็เชิญบวชเถิด" และมีพระราชดำรัสสั่งให้เปิดท้องพระคลังทั้งหมดและทรงสั่งให้จารึกอักษรติดไว้ที่เสาท้องพระโรงว่า "ใครต้องการเงินทองก็ขนเอาไปเถิด"
บรรดาพ่อค้าประชาชนชาวพระนคร ต่างพากันเปิดบ้านเปิดร้านทิ้งไว้ พากันไปเฝ้าพระราชา และบวชเป็นฤษี ทั้งบุรุษและสตรี อยู่ในอาศรมของพระเตมีย์ซึ่งต้องขยายออกไปอย่างกว้างขวาง พระนครพาราณสีเป็นเมืองเปิดมีแต่พวกนักเลงสุราบานดื่มกันอย่างสำราญอยู่พวเดียว
ในตอนนั้นมีพระราชาใกล้เคียงทรงทราบข่าวว่า พระเจ้ากาสิกราชทรงผนวชแล้ว ก็ยกทัพมาสู่พระนครพาราณสีหมายจะยึดเอาราชสมบัติ ครั้นมาถึงแล้ว ก็เข้าเมืองได้โดยปราศจากการต่อต้านแม้แต่น้อย พระราชาเสด็จขึ้นสู่ปราสาทราชนิเวศน์ ทอดพระเนตรดูนานารัตนะ ซึ่งถูกทอดทิ้งปราศจากผู้เหลียวแลหรือหวงแหน ก็หลากพระทัย ทรงพระดำริว่า "น่าจะมีภัยเพราะทรัพย์นี้" แล้วให้เรียกพวกนักเลงสุราบานมาเฝ้า มีพระดำรัสถามว่า "ภัยบังเกิดขึ้นแก่นายของพวกเจ้าหรือ?"
พวกนักสุราบานตอบว่า "ไม่มีภัยอะไร พระเจ้าข้า"
ตรัสซักว่า "แล้วเหตุไรเล่าถึงได้ทอดทิ้งราชสมบัติเช่นนี้"
พวกนั้นกราบทูลว่า "ขอเดชะ พระราชบุตรของชาวเรา คือ พระเตมีย์ไม่ทรงปรารถนาจะครองราชสมบัติ แสร้งทำเป็นคนพิกลพิการเสีย จนออกไปไกลจากพระนครนี้ ทรงผนวชเป็นฤษีอยู่ในป่า เหตุนั้น พระราชาของชาวเราก็เลยเสด็จไปทรงผนวชในสำนักพระราชโอรสพร้อมกับมหาชน พระเจ้าข้า"
พระราชาสามนต์ตรัสถามว่า "พ่อคุณ พระราชาของพวกเธอเสด็จออกไปทางไหนเล่า ?"
พวกนั้นพากันกราบทูลทางที่พระเจ้ากาสิกราชทรงยกขบวนไป พระราชาสามนต์ก็ยกกองทัพติดตามไป ในที่สุดก็ทรงผนวชพร้อมทั้งบริวาร พระราชาอื่น ๆ อีก ๒ พระองค์ก็เช่นเดียวกัน ทรงสละราชสมบัติผนวชในสำนักของพระเตมีย์พร้อมด้วยบริวาร อาศรมสถานเลยกลายเป็นมหาสมาคม ช้างศึกช้างทรงก็กลายเป็นช้างป่าไป ม้าก็เช่นเดียวกัน กลายเป็นม้าป่าไป รถศึกรถทรงก็ผุพังไปเท่านั้นเอง ทรัพย์สารต่าง ๆ ก็จมดินจมทรายไปหมด บรรดาพระดาบสและดาบสินีทั้งมวล ล้วนได้อภิญญาสมาบัติ มีพรหมโลกเป็นจุดหมายเบื้องหน้าทั่วกัน แม้บรรดาสัตว์พาหนะที่เลื่อมใส ก็พากันไปบังเกิดในสวรรค์ในเมื่อสิ้นชีพแล้ว เป็นจำนวนมาก
เรื่องนี้เก็บบทความจากเตมีย์ชาดก อันเป็นชาดกเรื่องแรก คติธรรมที่ได้จากเรื่องนี้ คือ ความอดทนของพระเตมีย์ ทรงอดทนทุกอย่างเพื่อผลที่มุ่งหวัง ทรงบำเพ็ญพระองค์ให้เป็นแบบฉบับ สำหรับผู้ที่มุ่งผลอันพิเศษไพศาลทำนองนั้น ต้องใช้ความเข้มแข็งหนักแน่นมุ่งมั่นอยู่ในผลที่ตนปรารถนา ไม่ยอมเสียความตั้งใจเพราะเหตุใด ๆ ทั้งสิ้น ความรัก ความถูกทรมาน ไม่มีอำนาจที่จะทำลายความมั่นคงของพระเตมีย์ได้เลย จนที่สุดผลที่มุ่งหมายก็เข้ามาหาเอง จนถึงกับทรงพระปีติล้นพ้น ทรงเปล่งอุทานออกมา เป็นภาษิตตรึงตราอยู่ในโลกว่า "ความหวังในวิบูลยผลย่อมสำเร็จด้วยดีแก่คนที่ไม่ใจเร็วด่วนได้" ความหมายก็คือ การรู้จักคอยจะบันดาลผลแห่งความปรารถนาให้เสมอไป ไม่ต้องใจร้อนใจเร็วเลย
จบบริบูรณ์ เรื่อง พระเตมีย์ (ใบ้)
คัดลอกจากหนังสือทศชาติชาดก
(พระเจ้าสิบชาติ)
โดย แปลก สนธิรักษ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น