วินิจฉัย เรื่อง เครื่องประดับเป็นปล้อง ๆ
หญิงเข็ญใจคนหนึ่ง ถอดเครื่องประดับเป็นปล้อง ๆ (คล้ายสายสร้อยคอ) ออกจากคอวางไว้บนผ้า
แล้วลงไปอาบน้ำที่สระโบกขรณี ซึ่งมโหสธบัณฑิตสร้างไว้ มีหญิงสาวคนหนึ่งแลเห็นเครื่องประดับนั้น ก็นึกอยากได้ จึงหยิบขึ้นมาชมว่างามเหลือเกิน แล้วพูดกับเจ้าของว่า "ขอลองสวมคอดูหน่อยนะ" หญิงเจ้าของเป็นคนซื่อก็ยอมให้สวม หญิงสาวเมื่อสวมแล้วก็เดินหนีไป หญิงเจ้าของจึงรีบขึ้นจากสระ ผลัดผ้าแล้ววิ่งตามไป ยึดชายผ้าหญิงสาวไว้พูดว่า "เอ็งจะเอาเครื่องประดับของข้าไปไหน" หญิงสาวพูดขึงขังว่า "ข้าไม่ได้เอาของแกไป เครื่องประดับคอของข้าต่างหาก" ขณะที่หญิงทั้งสองเถียงกันอยู่นั้น มหาชนก็พากันมุงดู
มโหสธบัณฑิตกำลังเล่นอยู่กับพวกเด็ก ๆ ได้ยินเสียงหญิงทั้งสองทะเลาะกัน จึงให้เรียกมา พอเห็นหน้าก็ทราบว่า ใครเป็นใคร แต่เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงประจักษ์ จึงถามหญิงทั้งสองว่า "ท่านทั้งสองจะเชื่อฟังคำวินิจฉัยของเราหรือไม่ ?" หญิงทั้งสองรับคำ มโหสธจึงถามหญิงสาวก่อนว่า "เจ้าเอาของหอมชนิดใดย้อมเครื่องประดับนี้ ?" หญิงสาวตอบว่า "ข้าพเจ้าย้อมด้วยของหอมทุกชนิด" มโหสธหันไปถามหญิงเจ้าของ หญิงเจ้าของ ตอบว่า "ข้าพเจ้าย้อมด้วยดอกประยงค์อย่างเดียว" มโหสธจึงให้นำภาชนะใส่น้ำมา แล้วเอาเครื่องประดับลงแช่ ให้คนที่รู้จักกลิ่นดีมาพิสูจน์ดมเครื่องประดับนั้น เมื่อคนรู้จักกลิ่นดมดู ก็รู้ว่า เป็นกลิ่นดอกประยงค์ มโหสธจึงถามหญิงสาวว่า "เจ้าเป็นขโมยใช่ไหม ?" หญิงสาวรับสารภาพว่า ตนเป็นขโมย.
วินิจฉัย เรื่อง ด้ายกลุ่ม
หญิงเจ้าของไร่ฝ้ายคนหนึ่ง เก็บฝ้ายจากไร่มาปั่นเป็นเส้นเล็ก ๆ แล้วเอาด้ายที่ปั่นนั้นพันกับเม็ดมะพลับ ทำให้เป็นกลุ่ม แล้วเดินทางจะกลับ พอมาถึงสระโบกขรณี ก็คิดว่าควรอาบน้ำเสียก่อน จึงเอาผ้าวางไว้ที่ขอบสระ เอาด้ายกลุ่มวางบนผ้าอีกที แล้วก็ลงอาบน้ำ ขณะนั้นมีหญิงคนหนึ่งเห็นด้ายกลุ่มก็นึกอยากได้ จึงพูดว่า "แหมด้ายนี้ดีจริง" แล้วก็หยิบใส่พกเดินไป หญิงเจ้าของเห็นดังนั้น ก็รีบขึ้นจากสระ ผลัดผ้าเสร็จแล้ววิ่งไปทันหญิงขโมย ดึงผ้าไว้ถามว่า "แกเอาด้ายกลุ่มของข้ามาทำไม ?" หญิงขโมยเถียงว่า "เอแม่นี่ตู่จริง ด้ายของแกเมื่อไร ของข้าต่างหาก" เถียงกันมาจนกระทั่งถึงที่ที่มโหสธเล่นอยู่ มโหสธจึงเรียกหญิงทั้งสองมาถาม ถามหญิงขโมยก่อนว่า "เมื่อเจ้าพันด้ายมีอะไรอยู่ข้างใน ?" หญิงขโมยตอบว่า "มีเม็ดฝ้ายอยู่ข้างใน" แล้วหันไปถามหญิงเจ้าของ ๆ ตอบว่า "มีเม็ดมะพลับอยู่ข้างใน" มโหสธจึงให้คลี่ด้ายออกก็เห็นเม็ดมะพลับอยู่ข้างใน หญิงขโมยได้สารภาพผิดรับว่านางเป็นขโมย มหาชนต่างโห่ร้องสรรเสริญมโหสธว่า เป็นบัณฑิตแท้.
วินิจฉัย เรื่อง บุตร
หญิงคนหนึ่งพาลูกไปที่สระโบกขรณีของมโหสธบัณฑิต ต้องการจะล้างหน้า จึงเอาลูกวางไว้กับผ้า ขณะนั้นมีนางยักษิณีตนหนึ่งเห็นทารกนอนอยู่ นึกอยากจะกิน จึงแปลงเพศเป็สสตรีมาถามว่า "ทารกนี้น่ารักจริง เป็นลูกของเธอหรือ ?" หญิงมารดาตอบว่า "จ๊ะ ลูกฉันเอง" ยักษิณีแปลงพูดว่า "ฉันจะให้
ทารกดื่มนม" ครั้นหญิงมารดาอนุญาต ยักษิณีแปลงอุ้มทารกใส่บ่าแล้วเดินหนึไป หญิงมารดาเห็นดังนั้น จึงขึ้นจากสระวิ่งไล่จนทันแล้วพูดว่า "เอ็งจะเอาลูกข้าไปไหน ?" ยักษณีแปลงตอบว่า "อะไรกัน ทารกนี้เป็นลูกของข้าต่างหาก นางช่างตู่" ทั้งสองทะเลาะกันเสียงดังลั่นจนได้ยินถึงมโหสธบัณฑิต มโหสธทราบว่าหญิงคนที่อุ้มเด็กนั้นเป็นยักษิณี เพราะตาไม่กระพริบ ลูกตาแดง และไม่มีเงาในลูกตา แต่เพื่อให้ข้อเท็จจริงปรากฏแก่มหาชน จึงขีดรอยลงบนแผ่นดิน เอาทารกนอนกลางรอยขีด ให้ยักษิณีแปลงจับมือทารก ให้หญิงมารดาจับเท้า แล้วพูดว่า "เอาละ เจ้าทั้งสองก็ฉุดคร่าเอาไป ทารกนี้จะเป็นบุตรของผู้ที่สามารถเอาไปได้" หญิงทั้งสองก็ฉุดคร่าทารกนั้น ทารกทนความเจ็บปวดไม่ได้ จึงร้องจ้าขึ้น หญิงมารดาเห็นลูกร้องก็สงสารเพียงใจจะขาด จึงปล่อยลูกยืนร้องให้อยู่ มโหสธบัณฑิตจึงถามมหาชนที่ประชุมกันอยู่ ณ ที่นั้นว่า "ใจของหญิงที่เป็นมารดากับใจของหญิงที่ไม่ใช่มารดา ใครมีใจอ่อนกว่า
กัน ?"
มหาชนตอบว่า "ใจของมารดาอ่อน"
มโหสธถามว่า "ถ้าเช่นนั้น หญิงที่ปล่อยทารกไปยืนร้องไห้อยู่ กับหญิงที่ฉุดทารกได้เอาไปอุ้มอยู้นั้น คนไหนเป็นมารดาของเด็ก ?"
มหาชนตอบว่า "หญิงที่ปล่อยทารกไปยืนร้องไห้อยู่นั้นเป็นมารดาของทารก"
มโหสธบอกว่า "ถูกแล้ว และหญิงที่ฉุดทารกไปได้นั้น เป็นยักษิณีแปลง"
มหาชนถามว่า "รู้ได้อย่างไร ?"
มโหสธตอบว่า "เพราะตาของยักษิณีนั้นไม่กระพริบ ตาแดงไม่มีเงา" แล้วหันไปถามยักษิณีนั้นว่า "แกเป็นใคร ?"
นางยักษิณีตอบว่า "ข้าพเจ้าเป็นยักษิณี"
มโหสธถามต่อไปว่า "เจ้าจะเอาทารกนี้ไปทำไม ?"
นางยักษิณีตอบ "เอาไปกิน"
มโหสธพูดว่า "นางอันธพาล เจ้าทำบาปมาก่อน จึงเกิดเป็นยักษิณี บัดนี้ยังจะทำชั่วอีกหรือ เจ้าควรทำความดีไว้บ้าง" แล้วมโหสธก็ให้นางยักษิณีตั้งอยู่ในเบญจศีล ให้นำทารกมาคืนให้แก่หญิงมารดา
มารดาทารกได้รับบุตรคืนก้ดีใจ สรรเสริญมโหสธพาบุตรกลับไป.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น