วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ชาติที่ ๕ พระมโหสธ (หน้า ๕)


วินิจฉัย  เรื่อง  รถ


มีบุรุษคนหนึ่งนำรถออกจากบ้านเพื่อไปกิจธุระนอกบ้าน  ท้าวสักกะปรารถนาจะให้ปัญญานุภาพ
ของมโหสธบัณฑิตขจรกระจายไปทั่วทิศ  จึงแปลงเพศเป็นมนุษย์  มาจับท้ายรถบุรุษนั้นไว้  บุรุษนั้นถามว่า  "ท่านมาจับรถเราไว้เพื่ออะไร ?"  ท้าวสักกะแปลงตอบว่า  "เพื่อไปเป็นเพื่อนท่าน"  บุรุษนั้นพูดว่า  "ดีแล้ว  ถ้ากระนั้นท่านจงขึ้นมาบนรถนี้  แล้วเฝ้ารถไว้ให้ด้วย  เราจะไปถ่ายอุจจาระ"  พูดแล้วก็ลงจากรถไปถ่ายอุจจาระ

ท้าวสักกะขึ้นไปบนรถแล้วขับหนีไป  บุรุษเจ้าของรถถ่ายเสร็จก็ออกมา  เห็นท้าวสักกะแปลงลักรถหนีไป จึงรีบออกติดตามตะโกนให้หยุด  แล้วร้องถามไปว่า  "แกจะรถของกันไปไหน ?"  ท้าวสักกะแปลงตอบว่า  "รถคันนี้เป็นรถของกัน  ไม่ใช่รถของแก"  เถียงกันไปเถียงกันมา  จนกระทั่งถึงที่ที่มโหสธบัณฑิตกำลังเล่นอยู่

มโหสธบัณฑิตให้เรียกคนทั้งสองมา  แต่พอเห็นหน้าก็รู้ว่า  คนหนึ่งเป็นท้าวสักกะ  เพราะลักษณะกล้าหาญ  และตาไม่กระพริบ  อีกคนหนึ่งเป็นเจ้าของรถ  แต่เพื่อให้การวินิจฉัยชัดแจ้งในหมู่มหาชน  มโหสธจึงถามถึงเหตุวิวาทกัน  เมื่อทราบเหตุแล้วจึงถามต่อไปว่า  "ท่านทั้งสองจะยอมฟังข้อวินิจฉัยของเราหรือไม่ ?"  เมื่อได้คำตอบจากคนทั้งสองว่า  ยอมฟังข้อวินิจฉัย  มโหสธจึงบอกว่า  "เราจะให้คนขับรถไป  ให้ท่านทั้งสองจับท้ายรถ  ผู้ที่เป็นเจ้าของรถก็จะไม่ยอมปล่อย  ผู้ที่ไม่ใช่เจ้าของรถก็จะปล่อย"  พูดแล้วจึงให้ชายคนหนึ่งขับรถไป  ทั้งสองจับท้ายรถวิ่งตามไป  บุรุษเจ้าของรถวิ่งไปได้หน่อยหนึ่ง  รู้สึกเหนื่อยก็ปล่อยรถยืนหอบอยู่  ฝ่ายท้าวสักกะแปลงวิ่งไปกับรถ  ไม่ยอมปล่อย  มโหสธบัณฑิตสั่งให้รถกลับ  เมื่อรถมาถึง  จึงแจ้งแก่มหาชนว่า  "ท่านทั้งหลาย  บุรุษคนนี้วิ่งไปกับรถได้หน่อยหนึ่งก็เหนื่อย  ปล่อยรถ  อีกคนหนึ่งวิ่งไปกับรถกลับมากับรถ  ไม่มีเหนื่อย  ไม่มีหอบ  เหงื่อก็ไม่ออก  ทั้งไม่มีความสะทกสะท้าน  ตาก็ไม่กระพริบ  นั่นแหละคือท้าวสักกะเทวราช"

มโหสธบัณฑิตหันมาถามท้าวสักกะแปลงว่า  "ท่านเป็นท้าวสักกเทวราชใช่หรือไม่ ?"

ท้าวสักกะแปลงตอบว่า  "ใช่"

มโหสธถามว่า  "พระองค์เสด็จมาเพื่ออะไร ?"

ท้าวสักกะตอบว่า  "เพื่อประกาศปัญญาของท่าน"  พอพูดจบก็กลับเป็นท้าวสักกะตามเดิม  เหาะไปบนอากาศ  ตรัสชมเชยมโหสธบัณฑิตในท่ามกลางมหาชนเป็นจำนวนมาก

จะกล่าวถึงอำมาตย์ที่เฝ้าคอยดูมโหสธอยู่  ครั้นเห็นความเฉลียวฉลาดของมโหสธ  ที่วินิจฉัยความได้โดยถูกต้องและเป็นธรรม  ก็ไปเฝ้าพระเจ้าวิเทหะ  กราบทูลถึงความสามารถของมโหสธว่า  แม้ท้าวสักกะก็ยกย่องสรรเสริญให้ทรงทราบแล้ว  ทูลถามว่า  "เหตุไรจึงมิรับสั่งให้เข้าเฝ้า"  พระเจ้าวิเทหะตรัสถาม
เสนกะผู้มีจิตริษยา  กราบทูลว่า  "บุคคลไม่ชื่อว่าเป็นบัณฑิต  ด้วยเหตุเพียงเท่านี้  ขอทรงรอดูอีกก่อนเถิด"




แก้ปัญหา  เรื่อง  ท่อนไม้


วันหนึ่ง  พระเจ้าวิเทหะทรงคิดจะทดลองมโหสธ  จึงให้นำท่อนตะเคียนมา  แล้วตัดมาเพียง  ๑ คืบ  ให้ช่างกลึงจนเรียบดีแล้ว  รับสั่งให้ส่งไปยังบ้านปราจีนยวมัชฌคาม  ให้ชาวบ้านพิสูจน์ว่า  ท่อนตะเคียนนี้ข้างไหนเป็นโคน  ข้างไหนเป็นปลาย  หากไม่มีผู้ใดบอกได้  จะถูกปรับไหม  ๑,๐๐๐  กหาปณะ  ชาวบ้านปราจีนยวมัชฌคามหมดปัญญา  ไม่มีใครบอกได้  จึงไปหาสิริวัฒกเศรษฐี  ขอให้เรียกมโหสธบัณฑิตมาพิจารณาดูอาจรู้ได้

เศรษฐีจึงให้คนไปเรียกมโหสธมา  แล้วบอกเรื่องราวให้ทราบ  มโหสธพิจารณาดูท่อนตะเคียน  แล้วคิดว่า  พระราชาคงประทานท่อนตะเคียนมา  เพื่อทดลองปัญญาเราเป็นแน่  มโหสธคลำดูก็รู้ว่า  ข้างไหนเป็นโคน  ข้างไหนเป็นปลาย  แต่เพื่อให้ประจักษ์แก่มหาชน  จึงให้เอาด้ายผูกกลางท่อนตะเคียนแล้วเอาไปวางบนน้ำ  ถือปลายด้ายไว้  พอวางบนน้ำ  ทางที่เป็นโคนก็จมเพราะน้ำหนักมาก  มโหสธจึงถามมหาชนว่า  "ท่อนตะเคียนนี้ทางโคนหนัก  หรือปลายหนัก ?"

มหาชนตอบว่า  "ทางโคนหนัก"

มโหสธ  "ถ้าเช่นนั้น  ส่วนที่จมน้ำนั่นแหละเป็นโคน"

ชาวบ้านจึงบอกแก่คนที่นำท่อนตะเคียนมา  ให้ไปกราบทูลพระเจ้าวิเทหะตามที่มโหสธบอก

พระเจ้าวิเทหราชทรงพอพระทัยในความฉลาดของมโหสธมาก  รับสั่งถามอาจารย์เสนกะว่า  "ท่านอาจารย์  เราควรจะนำมโหสธมาเฝ้าได้หรือยัง ?"

เสนกะกราบทูลให้ทรงรอดูอีกก่อน





แก้ปัญหา  เรื่อง  กะโหลกศีรษะ


พระเจ้าวิเทหราช  รับสั่งให้นำกะโหลกศีรษะชายและหญิงมาอย่างละ  ๑  แล้วส่งไปให้ชาวปราจีนยวมัชฌคามทำนายดู  ว่ากะโหลกไหนเป็นกะโหลกศีรษะของชาย  กะโหลกไหนเป็นของหญิง  หากไม่มีใครรู้  จะถูกปรับ  ๑,๐๐๐  กหาปณะ  ชาวบ้านจึงนำไปให้มโหสธดู  มโหสธเห็นก็รู้ได้ทันที  โดยที่แสกกะโหลกศีรษะของชายตรง  แสกกะโหลกศีรษะของหญิงคด  จึงชี้ให้ชาวบ้านดูว่า  กะโหลกนี้เป็นของชาย  นี้เป็นของหญิง  ชาวบ้านก็ให้คนที่นำมา  ไปกราบทูลตามที่มโหสธบอก  พระเจ้าวิเทหราชทรงชอบพระทัยมาก  แต่ก็ยังทรงรอดูไปอีก.






แก้ปัญหา  เรื่อง  งู

วันหนึ่ง  พระเจ้าวิเทหราชรับสั่งให้นำงูตัวผู้และงูตัวเมียมาอย่างละ  ๑  ตัว แล้วส่งไปให้ชาวปราจีนยวมัชฌคาม  บอกว่า  งูตัวไหนเป็นตัวผู้  ตัวไหนเป็นตัวเมีย  ถ้าไม่มีใครรู้จะถูกปรับ  ๑,๐๐๐  กหปณะ  ชาวบ้านจึงพากันไปถามมโหสธ  มโหสธบัณฑิตพอเห็นก็รู้ได้ทันทีว่า  ตัวไหนเป็นตัวผู้  และตัวเมีย  เพราะหางและหัวงูตัวผู้ใหญ่ หางงูตัวเมียเรียว  หัวเรียวยาว  ตางูตัวผู้ใหญ่  ตัวเมียเล็ก  ลายงูตัวผู้ติดต่อกัน  ลายงูตัวเมียขาด  มโหสธจึงแจ้งแก่ชาวบ้านว่า  "นั่นงูตัวผู้  นั่นงู่ตัวเมีย"

ชาวบ้านจึงแจ้งแก่ผู้ที่นำงูมาตามมโหสธบอก  พระเจ้าวิเทหราชเมื่อทรงทราบว่า  มโหสธเป็นผู้บอก  ก็ทรงยินดีมาก.
















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น