วินิฉัย เรื่อง นาย โคฬกาฬเตี้ย
นายโคฬกาฬเตี้ยเป็นคนเตี้ย ผิวดำเป็นมันหมึก มีภรรยาชื่อนางทีฆตาลา วันหนึ่ง นายโคฬกาฬบอกกับภรรยาว่า "จะไปเยี่ยมบิดามารดา" ให้จัดเสบียงสำหรับไปกินกลางทาง และขนมเอาไปฝากบิดามารดา เสร็จแล้วผัวเมียก็ออกเดินทาง ไปถึงแม่น้ำแห่งหนึ่งซึ่งมีกระแสน้ำไหลตื้น ผัวเมียเป็นคนขลาดจึงไม่กล้าข้ามไป ยืนปรึกษากันอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำ
ขณะนั้น มีชายเข็ญใจคนหนึ่งชื่อทีฆปิฏฐิ (หลังยาว) เดินเลียบมาตามฝั่ง ไปถึงตรงที่สองผัวเมียยืนปรึกษากันอยู่ ผัวเมียเห็นนายทีฆปิฏฐิ จึงถามว่า "แม่น้ำนี้ลึกหรือตื้นจ๊ะ ?"
นายทีฆปิฏฐิเดาเอาว่า ผัวเมีคู่นี้คงกลัวน้ำ ไม่กล้าข้าม จึงตอบว่า "แม่น้ำนี้ลึกมาก สัตว์ร้ายก็ชุม"
ผัวเมียถามว่า "ก็ท่านจะไปไหนเล่าจ๊ะ ?"
นายทีฆปิฏฐิ ตอบว่า "ฉันก็จะข้ามไปฝั่งโน้นเหมือนกัน"
ผัวเมีย "ท่านจะไปอย่างไรเล่า ?"
นายทีฆปิฏฐิ "ฉันไปได้ เพราะเคยข้ามไปมาอยู่เสมอ ๆ "
ผัวเมีย "ถ้าเช่นนั้น ท่านกรุณาพาเราทั้งสองไปด้วยเถิด"
นายทิฆปิฏฐิ "เราจะพาท่านไปคราวเดียวสองคนไม่ได้ดอก ขอให้ไปทีละคน ใครจะไปกับเราก่อนก็ได้"
นายโคฦฬกาฬ "ขอให้พาเมียฉันไปก่อน แล้วค่อยกลับมารับฉันไปทีหลัง"
นายทีฆปิฏฐิรับคำ จึงให้นางทีฆตาลาขี่คอ แล้วพาลงน้ำทำเป็นย่อตัวเพื่อให้เห็นว่า น้ำลึก นายโคฬกาฬยืนมองดูก็คิดว่า แหม น้ำลึกจริง คนสูงขนาดนั้นยังเหลือแค่คอ ถ้าเป็นเราก็คงไม่มีโอกาสโผล่แน่
นายทีฆปิฏฐิพานางทีฆตาลาไปถึงกลางแม่น้ำ ก็พูดเกี้ยวอย่างโน้นอย่างนี้ จนนางทีฆตาลาหมดรักในผัวเก่า มาหลงรักนายทีฆปิฏฐิ ถึงกับฝากเนื้อฝากตัวขอร่วมเป็นผัวเมียกันต่อไป เมื่อทั้งสองข้ามไปถึงฝั่งได้แล้ว ก็เชยชมกัน แล้วเอาเสบียงที่เตรียมไว้มากินต่อหน้านายโคฬกาฬ ซึ่งยืนชะเง้อดูอยู่อีกฝั่งหนึ่ง พอกินเสร็จก็พากินเดินต่อไป ไม่ฟังเสียงนายโคฬกาฬซึ่งตะโกนให้มารับ
นายโคฬกาฬโกรธมาก เห็นเขาพาเมียหนีไป จึงตัดสินใจโดดลงแม่น้ำ จะเป็นตายอย่างไรก็ยอม ครั้นโดดลงไปจึงรู้ว่า น้ำตื้น คิดขึ้นได้ว่า เสียรู้คนเสียแล้ว รีบลุยน้ำไปจนถึงฝั่ง ขึ้นจากฝั่งได้ก็วิ่งไปจนทันคนทั้งสอง คว้าข้อมือนายทีฆปิฏฐิถามว่า "อ้ายอันธพาล มึงจะพาเมียกูไปไหน ?"
นายทีฆปิฏฐิตอบว่า "อ้ายถ่อย เมียมึงเมื่อไร อ้านคนแคระ อ้ายคนขี้ตู่" พูดแล้วก็ผลักนายโคฬกาฬกระเด็นไป แล้วก็ทำท่าจะเดินต่อไป
นายโฬกาฬหันมาจับข้อมือนางทีฆตาลาพูดว่า "เอ็งจะไปไหน ข้าทำงานมา ๗ ปี จึงได้เอ็งมาเป็นเมีย"
การโต้เถียงของคนทั้งสาม ได้เป็นอย่างเผ็ดร้อน ยื้อกันไปแย่งกันมา จนกระทั่งถึงโรงวินิจฉัย
ของมโหสธบัณฑิต
มโหสธให้เรียกคนทั้ง ๓ มา เมื่อไต่ถามได้ความแล้วจึงได้แยกย้ายกันไปอยู่คนละแห่ง เรียกมาถามทีละคน เรียกนายทีฆปิฏฐิมาถามว่า "ท่านชื่อไร ?"
นายทีฆปิฏฐิตอบว่า "ข้าพเจ้าชื่อทีฆปิฏฐิ"
มโสธ "เมียท่านชื่อไร ?"
นายทีฆปิฏฐิอึกอัก เพระาไม่ทันได้ถามชื่อหญิงที่ตนพามา จึงบอกชื่อเป็นอย่างอื่น
มโหสธถามต่อไว่า "มารดาบิดาของท่านชื่ออะไร ?"
นายทีฆปิฏฐิบอกชื่อมารดาบิดาของตน มโหสธถามถึงชื่อมารดามารดาของหญิงที่ตนอ้างว่าเป็นเมีย นายทีฆปิฏฐิก็บอกชื่อเป็นอย่างอื่น
มโหสธจึงให้กำหนดถ้อยคำไว้ แล้วให้นายทีฆปิฏฐิออกไป เรียกนายโคฬกาฬมาถามเช่นเดียวกับคนก่อน นายโคฬกาฬตอบถูกต้องตามเป็นจริง มโหสธให้เรียกนางทีฆตาลามาถามว่า "ท่านชื่อไร ?"
นางทีฆตาลาตอบว่า "ข้าพเจ้าชื่อทีฆตาลา"
มโหสธ "ผัวชื่ออะไร ?"
นางทีฆตาลาไม่ทันได้รู้จักชื่อกัน ก็บอกเป็นชื่ออื่น
มโหสธ "มารดาบิดาของท่านชื่อไร ?"
นางทีฆตาลาก็บอกชื่อมารดาบิดาของตน
มโหสธ "มารดาบิดาของสามีผัวท่านชื่ออะไร ?"
นางทีฆตาลาเมื่อไม่รู้จัก ก็บอกเป็นชื่ออื่น
มโหสธบัณฑิต เมื่อซักถามทุกคนแล้ว จึงให้เรียกนายทีฆปิฏฐิกับนายโคฬกาฬมาพร้อมกัน แล้วถามขึ้นต่อหน้ามหาชนว่า "ถ้อยคำของนางทีฆตาลาสมดังคำของนายทีฆปิฏฐิ หรือสมกับคำของนายโฬกาฬ"
มหาชนตอบว่า "สมกับคำของนายโคฬกาฬ"
มโหสธจึงตัดสินว่า "นายโคฬกาฬเป็นผัวของนางทีฆตาลา ส่วนนายทีฆปิฏฐินั้นเป็นอันธพาล" ตัดสินแล้วจึงหันมาถามนายทีฆปิฏฐิ "คำตัดสินของเรานี้ ถูกต้องหรือไม่ ?"
นายทีฆปิฏฐิรับสารภาพ แล้วนำนางทีฆตาลาไปมอบให้แก่นายโคฬกาฬ นายโคฬกาฬได้เมียกลับคืน เพราะคำตัดสินของมโหสธบัณฑิตก็ดีใจสรรเสริญมโหสธว่า เป็นผู้ฉลาดหาผู้เทียมมิได้ แล้วพาภรรยากลับไป.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น