มโหสธพบคู่ครอง (ต่อ)
นางอมรจึงเอาหม้อข้าวต้มวางลง แล้วล้างชามก่อนตักข้าวต้มใส่ เอาน้ำใส่ภาชนะมาวางไว้ ให้มโหสธล้างมือ คนหม้อข้ามต้ม แล้วตักข้าวต้มลงในชามที่ล้างสะอาดแล้วจนเต็ม มีน้ำมากแต่เนื้อข้าวต้มน้อย
มโหสธรับประทานข้าวต้มอิ่ม บ้วนปาก แล้วพูดกับนางว่า "ฉันอยากจะไปเรือนของเธอ เธอจงบอกทางให้ฉันด้วย"
นางอมรได้บอกทางไปบ้านของเธอแก่มโหสธ เสร็จแล้วจึงนำข้าวต้มไปส่งบิดา
มโหสธเดินทางมุ่งตรงไปเรือนที่นางบอก เมื่อถึงแล้วก็ขึ้นไปบนเรือน มารดาของนางอมรเฝ้าบ้านอยู่คนเดียว เห็นชายแปลกหน้ามาจึงเชิญให้นั่งแล้วถามว่า "รับประทานอาหารแล้วหรือยัง ?"
มโหสธบอกว่า "ฉันรับประทานข้ามต้มจากนางอมรไปหน่อยหนึ่งแล้วจ้ะ"
มารดานางอมรรู้ในทีว่า ชายผู้นี้คงมาต้องการลูกสาวเราเป็นแน่ แต่นางก็ยังไม่พูดอะไร คงนั่งนิ่งอยู่
มโหสธ เมื่อมองดูทั่วไปภายในเรือน ก็ทราบว่า สกุลนี้เข็ญใจ จึงถามว่า มีผ้าเก่า ๆ ที่ต้องการจะเย็บหรือชุนบ้างหรือไม่ ฉันเป็นช่างชุนผ้าจ้ะ"
มารดานางอมรตอบว่า "ผ้าน่ะมีดอก แต่ค่าจ้างไม่มีให้นะจ๊ะ"
มโหสธ "ฉันไม่ต้องการค่าจ้างดอกแม่ ฉันจะทำให้เปล่า ๆ "
มารดานางอมรนำผ้าเก่า ๆ มาให้มโหสธชุน มโหสธทำได้คล่องแคล่วมาก ประเดี๋ยวเดียวเสร็จด้วยความชำนาญ ผู้มีบุญมีปัญญาจะทำอะไรก็สำเร็จง่ายดาย มโหสธได้บอกแก่มารดานางอมรว่า "แม่จงประกาศให้คนนำผ้ามาจ้างฉันชุนถิด"
มารดานางอมรได้บอกไปตามชาวบ้านให้นำผ้าเก่า ๆ มาจ้างชุน
ชาวบ้านพากันนำผ้ามาจ้างมโหสธชน เย็บ เป็นจำนวนมาก มโหสธก็ทำได้รวดเร็วและประณีต ในวันเดียวได้ค่าจ้างถึง ๑,๐๐๐ กหาปณะ
มารดานางอมร ได้หุงหาอาหารให้มโหสธรับประทาน
นางอมรกลับจากส่งข้าวต้าให้บิดา เอามัดฟืนทูนศีรษะและกระเดียดใบไม้มาด้วย ส่วนบิดากลับภายหลัง นางปรนนิบัติบิดามารดาบังเกิดเกล้าด้วยความเอาใจใส่เป็นอย่างดี
มโหสธได้สังเกตอากับปกิริยาของนางอมรอยู่ ๒-๓ วัน รู้สึกพอใจมาก แต่เพื่อทดลองดูนางอีกต่อไป วันหนึ่งมโหสธพูดว่า "อมรจ๋า เธอช่วยเอาข้าวสารครึ่งทะนานต้มข้าวต้ม ทำขนม หุงข้าวสวยให้ฉันด้วยเถิด"
นางอมรรับว่า "จ้ะ ฉันจะทำให้" แล้วนางเอาข้าวมาตำ เลือกเอาข้าวสารที่เป็นตัว ไม่หักมากนัก ต้มข้าวต้ม เอากลางข้าวที่มีเมล็ดหักส่วนมากหุงเป็นข้าวสวย เอาปลายข้าวสารที่เกือบป่นทำขนม เสร็จแล้วทำกับข้าวสำหรับข้าวต้ม ข้าวสวย ยกข้าวต้มไปให้มโหสธก่อน
มโหสธรับประทานข้าวต้ม พอข้าวต้มถึงปาก เพื่อทดลองนางอมร จึงคายข้าวต้มทิ้ง แล้วพูดว่า "อะไรนี่ เธอทำข้าวต้มให้เสียเปล่า ๆ ไม่รู้จักต้มข้าวเลยนี่"
นางอมรมิได้ถือโกรธ พูดว่า "ถ้าข้าวต้มไม่อร่อย ก็ขอให้รับประทานขนม" แล้วนางก็ยกขนมส่งให้
มโหสธก็ทำอย่างเก่าอีก
นางอมรพูดว่า "ถ้าขนมไม่อร่อย ก็ขอให้รับประทานข้าวสวยเถิด" แล้วยกข้าวสวยส่งให้
คราวนี้มโหสธทำเป็นเคืองจัด ขยำข้าวทั้ง ๓ รวมกันละเลงตัวนางอมรตั้งแต่ศีรษะ ไล่ให้นางไปยืนอยู่ที่ประตู
นางอมรก็ไม่โกรธ ออกไปยืนที่ประตูตามคำสั่งของมโหสธด้วยกิริยาอ่อนน้อม
มโหสธเห็นนางไม่โกรธ จึงเรียกกลับมา นางก็เดินอ่อนน้อมเข้าไปหามโหสธ แล้วนั่งลงใกล้ ๆ เหมือนทารกว่าง่าย
มโหสธเมื่ออกจากบ้านของตนก็มีผ้าสาฎกไปด้วย ๑ ผืน กับเงิน ๑,๐๐๐ กหาปณะ บรรจุไว้ในถุง จึงนำผ้าสาฎกออกจากถุงมอบให้นางอมรแล้วพูดว่า "เธอจงไปอาบน้ำแล้วนุ่งผ้าสาฎกนี้มา" นางอมรก็ทำตามคำสั่ง
มโหสธนำทรัพย์ ๒,๐๐๐ กหาปณะ คือ ที่เอามาจากบ้าน ๑,๐๐๐ และที่ได้จากการรับจ้างชุนผ้าอีก ๑,๐๐๐ มอบให้แก่บิดามารดาของนางอมร แล้วพูดขอนางอมรกับบิดามารดาของนาง เมื่อบิดามารดาของนางนางให้แล้ว จึงพานางอมรลาพ่อตาแม่ยายกลับไปบ้านของตน
มโหสธได้ให้ร่มกับรองเท้าแก่นางอมร แล้วพูดว่า "เธอจงกางร่มและสวมรองเท้าเดินไป"
นางอมรรับของทั้งสองอย่าง แล้วก็พากันเดินทางไป พอถึงคราวมีแดดจ้า นางก็หุบร่มเสีย พอถึงที่ดอน นางก็ถอดรองเท้าถือไป พอถึงที่ลุ่มมีน้ำ นางก็สวมรองเท้าเดินไป
มโหสธเห็นอาการของนางดังนั้น จึงถามว่า "ทำไมเธอจึงทำอย่างนั้น ?"
นางอมรตอบว่า "ดิฉันมองเห็นเครื่องกีดขวางหนามเป็นต้นบนที่ดอนได้ จึงไม่สวมรองเท้าในที่ดอน ดิฉันมองไม่เห็นสัตว์ร้ายและอันตรายในน้ำได้ จึงต้องสวมรองเท้าในน้ำ"
มโหสธได้ฟังก็พอใจคิดว่า "หญิงผู้นี้ฉลาดมาก"
พอเข้าเขตป่าที่มีร่มไม้ นางอมรจึงกางร่มเดินไป มโหสธเห็นดังนั้น จึงถามว่า "คนทั้งหลายเขากางร่มในที่แจ้งมีแดดจ้า แต่ทำไมเธอกลับหุบร่มในที่เช่นนั้น และกางร่มในเวลาเข้าป่าทึบที่ไม่มีแดด ?"
นางอมรตอบว่า "ในกลางแจ้งดิฉันไม่เห็นว่า จะมีอะไรตกโดนศีรษะ จึงไม่กางร่ม ส่วนในป่าทึบอาจมีไม้แห้ง หรือท่อนไม้ตกโดนศีรษะได้ ดิฉันจึงต้องกางร่ม"
มโหสธมีความพอใจในความฉลาดของนางยิ่งขึ้น เมื่อทั้งสองเดินมาตามทาง มโหสธเห็นต้นพุทรามีผลดกต้นหนึ่ง จึงเข้าไปนั่งพักใต้ต้นพุทรานั้น นางอมรเห็นพุทรามีผลดก จึงพูดว่า "พี่จ๋า น้องอยากกินลูกพุทรา พี่ขึ้นไปเก็บให้น้องหน่อยซิจ๊ะ"
มโหสธพูดว่า "ที่รัก พี่เหนื่อยเหลือเกิน เห็นจะขึ้นไม่ไหว น้องขึ้นไปเก็บเองเถิด"
นางอมรจึงปีนขึ้นต้นพุทราเลือกเก็บผลพุทรา
มโหสธแหงนขึ้นไปข้างบนพูดว่า "ที่รัก เก็บมาให้พี่บ้างซิจ๊ะ"
นางอมรคิดจะทดลองไหวพริบของมโหสธ จึงถามไปว่า "พี่ต้องการผลร้อน หรือผลเย็นจ๊ะ ?"
มโหสธรู้ความที่นางถาม แต่ทำเป็นไม่รู้เพื่อทดลองนาง จึงตอบว่า "พี่ต้องการผลร้อน ๆ "
นางอมรจึงเก็บผลโยนลงที่พื้นดิน แล้วพูดว่า "พี่ พุทราร้อน ๆ เชิญเก็บรับประทานเถิด"
มโหสธจึงเก็บผลพุทราที่ตกอยู่กับดินมาเป่าเพื่อให้หมดผุ่น แล้วรับประทาน จับเคล็ดว่า พุทราร้อนต้องเป่า เมื่อจะทดลองนางอีก จึงพูดว่า ไที่รัก พี่ต้องการผลเย็น ๆ "
นางอมรจึงเก็บพุทราโยนลงไปบนหญ้า มโหสธเก็บพุทรานั้นรับประทานโดยมิต้องเป่า จับเคล็ดว่า พุทราเย็น เพราะไม่ต้องเป่า
มโหสธนึกชมนางอมรว่า เป็นหญิงที่มีความฉลาดเหลือเกิน แล้วเรียกนางลงจากต้นพุทรา
................................
(ยังมีต่ออีก)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น