มโหสธผจญกรรม (ต่อ)
ฝ่ายบัณฑิตทั้ง ๔ ได้พากันไปเฝ้าพระราชา แล้วกราบทูลว่า "ขอเดชะ พระองค์ไม่ทรงประดับพระจุฬามณีหรือ พระพุทธเจ้าข้า "
พระราชา "จริงซินะท่านอาจารย์ เราจะประดับ ท่านจงไปนำมา"
บัณฑิตทั้ง ๔ พากันไปดู ไม่เห็นพระจุฬามณีในสถานที่เก็บ กับดูราชาภรณ์อีก ๓ สิ่งก็ไม่เห็น จึงรีบมากราบทูลพระราชาว่า "ขอเดชะ ราชาภรณ์ ๔ สิ่ง คือ พระจุฬามณี พระสุวรรณมาลา ผ้ากัมพลคลุมที่พระบรรทม ฉลองพระบาท ได้หายไปจากที่เก็บ พระพุทธเจ้าข้า"
พระราชาทรงกริ้วมากที่มีผู้บังอาจเข้าไปลักราชาภรณ์อันเป็นของคู่ควรแก่กษัตริย์ จึงตรัสถามอาจารย์ทั้ง ๔ ว่า "พวกท่านสงสัยใครที่บังอาจถึงเช่นนี้ ?"
บัณฑิตทั้ง ๔ กราบทูลว่า "ขอเดชะ ตามที่ข้าพระพุทธเจ้ากราบทูลถามพระองค์ว่า ไม่ทรงประดับพระจุฬามณีหรือนั้น ก็เพราะมีเหตุผลที่จะกราบทูลให้ทรงทราบ พระพุทธเจ้าข้า"
พระราชา "เหตุผลอะไร พูดไปโดยเร็ว"
บัณฑิตทั้ง ๔ "ขอเดชะ ได้มีผู้มาบอกเล่าว่า มโหสธได้นำราชาภรณ์ทั้ง ๔ สิ่งไปประดับ ขณะนี้ยังเก็บไว้ที่บ้าน มโหสธต้องคิดเป็นศัตรูกับพระองค์ พะย่ะค่ะ"
ขณะนั้น คนที่มโหสธส่งไปคอยฟังข่าว ได้มาส่งข่าวให้มโหสธทราบ
มโหสธได้ทราบข่าวเช่นนั้น จึงคิดว่า "จักต้องไปเฝ้าพระราชา จึงจะรู้เรื่อง" ครั้นแต่งตัวเสร็จแล้วจึงมุ่งตรงไปยังพระราชฐาน
พระราชาทรงทราบว่า มโหสธกำลังจะมาเฝ้า ยังทรงกริ้วมโหสธกรุ่นอยู่ในพระทัย กับทรงระแวงว่า มโหสธอาจจะมาในทางมิดีมิร้ายก็ได้ จึงรับสั่งด้วยความพิโรธว่า "อย่าให้มโหสธเข้ามาเป็นอันขาด"
มโหสธทราบว่า พระราชาทรงกริ้วมากและไม่ยอมให้เข้าเฝ้า จึงกลับไปบ้าน เมื่อกลับถึงบ้านก็มีคนส่งข่าวว่า พระราชารับสั่งให้จับ จึงบอกกับนางอมรว่า "พี่เห็นจะต้องออกจากเมืองนี้ไปชั่วคราวก่อน น้องคอยดูเหตุการณ์และคอยแก้ไขอยู่ทางนี้ก่อน"
มโหสธได้ปลอมตัวออกจากเมืองไปสู่ทักขิณยวมัชฌคาม หาเลี้ยงชีพในทางเป็นช่างหม้ออยู่ ณ ตำบลนั้น
มหาชนเมื่อทราบว่า มโหสธบัณฑิตหนีไป จึงเกิดโกลาหลอลหม่านกันยกใหญ่ เสียงปริเทวนาการ
สงสารมโหสธกันอยู่เซ็งแซ่ บัณฑิตทั้ง ๔ จึงพูดปลอบว่า "ท่านทั้งหลายอย่าเป็นทุกข์ถึงมโหสธคนร้ายลักราชาภรณ์ของในหลวงเลย เราทั้ง ๔ ก็เป็นบัณฑิตอยู่ในราชสำนักนี้มานานแล้ว พอจะเป็นที่พึ่งของท่านทั้งหลายได้ สงบใจกันเสียทีเถิด"
มหาชนได้ฟังดังนั้นต่างก็ไม่พอใจบัณฑิตทั้ง ๔ เสียงตะโกนโห่ร้องแสดงความเกลียดชังอยู่อึงมี่
บัณฑิตทั้ง ๔ เมื่อเห็นนางอมรอยู่ผู้เดียว ต่างก็คิดหมายมั่นที่จะได้นางอมรมาเป็นของตน ๆ แต่ไม่บอกให้กันทราบ ต่างส่งสิ่งของไปให้นางอมรเพื่อขอความรัก
นางอมรเมื่อได้รับสิ่งของจากบัณฑิตทั้ง ๔ จึงคิดว่า "เราจะต้องทำให้อีตาบ้าทั้ง ๔ คนนี้ได้อาย" คิดแล้วจึงนัดให้มาคนละเวลา นางได้ให้สาวใช้ช่วยกันขุดหลุมหนึ่งหลุม ล้อมรั้วที่หลุมนั้น เทคูถกับน้ำลงในหลุม แล้วทำกระดานยนต์ปิดที่ปากหลุมนั้น ปกปิดด้วยเสื่อลำแพน มีลิ่มสลัก ๒ ข้าง เอาพวงดอกไม้ห้องที่เรือนทำให้ดูร่ารื่นรมย์ ตั้งน้ำไว้ข้างแผ่นกระดานนั้นด้วย
พอค่ำลง เสนกะแต่งตัวเสียงามหรู ไปหานางอมรตามนัด
นางอมรทำเป็นดีใจที่เห็นเสนกะ พูดว่า "แหม ช่างมาตรงเวลาดีจริงนะ"
เสนกะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ พูดว่า "เวลาที่นัดไว้มันช่างช้าเหลือเกิน กว่าจะถึงกำหนด พอได้เวลาก็รีบมาทันที นับเป็นบุญพี่เสียนี่กระไร ที่เธอไม่รังเกียจ"
นางอมรรู้สึกหมั่นไส้เต็มทน แต่ก็ฝืนทำเป็นยิ้ม พูดว่า "วันนี้อาจารย์มาตามนัด ก็คงต้องพักผ่อนหลับนอนที่นี่ ก่อนจะนอนใคร่ขอเชิญท่านไปอาบน้ำหอมเสียก่อน จะได้นอนสบาย เชิญซิคะ เชิญทางนี้" แล้วนางก็ชี้ทางให้เสนกะ พร้อมกับเดินตามไปด้วย
เสนกะเดินไปเหยียบบนแผ่นกระดาน นางอมรก็ทำเป็นจะตักน้ำรดให้ แล้วนางเหยียบบนแผ่นกระดานยนต์ถอดสลักออก กระดานกระดำ เสนกะก็ตกลงไปในหลุมคูถ นางนึกว่าเสร็จไปหนึ่งละยังอีก ๓
พอถึงเวลานัดของปุกกุสะ ปุกกุสะก็มาตามนัดแล้วก็ตกลงไปในหลุมคูถตามกลอุบายของนาง เสร็จไปอีกหนึ่งละ ยังเหลืออีก ๒ นางคิดอย่างสนุกใจ
เมื่อปุกุกุสะตกลงไป ก็กระแทกเข้ากับเสนกะอย่างแรง ถามขึ้นด้วยความตกใจว่า "นี่ผีหรือคน ?"
....................................
(ยังมีต่ออีก)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น