วันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ชาติที่ ๕ พระมโหสธ (หน้า ๑๗)




มโหสธพบคู่ครอง  (ต่อ)

นางอมรลงจากต้นพุทรา  เอาหม้อน้ำไปตักน้ำมาให้มโหสธดื่ม  แล้วทั้งสองก็เดินทางต่อไปจนถึงพระนคร  มโหสธให้นางอมรอยู่ที่เรือนคนเฝ้าประตู  แจ้งเรื่องราวให้ภรรยาคนเฝ้าประตูทราบ  หวังจะทดลองความซื่อสัตย์ของนาง  แล้วไปเรือนของตน  มโหสธได้เรียกชายหนุ่มมาหลายคน  แล้วแจ้งว่า "เราพาหญิงสาวคนหนึ่งมาฝากไว้ที่บ้านคนเฝ้าประตู  พวกท่านคนหนึ่งลองไปเกี้ยวดู  หากนางยินดีด้วย  ก็เอาทรัพย์  ๑,๐๐๐  กหาปณะนี้ให้นางไป"  แล้วมโหสธก็ให้ทรัพย์แก่ชายหนุ่มที่ไปก่อน  ๑,๐๐๐  กหาปณะ

ชายหนุ่มคนที่ ๑  ไปถึงที่ที่นางอมรพักอยู่  แล้วพูดเกี้ยวประกอบกับทำท่าทางกรุ้มกริ่มหวังจะให้นางเอออวยด้วย  แต่นางอมรไม่ปรารถนา  คิดเสียว่า  ชายที่มานี้จะเปรียบเพียงเท่าละอองเท้าของมโหสธสามีเราก็ไม่ได้  ชายผู้นั้นก็กลับมาบอกแก่มโหสธถึงความหมดหวังของตน

มโหสธได้ส่งชายหนุ่มเปลี่ยนหน้ากันไปถึง  ๓  ครั้ง  ทุกครั้งชายหนุ่มที่ไปก็ผิดหวังกลับมา  พอครั้งที่  ๔  ก็ส่งไปอีกคนหนึ่ง  และสั่งว่า  "เจ้าจงไปฉุดนางมาหาเรา"

ชายคนที่  ๔  ไป  พอถึงบ้านที่นางพักอยู่  ก็ตรงเข้าฉุดนางคร่าตัวมาหามโหสธ

นางอมรถูกชายหนุ่มฉุดคร่ามา  พอเห็นมโหสธก็จำไม่ได้  เพราะตอนนั้นมโหสธแปลงเป็นช่างชุนไป  ยิ่งนางได้เห็นความมั่งคั่งสมบูรณ์ของผู้ที่นางได้พบ  ก็ไม่เฉลียวใจเลย  นางแลดูมโหสธแล้วก็หัวเราะ  แล้วก็ร้องไห้

มโหสธเห็นอาการของนางดังนั้นจึงถามว่า  "น้องพี่  วันนี้เป็นอย่างไรไป  เดี๋ยวหัวเราะ  เดี๋ยวร้องไห้ ?"

นางอมรจึงแจ้งแก่มโหสธว่า  "ข้าพเจ้าเห็นสมบัติของท่านแล้ว  ก็นึกปลื้มใจว่า  การที่ท่านได้สมบัติมหาศาลถึงเพียงนี้ก็เพราะบุญญาธิการของท่าน  ข้าพเจ้าชอบใจในผลแห่งบุญที่ท่านได้บำเพ็ญมา  นึกในใจอย่างนี้  จึงได้หัวเราะ  แต่แล้วข้าพเจ้าก็ต้องร้องไห้ด้วยความสงสารตัวท่าน  เพราะท่าน
จะทำกรรมชั่วขึ้นแล้ว  โดยท่านคิดมิดีมิร้ายต่อสตรีที่มีผู้หวงแหน  เกรงว่าท่านจะได้รับทุกข์ต่อไป"

มโหสธทดลองดูนางอมร  เห็นว่า  นางเป็นผู้บริสุทธิ์และมีความสัตย์ซื่อ  จึงเกิดความรักความเอ็ดดูขึ้นอีกมาก  ได้สั่งชายคนที่แฉุดนางมาว่า  "เจ้าจงพานางไปอยู่ที่เดิม"  เมื่อชายผู้นั้นพาไปแล้ว  มโหสธจึงปลอมตัวเป็นช่างชุนผ้าอย่างเดิมไปหานาง  พักอยู่กับนางคืนหนึ่ง  รุ่งขึ้นจึงไปเฝ้าพระนางอุทุมพรเทวี
กราบทูลให้ทรงทราบถึงการได้หญิงที่ถูกใจตน  และเวลานี้มาพักอยู่ที่บ้านคนเฝ้าประตู

พระนางอุทุมพรเทวีนำความขึ้นกราบทูลพระเจ้าวิเทหราช  แล้วรับสั่งให้นางกำนัลนำเครื่องประดับอันมีค่าไปให้นางอมร  เสร็จแล้วให้ขึ้นวอใหญ่นำมาบ้านมโหสธ  ทำพิธีมงคลสมรสอย่างสมเกียรติ

ชาวพระนครต่างก็พากันจัดของขวัญมาให้  เนื่องในการสมรสระหว่างมโหสธบัณฑิตกับนางอมร  มีจำนวนมากมาย

นางอมรได้นำของขวัญทั้งหมดส่งไปสงเคราะห์ชาวพระนครที่ยากจน

มโหสธกับนางอมรได้อยู่ร่วมกันผาสุกตลอดมา  และมโหสธได้รับราชการเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าวิเทหราชยิ่งนัก.





มโหสธผจญกรรม

อยู่มาวันหนึ่ง  อาจารย์เสนกะได้พูดปรึกษากับอาจารย์ทั้ง  ๓  ว่า  "เราทั้ง  ๔  คน  ตั้งแต่มโหสธมาอยู่ในราชสำนัก  ได้อับเฉาลง  ไม่รุ่งเรืองเหมือนมโหสธเขา  บัดนี้มโหสธเขาก็ไปหาภรรยาทที่ฉลาดมาด้วยตนเอง   ตกลงว่าทั้งผัวทั้งเมียเป็นคนฉลาดด้วยกันทั้งคู่  พวกเราเห็นทีจะแย่หนักลงไป  เราควรคิดกำจัดมโหสธเสียเถิด"

อาจารยทั้ง  ๓  ถามว่า  "เราจะทำกัยอย่างไร ?"

เสนกะพูดว่า  "พวกท่านอย่าวิตก  เรามีอุบายแล้ว"

อาจารย์ทั้ง  ๓  "อุบายอะไรท่านอาจารย์ ?"

เสนกะ  "พวกท่านทั้ง  ๓  ต้องร่วมมือด้วยจึงะสำเร็จ"

อาจารย์ทั้ง  ๓  "เอาอย่างไรก็เอากัน  ขอให้อาจารย์บอกมาเถอะ"

เสนกะ  "คืออย่างนี้  เราจะลักพระจุฬามณี  (ปิ่น)  ท่านปุกกุสะจงลักพระสุวรรณมาลา  (ดอกไม้ทอง)  ท่าน
กามินท์จงลักผ้ากัมพลคลุมพระบรรทม  ท่านเทวินท์จงลักฉลองพระบาททองคำ  แล้วนำราชาภรณ์ทั้ง  ๔  อย่างนี้ไปไว้ในเรือนมโหสธ  เมื่อสำเร็จตามอุบายนี้แล้ว  พระราชาก็จะต้องทรงลงทัณฑ์มดหสอย่างหนัก  พวกท่านจะเห็นด้วยกับเราหรือไม่ ?"

อาจารย์ทั้ง  ๓  รับว่า  "อุบายนี้วิเศษจริง  จะลงมือกันเมื่อไร  ให้อาจารย์บอกมาเถิด

เสนกะบอกอุบายอื่น ๆ  ให้อาจารย์ทั้ง  ๓  รับรู้เป็นอย่างดีแล้ว  ตนเองได้ไปนำพระจุฬามณีมาใส่ไว้ในหม้อเปรียง  ให้สาวใช้นำหม้อเปรียงนั้นไปขาย  พร้อมกับสั่งว่า  "เจ้าจงนำหม้อเปรียงนี้ไปขาย  แต่อย่าขายให้คนอื่น  ถ้าคนในบ้านของมโหสธมาซื้อ  เจ้าจงยกให้ทั้งหมดเลย"

สาวใช้ก็ตรงไปที่ประตูบ้านมโหสธร้องขาย  "เปรียงแม่เอ๊ย  เปรียงเจ้าค่ะ"  เดินกลับไปกลับมาที่ประตูบ้าน
มโหสธนั่นเอง

นางอมรยืนอยู่ที่ประตู  เห็นแม่ค้าเปรียงเดินกลับไปกลับมาอยู่เช่นนั้น  ก็นึกว่า  "แม่ค้าร้องขายเปรียงเดินไปมาอยู่ตรงอประตูบ้านเรา  ไม่เห็นไปที่อืน  น่าจะมีเลสนัยอะไรอยู่"  จึงเรียกแม่ค้าเปรียงมา  พูดว่า  "ฉันจะซื้อเปรียง  อ้อ  แม่ค้าจ๊ะ  ฉันไม่ได้เอาเงินติดตัวมาด้วย  แม่ค้าช่วยไปเรียกสาวใช้ให้มาหาฉันสักคนหนึ่งเถิด"

เมื่อแม่ค้าเปรียงไป  นางจึงล้วงลงไปในหม้อเปรียงพบพระจุฬามณีแล้วใส่ไว้ตามเดิม  พอแม่ค้าเปรียงกลับมา  นางจึงถามว่า  "แม่มาจากไหนจ๊ะ ? "

แม่ค้าเปรียง    "ดิฉันเป็นสาวใช้ของท่านเสนกะ  เจ้าค่ะ"

นางอมรจึงถามชื่อและบิดามารดาของแม่ค้าเปรียง  เมื่อนางตอบว่าชื่อนั้น ๆ  จึงถามต่อไปว่า  "เปรียงนี้แม่จะขายเท่าไร ?"

แม่ค้าเปรียงตอบว่า  "เท่าราคาข้าว  ๔  ทะนาน  เจ้าค่ะ"

นางอมร  "ถ้าเช่นนั้นฉันจะซื้อไว้"

แม่ค้า  "หากแม่เจ้ารับซื้อ  ก็ขอให้ไว้ทั้งหม้อเลย  ไม่คิดเอาราคา"

นางอมรตกลงรับไว้ทั้งหม้อ  แล้วแม่ค้าก็กลับไป  นางอมรได้บันทึกเป็นลายลักษณ์อักษาไว้ว่า  "วันนั้นเดือนนั้น  อาจารย์เสนกะให้สาวไช้ชื่อนั้นลูกคนนั้น  นำพระจุฬามณีของพระราชามาขายไว้"  เมื่อแม่ค้าเปรียงกลับไปก็มีแม่ค้าดอกไม้ถือผอบสุวรรณมาลา  มีดอกไม้อยู่ภายนอกมาร้องขายที่ประตูบ้านมโหสธ  เมื่อแม่ค้าดอกไม้กลับไป  แม่ค้าผักก็นำผักใส่กระเช้ามาร้องขาย  แต่ข้างในมีผ้ากัมพลคลุมพระบรรทมอยู่  เมื่อแม่ค้าผักกลับไป  แม่ค้าข้าวโพดก็มาร้องขาย  ข้างในมัดข้าวโพดมีฉลองพระบาททองคำอยู่



............................


(ยังมีต่ออีก)


































ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น