มโหสธพบคู่ครอง (ต่อ)
ชายหนุ่มคนที่ ๑ ไปถึงที่ที่นางอมรพักอยู่ แล้วพูดเกี้ยวประกอบกับทำท่าทางกรุ้มกริ่มหวังจะให้นางเอออวยด้วย แต่นางอมรไม่ปรารถนา คิดเสียว่า ชายที่มานี้จะเปรียบเพียงเท่าละอองเท้าของมโหสธสามีเราก็ไม่ได้ ชายผู้นั้นก็กลับมาบอกแก่มโหสธถึงความหมดหวังของตน
มโหสธได้ส่งชายหนุ่มเปลี่ยนหน้ากันไปถึง ๓ ครั้ง ทุกครั้งชายหนุ่มที่ไปก็ผิดหวังกลับมา พอครั้งที่ ๔ ก็ส่งไปอีกคนหนึ่ง และสั่งว่า "เจ้าจงไปฉุดนางมาหาเรา"
ชายคนที่ ๔ ไป พอถึงบ้านที่นางพักอยู่ ก็ตรงเข้าฉุดนางคร่าตัวมาหามโหสธ
นางอมรถูกชายหนุ่มฉุดคร่ามา พอเห็นมโหสธก็จำไม่ได้ เพราะตอนนั้นมโหสธแปลงเป็นช่างชุนไป ยิ่งนางได้เห็นความมั่งคั่งสมบูรณ์ของผู้ที่นางได้พบ ก็ไม่เฉลียวใจเลย นางแลดูมโหสธแล้วก็หัวเราะ แล้วก็ร้องไห้
มโหสธเห็นอาการของนางดังนั้นจึงถามว่า "น้องพี่ วันนี้เป็นอย่างไรไป เดี๋ยวหัวเราะ เดี๋ยวร้องไห้ ?"
นางอมรจึงแจ้งแก่มโหสธว่า "ข้าพเจ้าเห็นสมบัติของท่านแล้ว ก็นึกปลื้มใจว่า การที่ท่านได้สมบัติมหาศาลถึงเพียงนี้ก็เพราะบุญญาธิการของท่าน ข้าพเจ้าชอบใจในผลแห่งบุญที่ท่านได้บำเพ็ญมา นึกในใจอย่างนี้ จึงได้หัวเราะ แต่แล้วข้าพเจ้าก็ต้องร้องไห้ด้วยความสงสารตัวท่าน เพราะท่าน
จะทำกรรมชั่วขึ้นแล้ว โดยท่านคิดมิดีมิร้ายต่อสตรีที่มีผู้หวงแหน เกรงว่าท่านจะได้รับทุกข์ต่อไป"
มโหสธทดลองดูนางอมร เห็นว่า นางเป็นผู้บริสุทธิ์และมีความสัตย์ซื่อ จึงเกิดความรักความเอ็ดดูขึ้นอีกมาก ได้สั่งชายคนที่แฉุดนางมาว่า "เจ้าจงพานางไปอยู่ที่เดิม" เมื่อชายผู้นั้นพาไปแล้ว มโหสธจึงปลอมตัวเป็นช่างชุนผ้าอย่างเดิมไปหานาง พักอยู่กับนางคืนหนึ่ง รุ่งขึ้นจึงไปเฝ้าพระนางอุทุมพรเทวี
กราบทูลให้ทรงทราบถึงการได้หญิงที่ถูกใจตน และเวลานี้มาพักอยู่ที่บ้านคนเฝ้าประตู
พระนางอุทุมพรเทวีนำความขึ้นกราบทูลพระเจ้าวิเทหราช แล้วรับสั่งให้นางกำนัลนำเครื่องประดับอันมีค่าไปให้นางอมร เสร็จแล้วให้ขึ้นวอใหญ่นำมาบ้านมโหสธ ทำพิธีมงคลสมรสอย่างสมเกียรติ
ชาวพระนครต่างก็พากันจัดของขวัญมาให้ เนื่องในการสมรสระหว่างมโหสธบัณฑิตกับนางอมร มีจำนวนมากมาย
นางอมรได้นำของขวัญทั้งหมดส่งไปสงเคราะห์ชาวพระนครที่ยากจน
มโหสธกับนางอมรได้อยู่ร่วมกันผาสุกตลอดมา และมโหสธได้รับราชการเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าวิเทหราชยิ่งนัก.
มโหสธผจญกรรม
อยู่มาวันหนึ่ง อาจารย์เสนกะได้พูดปรึกษากับอาจารย์ทั้ง ๓ ว่า "เราทั้ง ๔ คน ตั้งแต่มโหสธมาอยู่ในราชสำนัก ได้อับเฉาลง ไม่รุ่งเรืองเหมือนมโหสธเขา บัดนี้มโหสธเขาก็ไปหาภรรยาทที่ฉลาดมาด้วยตนเอง ตกลงว่าทั้งผัวทั้งเมียเป็นคนฉลาดด้วยกันทั้งคู่ พวกเราเห็นทีจะแย่หนักลงไป เราควรคิดกำจัดมโหสธเสียเถิด"
อาจารยทั้ง ๓ ถามว่า "เราจะทำกัยอย่างไร ?"
เสนกะพูดว่า "พวกท่านอย่าวิตก เรามีอุบายแล้ว"
อาจารย์ทั้ง ๓ "อุบายอะไรท่านอาจารย์ ?"
เสนกะ "พวกท่านทั้ง ๓ ต้องร่วมมือด้วยจึงะสำเร็จ"
อาจารย์ทั้ง ๓ "เอาอย่างไรก็เอากัน ขอให้อาจารย์บอกมาเถอะ"
เสนกะ "คืออย่างนี้ เราจะลักพระจุฬามณี (ปิ่น) ท่านปุกกุสะจงลักพระสุวรรณมาลา (ดอกไม้ทอง) ท่าน
กามินท์จงลักผ้ากัมพลคลุมพระบรรทม ท่านเทวินท์จงลักฉลองพระบาททองคำ แล้วนำราชาภรณ์ทั้ง ๔ อย่างนี้ไปไว้ในเรือนมโหสธ เมื่อสำเร็จตามอุบายนี้แล้ว พระราชาก็จะต้องทรงลงทัณฑ์มดหสอย่างหนัก พวกท่านจะเห็นด้วยกับเราหรือไม่ ?"
อาจารย์ทั้ง ๓ รับว่า "อุบายนี้วิเศษจริง จะลงมือกันเมื่อไร ให้อาจารย์บอกมาเถิด
เสนกะบอกอุบายอื่น ๆ ให้อาจารย์ทั้ง ๓ รับรู้เป็นอย่างดีแล้ว ตนเองได้ไปนำพระจุฬามณีมาใส่ไว้ในหม้อเปรียง ให้สาวใช้นำหม้อเปรียงนั้นไปขาย พร้อมกับสั่งว่า "เจ้าจงนำหม้อเปรียงนี้ไปขาย แต่อย่าขายให้คนอื่น ถ้าคนในบ้านของมโหสธมาซื้อ เจ้าจงยกให้ทั้งหมดเลย"
สาวใช้ก็ตรงไปที่ประตูบ้านมโหสธร้องขาย "เปรียงแม่เอ๊ย เปรียงเจ้าค่ะ" เดินกลับไปกลับมาที่ประตูบ้าน
มโหสธนั่นเอง
นางอมรยืนอยู่ที่ประตู เห็นแม่ค้าเปรียงเดินกลับไปกลับมาอยู่เช่นนั้น ก็นึกว่า "แม่ค้าร้องขายเปรียงเดินไปมาอยู่ตรงอประตูบ้านเรา ไม่เห็นไปที่อืน น่าจะมีเลสนัยอะไรอยู่" จึงเรียกแม่ค้าเปรียงมา พูดว่า "ฉันจะซื้อเปรียง อ้อ แม่ค้าจ๊ะ ฉันไม่ได้เอาเงินติดตัวมาด้วย แม่ค้าช่วยไปเรียกสาวใช้ให้มาหาฉันสักคนหนึ่งเถิด"
เมื่อแม่ค้าเปรียงไป นางจึงล้วงลงไปในหม้อเปรียงพบพระจุฬามณีแล้วใส่ไว้ตามเดิม พอแม่ค้าเปรียงกลับมา นางจึงถามว่า "แม่มาจากไหนจ๊ะ ? "
แม่ค้าเปรียง "ดิฉันเป็นสาวใช้ของท่านเสนกะ เจ้าค่ะ"
นางอมรจึงถามชื่อและบิดามารดาของแม่ค้าเปรียง เมื่อนางตอบว่าชื่อนั้น ๆ จึงถามต่อไปว่า "เปรียงนี้แม่จะขายเท่าไร ?"
แม่ค้าเปรียงตอบว่า "เท่าราคาข้าว ๔ ทะนาน เจ้าค่ะ"
นางอมร "ถ้าเช่นนั้นฉันจะซื้อไว้"
แม่ค้า "หากแม่เจ้ารับซื้อ ก็ขอให้ไว้ทั้งหม้อเลย ไม่คิดเอาราคา"
นางอมรตกลงรับไว้ทั้งหม้อ แล้วแม่ค้าก็กลับไป นางอมรได้บันทึกเป็นลายลักษณ์อักษาไว้ว่า "วันนั้นเดือนนั้น อาจารย์เสนกะให้สาวไช้ชื่อนั้นลูกคนนั้น นำพระจุฬามณีของพระราชามาขายไว้" เมื่อแม่ค้าเปรียงกลับไปก็มีแม่ค้าดอกไม้ถือผอบสุวรรณมาลา มีดอกไม้อยู่ภายนอกมาร้องขายที่ประตูบ้านมโหสธ เมื่อแม่ค้าดอกไม้กลับไป แม่ค้าผักก็นำผักใส่กระเช้ามาร้องขาย แต่ข้างในมีผ้ากัมพลคลุมพระบรรทมอยู่ เมื่อแม่ค้าผักกลับไป แม่ค้าข้าวโพดก็มาร้องขาย ข้างในมัดข้าวโพดมีฉลองพระบาททองคำอยู่
............................
(ยังมีต่ออีก)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น