ผู้ทรยศ (ต่อ)
เพชฌฆาตรับคำสั่งแล้วได้ไปไขกุญแจเรือนจำ นำอาจารย์ทั้ง ๔ ออกมัดมือไพล่หลัง นำออกนอกพระนคร หวดด้วยไม้เรียวครั้งละ ๔ เ ส้น จนครบร้อย แล้วนำไปยังตะแลงแกงสำหรับประหารชีวิต เตรียมการปักหลาวจะเอาอาจารย์ทั้ง ๔ ขึ้นไปนอนหงาย
มโหสธมีความสงสารอาจารย์ทั้ง ๔ จึงกราบทูลพระราชาว่า "ข้าแต่สมมติเทพ อาจารย์เหล่านี้เป็นอำมาตย์ชั้นผู้ใหญ่และเป็นคนเก่าอยู่ในราชสำนัก ขอพระองค์ได้ทรงพระกรุณาโปรดงดโทษอาจารย์เหล่านั้นเถิด พระพุทธเจ้าข้า"
พระราชาทรงเห็นแก่มโหสธบัณฑิต จึงพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้งดการลงโทษอาจารย์ทั้ง ๔ แล้วตรัสเรียกอาจารย์ทั้ง ๔ มา ทรงมีพระกระแสรับสั่งว่า "เราขอให้อาจารย์ทั้ง ๔ นี้เป็นทาส
ของมโหสธ ตั้งบัดนี้เป็นต้นไป"
มโหสธกราบทูลว่า "ขอเดชะ พระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้าขอให้อาจารย์ทั้ง ๔ พ้นจากความเป็นทาสและจงเป็นไท ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป"
พระราชา "ถ้าเช่นนั้น อาจารย์ทั้ง ๔ จะอยู่ในราชอาณาจักรของเราไม่ได้ จงออกไปให้พ้นจากราชอาณาจักรตั้งแต่บัดนี้"
มโหสธ "ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้าขอพระบรมราชานุญาตอย่าได้ทรงขับไล่อาจารย์ทั้ง ๔ ออกจากพระราชอาณาจักรเลย และขอได้โปรดให้อาจารย์ทั้ง ๔ คงดำรงอยู่ในฐานันดรอย่างเดิมเถิด พระเจ้าข้า"
พระราชาทรงเลื่อมใสในมโหสธมากที่มิได้มีความอาฆาตพยาบาทต่ออาจารย์ทั้ง ๔ กลับขอให้อยู่ในตำแหน่งเดิมอีก มโหสธเป้นผู้เปี่ยมด้วยเมตตากรุณาต่อคนไม่เลือกหน้า คนเช่นนี้หาได้ยากอย่างยิ่ง พระราชาจึงได้พระราชทานทั้งยศ ทั้งทรัพย์สมบัติแก่มโหสธมากมาย ทั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาราชการ
มโหสธตระเตรียมพระนคร
มโหสธได้มาคำนึงดูว่า ตนมีหน้าที่รับผิดชอบในราชการมาก ทั้งเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยของพระเจ้าวิเทหราชเป็นอย่างมาก จึงเห็นไม่ควรประมาทในอันที่จะจัดการป้องกันพระนครให้เข้มแข็ง เมื่อคิดคำนึงดังนี้แล้ว มโหสธจึงให้ก่อกำแพงน้อยใหญ่ภายในพระนคร ทั้งทำหอรบไว้ที่ประตูเป็นระยะ ๆ ขุดคู ๓ คือ คูน้ำ คูเปือกตม คูแห้ง ซ่อมแซมเรือนเก่า ๆ ภายในพระนคร ให้ขุดสระโบกขรณีใหญ่และฝังท่อน้ำในวาระนั้น เตรียมหาข้าวเปลือกมาใส่จนเต็มฉาง ให้นำบัวสาย บัวขาว มาจากป่าหิมพานต์ปลูกลงในสระ ล้างท่อน้ำให้สะอาดให้น้ำไหลผ่านสะดวก ให้ซ่อมแซมศาลาที่พักนอกพระนคร การที่มโหสธจัดการบำรุงเมืองเช่นนี้ ก็เพื่อป้องกันเหตุรายอันจะมาถึงโดยมิได้ประมาท
มโหสธส่งจารบุรุษไปประจำนครต่าง ๆ
บรรดาพาณิชซึ่งมาจากเมืองต่าง ๆ มาทำการค้าขายติดต่อกับเมืองมิถิลา ทุกคนเมื่อได้ทราบเกียรติยศ เกียรติคุณของมโหสธ เป็นต้องเข้าไปทำการติดต่อขอรู้จัก และสนทนากับมโหสธอย่างสนิทสนม มโหสธบัณฑิตได้สนทนาไต่ถามพาณิชทุกคนจนรู้ว่า คนนั้นมาจากเมืองนั้น ๆ แล้วถามถึงสิ่งที่พระราชาในเมืองนั้น ๆ ชอบพระทัยจนรู้หมด
วันหนึ่ง มโหสธบัณฑิตได้เรียกทหารจำนวน ๑๐๑ คน มาพูดว่า "ท่านทั้งหลาย จงนำเครื่องบรรณาการที่เราจะมอบให้นี้ไปคนละเมือง รวม ๑๐๑ เมือง แล้วถวายบรรณาการแด่พระราชาในเมืองนั้น ๆ และขอให้ท่านอยู่เป็นทูตเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีเมืองละคน เมื่อใครไปอยู่เมืองใด ก็ขอให้คอยเฝ้าสังเกตดูความเคลื่อนไหวของกษัตริย์ในเมืองนั้น หากมีความเคลื่อนไหวในทางการเมืองอย่างไร ก็ขอให้ส่งข่าวมาให้เรารู้เป็นความลับ พวกท่านไม่ต้องเป็นห่วงทางบ้าน เราจะรับเลี้ยงบุตรและภรรยาของท่านเป็นอย่างดี ขอให้ท่านทั้งหลายจงปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายไปให้สมกับความไว้วางใจของเราเถิด"
เมื่อมโหสธเรียกทหารมาชี้แจงให้ทราบถึงหน้าที่ของตน ๆ ที่จะพึงปฏิบัติเสร็จแล้ว จึงจารึกอักษรลงในกุณฑล ฉลองพระบาท พระขรรค์ พระมาลาแล้วอธิษฐานว่า หากเรามีกิจที่จะต้องทำขึ้นเมื่อใด ขอให้อักษรเหล่านี้จงปรากฏเมื่อนั้น เมื่อตั้งสัตยาธิษฐานจบแล้ว จึงมอบบรรณาการเหล่านั้นแก่ทหาร ๑๐๑ ให้นำไปถวายพระราชาในเมืองนั้น ๆ เพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรี
ทหาร ๑๐๑ คนต่างรับบรรณาการไปตามเมืองที่ตนได้รับมอบหมาย ให้ไปอยู่ประจำ แล้วนำบรรณาการขึ้นทูลเกล้าถวายพระราชาเมืองนั้น ๆ เมื่อพระราชาแต่ละเมืองตรัสถามถึงการมาของตน ๆ ทหารก็กราบทูลว่า "มาเป็นทูตประจำในราชสำนัก" ตรัสถามว่า มาจากเมืองไหน ต่างก็ไม่ทูลไปตามตรง ทูลว่ามาจากเมืองอื่น เมื่อพระราชาเมืองนั้นทรงรับไว้ ต่างก็อยู่รับราชการในราชสำนักนั้น ๆ
.....................................
(ยังมีต่ออีก)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น