วันเสาร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2557

ชาติที่ ๕ พระมโหสธ (หน้า ๒๔)


ผู้ทรยศ  (ต่อ)

เพชฌฆาตรับคำสั่งแล้วได้ไปไขกุญแจเรือนจำ  นำอาจารย์ทั้ง  ๔  ออกมัดมือไพล่หลัง  นำออกนอกพระนคร  หวดด้วยไม้เรียวครั้งละ  ๔ เ ส้น  จนครบร้อย  แล้วนำไปยังตะแลงแกงสำหรับประหารชีวิต เตรียมการปักหลาวจะเอาอาจารย์ทั้ง  ๔  ขึ้นไปนอนหงาย

มโหสธมีความสงสารอาจารย์ทั้ง  ๔  จึงกราบทูลพระราชาว่า  "ข้าแต่สมมติเทพ  อาจารย์เหล่านี้เป็นอำมาตย์ชั้นผู้ใหญ่และเป็นคนเก่าอยู่ในราชสำนัก  ขอพระองค์ได้ทรงพระกรุณาโปรดงดโทษอาจารย์เหล่านั้นเถิด  พระพุทธเจ้าข้า"

พระราชาทรงเห็นแก่มโหสธบัณฑิต  จึงพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้งดการลงโทษอาจารย์ทั้ง  ๔  แล้วตรัสเรียกอาจารย์ทั้ง  ๔  มา  ทรงมีพระกระแสรับสั่งว่า  "เราขอให้อาจารย์ทั้ง  ๔  นี้เป็นทาส
ของมโหสธ  ตั้งบัดนี้เป็นต้นไป"

มโหสธกราบทูลว่า  "ขอเดชะ  พระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อม  ข้าพระพุทธเจ้าขอให้อาจารย์ทั้ง  ๔  พ้นจากความเป็นทาสและจงเป็นไท  ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป"

พระราชา  "ถ้าเช่นนั้น  อาจารย์ทั้ง  ๔  จะอยู่ในราชอาณาจักรของเราไม่ได้  จงออกไปให้พ้นจากราชอาณาจักรตั้งแต่บัดนี้"

มโหสธ  "ขอเดชะ  ข้าพระพุทธเจ้าขอพระบรมราชานุญาตอย่าได้ทรงขับไล่อาจารย์ทั้ง  ๔  ออกจากพระราชอาณาจักรเลย   และขอได้โปรดให้อาจารย์ทั้ง ๔  คงดำรงอยู่ในฐานันดรอย่างเดิมเถิด  พระเจ้าข้า"

พระราชาทรงเลื่อมใสในมโหสธมากที่มิได้มีความอาฆาตพยาบาทต่ออาจารย์ทั้ง  ๔  กลับขอให้อยู่ในตำแหน่งเดิมอีก  มโหสธเป้นผู้เปี่ยมด้วยเมตตากรุณาต่อคนไม่เลือกหน้า  คนเช่นนี้หาได้ยากอย่างยิ่ง พระราชาจึงได้พระราชทานทั้งยศ  ทั้งทรัพย์สมบัติแก่มโหสธมากมาย  ทั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาราชการ





มโหสธตระเตรียมพระนคร

มโหสธได้มาคำนึงดูว่า  ตนมีหน้าที่รับผิดชอบในราชการมาก  ทั้งเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยของพระเจ้าวิเทหราชเป็นอย่างมาก  จึงเห็นไม่ควรประมาทในอันที่จะจัดการป้องกันพระนครให้เข้มแข็ง  เมื่อคิดคำนึงดังนี้แล้ว  มโหสธจึงให้ก่อกำแพงน้อยใหญ่ภายในพระนคร  ทั้งทำหอรบไว้ที่ประตูเป็นระยะ ๆ  ขุดคู  ๓  คือ  คูน้ำ  คูเปือกตม  คูแห้ง  ซ่อมแซมเรือนเก่า ๆ  ภายในพระนคร  ให้ขุดสระโบกขรณีใหญ่และฝังท่อน้ำในวาระนั้น   เตรียมหาข้าวเปลือกมาใส่จนเต็มฉาง  ให้นำบัวสาย  บัวขาว  มาจากป่าหิมพานต์ปลูกลงในสระ  ล้างท่อน้ำให้สะอาดให้น้ำไหลผ่านสะดวก  ให้ซ่อมแซมศาลาที่พักนอกพระนคร  การที่มโหสธจัดการบำรุงเมืองเช่นนี้  ก็เพื่อป้องกันเหตุรายอันจะมาถึงโดยมิได้ประมาท





มโหสธส่งจารบุรุษไปประจำนครต่าง ๆ

บรรดาพาณิชซึ่งมาจากเมืองต่าง ๆ  มาทำการค้าขายติดต่อกับเมืองมิถิลา  ทุกคนเมื่อได้ทราบเกียรติยศ  เกียรติคุณของมโหสธ  เป็นต้องเข้าไปทำการติดต่อขอรู้จัก  และสนทนากับมโหสธอย่างสนิทสนม  มโหสธบัณฑิตได้สนทนาไต่ถามพาณิชทุกคนจนรู้ว่า  คนนั้นมาจากเมืองนั้น ๆ   แล้วถามถึงสิ่งที่พระราชาในเมืองนั้น ๆ  ชอบพระทัยจนรู้หมด

วันหนึ่ง  มโหสธบัณฑิตได้เรียกทหารจำนวน  ๑๐๑  คน  มาพูดว่า  "ท่านทั้งหลาย  จงนำเครื่องบรรณาการที่เราจะมอบให้นี้ไปคนละเมือง  รวม  ๑๐๑  เมือง  แล้วถวายบรรณาการแด่พระราชาในเมืองนั้น ๆ  และขอให้ท่านอยู่เป็นทูตเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีเมืองละคน  เมื่อใครไปอยู่เมืองใด  ก็ขอให้คอยเฝ้าสังเกตดูความเคลื่อนไหวของกษัตริย์ในเมืองนั้น  หากมีความเคลื่อนไหวในทางการเมืองอย่างไร  ก็ขอให้ส่งข่าวมาให้เรารู้เป็นความลับ  พวกท่านไม่ต้องเป็นห่วงทางบ้าน  เราจะรับเลี้ยงบุตรและภรรยาของท่านเป็นอย่างดี  ขอให้ท่านทั้งหลายจงปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายไปให้สมกับความไว้วางใจของเราเถิด"

เมื่อมโหสธเรียกทหารมาชี้แจงให้ทราบถึงหน้าที่ของตน ๆ  ที่จะพึงปฏิบัติเสร็จแล้ว  จึงจารึกอักษรลงในกุณฑล  ฉลองพระบาท  พระขรรค์  พระมาลาแล้วอธิษฐานว่า  หากเรามีกิจที่จะต้องทำขึ้นเมื่อใด  ขอให้อักษรเหล่านี้จงปรากฏเมื่อนั้น  เมื่อตั้งสัตยาธิษฐานจบแล้ว  จึงมอบบรรณาการเหล่านั้นแก่ทหาร  ๑๐๑ ให้นำไปถวายพระราชาในเมืองนั้น ๆ  เพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรี

ทหาร  ๑๐๑  คนต่างรับบรรณาการไปตามเมืองที่ตนได้รับมอบหมาย  ให้ไปอยู่ประจำ  แล้วนำบรรณาการขึ้นทูลเกล้าถวายพระราชาเมืองนั้น ๆ  เมื่อพระราชาแต่ละเมืองตรัสถามถึงการมาของตน ๆ  ทหารก็กราบทูลว่า  "มาเป็นทูตประจำในราชสำนัก"  ตรัสถามว่า มาจากเมืองไหน  ต่างก็ไม่ทูลไปตามตรง  ทูลว่ามาจากเมืองอื่น  เมื่อพระราชาเมืองนั้นทรงรับไว้  ต่างก็อยู่รับราชการในราชสำนักนั้น ๆ


.....................................


(ยังมีต่ออีก)














ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น