นกแก้วสืบความลับจากนางนกสาลิกา
มโหสธรู้ว่า พระราชากริ้ว ไม่รอที่จะให้ราชบุรุษมาไล่ตนออกไป จึงรีบกราบถวายบังคมลาพระราชา ลุกออกจากที่นั่งกลับไปบ้าน ถึงบ้านแล้วก็รำพึงอยู่คนเดียวว่า "พระราชาของเรานี่ ช่างไม่ทราบถึงในสิ่งที่เป็นประโยชน์และไม่เป็นประโยชน์แก่พระองค์เสียแลย มุ่งแต่จะทรงหวังพระราชธิดาของพระเจ้าจุลนีเท่านั้น ไม่ทรงทราบถึงภัยที่จะมาถึงเมื่อเสด็จไปกรุงปัญจาละ เราควรจะหาทางป้องกันพระองค์ แม้ว่าจะทรงกริ้ว เราก็ไม่ควรจะถือเป็นเหตุสำคัญ เพราะพระองค์ทรงมีอุปการะแกเรามาก" เมื่อรำพึงดังนี้แล้ว จึงนึกหาวิธีที่จะช่วยเหลือป้องกันพระมหากษัตริย์ และทำอย่างไรจึงจะรู้อุบายของพระเจ้าจุลนีและเกวัฏที่วางแผนการในเรื่องนี้ เมื่อตรึกตรองหาช่องทางก็นึกได้ถึงข้อความที่ทูตทหารซึ่งวางประจำไว้ที่ปัญจาลนครเคยส่งข่าวบอกมาว่า วันหนึ่ง พระเจ้าจุลนีกับเกวัฏไปปรึกษาราชการกันถึงห้องบรรทมอยู่กันสองต่อสอง จึงยากที่จะรู้ได้ว่า ปรึกษาเรื่องอะไรกัน เพราะที่ห้องบรรทมไม่มีใครเข้าไปได้เลย มีแต่นางนกสาลิกาซึ่งเลี้ยงไว้ในห้องพระบรรทมเท่านั้นที่จะรู้เรื่อง
เมื่อมโหสธนึกขึ้นได้ดังนี้ จึงคิดจะส่งนกแก้วแสนรู้ไปสืบความลับจากนางนกสาลิกา
วันหนึ่ง มโหสะได้เรียกนกแก้วมาแล้วพูดว่า "แน่เจ้าผู้มีปีกเขียวขจี ณ ห้องบรรทมของพระเจ้าจุลนีแห่งปัญจาลนคร มีนางนกสาลิกาอยู่ตัวหนึ่ง เป็นนางนกที่ฉลาดมาก เราขอให้เจ้าไปที่นั่น ไปทำความสนิทสนมกับนางนกสาลิกา แล้วถามความลับกับนางนกสาลิกาโดยละเอียด เพราะนางนกรู้ความลับทั้งหมดของพระเจ้าจุลนีกับเกวัฏเป็นอย่างดี"
นกแก้วแสนรู้รับคำมโหสธ แล้วก็บินโผออกจากเรือน มุ่งไปที่อยู่ของนางนกสาลิกา ณ ปัญจาลนคร พอถึงก็แอบเข้าทางช่องพระแกล ไปจับกรงทองซึ่งมีนกสาลิกาอยู่ เริ่มปราศรัยตามภาษานกว่า
"แน่ะเจ้าผู้มีกรงทอง สีสวย พูดไพเราะ เจ้าพออดทน
อยู่ในกรงงามดอกหรือ เจ้าผาสุกสบายตามเพศดอกหรือ
เจ้ามีข้าวตอกกับน้ำผึ้งบริบูรณ์ดอกหรือ ?"
นางนกสาลิกาตอบว่า
"ท่านนกแก้วผู้มีสีสวยสดใส ข้ามีความผาสุกสบาย
ตามอัตภาพ ข้าวตอกกับน้ำผึ้งข้าก็มีเพียงพอ
ข้าขอถามท่านบ้างว่า ท่านมาจากไหน หรือใครใช้ให้
ท่านมา แต่ก่อนแต่ไรข้าไม่เคยเห็นท่านเลย ?"
นกแก้วได้ฟังนางนกสาลิกาถามดังนั้น จึงคิดว่า "ถ้าเราบอกว่า เรามาจากมิถิลานคร นางนกสาลิกาคงไม่ให้ความสนิสนมกับเราเป็นแน่ เราควรบอกมาจากเมืองอื่น เพื่อประโยชน์ในทางสืบความลับ คิดดังนั้นแล้ว นกแก้วจึงบอกว่า
"ข้าอยู่บนปราสาทของพระเจ้าสิวิราชแห่งอริฏฐปุระ
พระราชาทรงโปรดให้ปล่อยสัตว์ทั้งหลายที่ถูกขัง ข้าได้
ออกจากกรงทองซึ่งเปิดอยู่ตลอดเวลาเที่ไปในที่ต่าง ๆ
แล้วก็กลับเข้ากรงทอง ข้ามิได้อยู่ในกรงทอง ตลอดเวลาเหมือนเจ้า"
นางนกสาลิกาถามว่า "ท่านมาแต่เมืองไกล มาถึงนี่เพื่อประสงค์อะไร ?"
นกแก้วต้องการสืบความลับ ยังไม่บอกตรง ๆ ถึงความประสงค์ที่มาเสพูดอย่างอื่นว่า
"ข้ามีนางนกสาลิกานางหนึ่งเป็นภรรยา เหยี่ยวตัวหนึ่ง
ได้มาฆ่านางนกสาลิกาภรรยาข้าในตำหนักยอด ต่อหน้าข้า
ผู้มองดูอยู่ในกรงงาม หมดทางช่วยเหลือได้ ข้ารักและสงสาร
นางนกสาลิกาภรรยาข้ามาก"
นางนกสาลิกาขอให้นกแก้วเล่าเรื่องเหยี่ยวฆ่าสาลิกาภรรยาของเขา
นกแก้วจึงเล่าให้ฟังว่า "วันหนึ่ง ข้าและภรรยาตามเสด็จพระราชาไปในการสรงสนาน ณ แม่น้ำตกแห่งหนึ่ง ตอนเสด็จกลับ ข้าและภรรยาก็ได้ตามกลับมาด้วย แล้วขึ้นไปบนปราสาทพร้อมกับพระราชา ขณะนั้น มีเหยี่ยวตัวหนึ่งโผลงมาโฉบข้าและภรรยา ข้าบินหนีเข้ากรงทองได้ แต่ภรรยาของข้ากำลังมีครรภ์แก่ บินหนีไม่ทัน เหยี่ยวจึงเฉี่ยวภรรยาของข้าไปต่อหน้า ข้าร้องไห้ด้วยความสงสารและอาลัยในภรรยาของข้า จนไม่เป็นอันกินอันนอน
"พระราชาของข้าทอดพระเนตรเห็นข้าร้องไห้ จึงตรัสถามว่า 'เจ้านกแก้วเอ๋ย เจ้าร้องไห้ทำไม ?' ข้ากราบทูลว่า 'ข้าแต่พระองค์ เหยี่ยวได้มาเฉี่ยวสาลิกาภรรยาของข้าพระองค์ไปกินเสียแล้ว พระเจ้าข้า' พระราชารับสั่งว่า "เจ้าอย่าร้องไห้ไปเลย จงไปหานางนกสาลิกาอื่นมาเป็นภรรยาใหม่เถิด" ข้ากราบทูลว่า 'ข้าแต่พระองค์ ข้าไม่ต้องการมีภรรยาใหม่อีกแล้ว เพราะภรรยาใหม่อาจไม่มีศีลพร้อมสัตย์และมารยาท เหมือนสาลิกาภรรยาเก่าของข้าพระพุทธเจ้าก็ได้ ข้าพระพุทธเจ้าพอใจจะอยู่คนเดียว พระเจ้าข้า' พระราชารับสั่งว่า 'เจ้านกแก้ว เจ้าอย่านึกว่า สาลิกาอื่นจะไม่ดีเหมือนภรรยาของเจ้า ข้าได้เห็นนกสาลิกาตัวหนึ่งเพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติ เช่นเดีวยวกับภรรยาเจ้า อยู่ที่ห้องบรรทมของพระเจ้าจุลนีพรหมทัต แห่งอุตรปัญจาลนคร เจ้าจงไปที่นั่น ฟังน้ำใจเขาดู ถ้าตกลงปลงใจกันอย่างไร เจ้าจงกลับมาบอกข้า ข้าจะจัดพิธีสู่ขอนางนกสาลิกากับพระเจ้าจุลนีพรหมทัตนำมาให้อยู่กับเจ้า ขอให้เจ้าจงรีบไปเถิด' ข้าดีใจมาก จึงทูลลาพระราชาของข้ามา ณ ที่นี้ ก็ด้วยเหตุดังที่ข้าเล่าให้ฟังนี้แหละ หวังว่าเจ้าคงทราบความประสงค์ในการมาของข้าครั้งนี้ดีแล้วนะ"
นางนกสาลิกาได้ฟังคำนกแก้วก็ดีใจ แต่ทำเป็นไม่สนใจในคำของนกแก้ว ทำกระบิดกระบวนอิด ๆ
ออด ๆ ไปตามมารยา พูดว่า
"ธรรมดานกแก้วก้็ป็นนกในตระกูลหนึ่ง ควรสมสู่
อยู่กับนางนกแก้วซึ่งเป็นนกในตระกูลเดียวกัน นกสาลิกา
จึงควรอยู่กับนางนกสาลิกา แต่นกแก้วจะมาสมสู่อยู่
กับนางนกสาลิกาซึ่งผิดตระกูลกันนั้น จะดูกระไรอยู่"
นกแก้วรู้เชิงนางนกสาลิกาดี จึงพูดว่า
"ข้อที่เจ้าพูดมานั้นไม่สำคัญ ม้ากับฬา กินรีกับดาบส
วานรกับคน ยังอยู่ร่วมกันได้ ซึ่งก็ต่างตระกูลต่างกำเนิด
กันแท้ ๆ นับประสาอะไรกับเราทั้งสอง ซึ่งเป็นนกด้วยกัน
จะอยู่ร่วมกันไม่ได้"
นางนกสาลิกาพูดต่อไปว่า "ข้ายังไม่ไว้ใจท่าน กลัวว่าท่านจะมาพูดหว่านล้อมให้ข้าตายใจ พอสมใจท่านแล้วก็จะทิ้งข้าไป"
นกแก้วฉลาดในมายาสตรีจึงพูดว่า
"เอาเถอะ แม่นางนกสาลิกา เมื่อเจ้าเห็นว่า ข้า
ไม่คู่ควรแก่เจ้า เจ้าก็ไม่ไว้ใจข้า ข้าก็จะขอลาละ ข้าเสียใจ
ที่เจ้าดูหมิ่นข้า"
นางนกสาลิกาได้ฟังคำนกแก้วเช่นนั้น เข้าใจว่านกแก้วโกรธจะกลับไปจริง รู้สึกปานประหนึ่งว่าหัวใจจะแตก เพราะนางก็ปรารถนานกแก้วอยู่ตั้งแต่เริ่มเห็น แต่ที่ต้องทำกระบิดกระบวนอยู ก็ด้วยเชิงกลของสตรี ครั้นเห็นนกแก้วจะไปจริง นางสาลิกาจึงพูดว่า
"ข้าแต่นกแก้วผู้มีขนปีกงาม ปากงาม ขอให้ท่าน
ฟังคำข้าก่อน ธรรมดาสิริย่อมไม่อยู่แก่ผู้ด่วนได้ ใจเร็ว ท่าน
จงอยู่ที่นี่ไปก่อนเถิด ท่านจะได้ฟังเสียงมโหรีปี่พาทย์
และเสียงขับร้องของนารีทรงรูปโฉม และท่านจะได้เห็น
สิริวิลาสโสภาคของพระเจ้าจุลนี ในเวลาเย็นวันนี้"
นกแก้ว เมื่อเห็นว่านางนกสาลิกามีความสมัครรักใคร่ หวังให้อยู่ได้เชยชิด ปราศจากมารยา เช่นนั้น
แล้วก็ดีใจ ทั้งสองจึงได้สมสู่สมัครสังวาลกันในตอนเย็นวันนั้นเอง
เมื่อสำเร็จความประสงค์ในอันดับแรกแล้ว นกแก้วจึงคิดตามแผนการขั้นต่อไป คือ คิดจะสืบถามความลับกับนางนกสาลิกา พอได้โอกาสจึงพูดว่า "แม่สาลิกายอดรักจ๋า ข้ามีเรื่องจะถามเจ้าสักอย่าง แต่วันนี้ยังไม่ถาม เพราะวันนี้เป็นวันมงคลระหว่างเราทั้งสอง เอาไว้วันหน้าเถิด"
นางนกสาลิกาตอบว่า "ที่รัก ถ้าเรื่องที่ท่านถามนั้นเป็นมงคล ก็จงถามมาเถิด ไม่ต้องรอไปวันหน้า ถ้าเป็นอัปมงคลก็อย่าเพิ่งถามเลย"
นกแก้วบอกว่า "ยอดรัก เรื่องนี้เป็นมงคล ถ้าเจ้าอนุญาตให้ถามข้าก็จะถามเดี๋ยวนี้"
นางนากสาลิกา "ถามไปเถิด"
นกแก้วพูดว่า
"ข้าได้ยินมหาชนตามชนบทเขาพากกันโจษจันอยู่
เซ็งแซ่ ว่าพระนางปัญจาลจันทีราชธิดาของพระเจ้าจุลนี
ทรงมีพระรูปพระโฉมงดงามยิ่งนัก พระราชบิดาจัก
พระราชทานแก่พระเจ้าวิเทหราชกษัตริย์มิถิลานคร
และกำลังจะกำหนดวันอภิเษกกันอยู่แล้ว เรื่องนี้เ็น
ความจริงหรือ ?"
นางนกสาลิกามีอาการตกตะลึงพูดว่า "ที่รัก ทำไมท่านจึงมากล่าวเรื่องอัปมงคล ในวันเป็นมงคลของเราอย่างนี้เล่า"
นกแก้วพูดว่า "ยอดรัก ข้าว่าเรื่องนี้เป็นมงคล ทำไมเจ้าจึงว่าเป็นอัปมงคล"
นางนกสาลิกาพูดว่า "ที่รัก ตามเรื่องของเรื่องก็ดูเป็นมงคลดอก แต่ภายหลังจะกลายเป็นอัปมงคลไป"
..................................
(ยังมีต่ออีก)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น