พระเจ้าวิเทหราชเสด็จไปอุตรปัญจาลนคร
เมื่อการก่อสร้างตามแผนการของมโหสธเสร็จเรียบร้อยแล้ว มโหสธจึงส่งทูตไปเชิญเสด็จพระเจ้าวิเทหราชให้เสด็จไปได้แล้ว
พระเจ้าวิเทหราชทรงมีพระกมลชื่นชมโสมนัสเป็นอย่างยิ่ง ได้เสด็จออกจามิถิลานครพร้อมด้วยเหล่าจาตุรงคเสนา
มโหสธได้ออกไปรับที่ฝั่งคงคา เมื่อขบวนเสด็จถึงจึงนำเข้าสู่นครที่ตนสร้าง
พระเจ้าวิเทหราชเสด็จไปยังปราสาทอันมโหฬารตระการตา ประทับพักอยู่พอสมควร เวลาเย็นทรงส่งราชชทูตนำพระราชสาสน์ไปถวายพระเจ้าจุลนีพรหมทัตว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐ ข้าพระุทธเจ้าวิเทหราชกษัตริย์แห่งมิถิลานครแคว้นวิเทหะ มาเพื่อถวายบังคมพระองค์ ขอพระองค์ทรงประทานราชธิดา พร้อมด้วยหมู่สาวสรรกำนันในแก่ข้าพเจ้าในบัดนี้เถิด"
พระเจ้าจุลนีได้สดับสาสน์ของพระเจ้าวิเทหราชตามที่ทูตนำมาถวายแล้วนั้น ทรงปรีดาปราโมทย์เป็นที่ยิ่ง ดำริว่า "ปัจจามิตรร้ายของเราจะหนีจากเงื้อมมือเราไม่พ้นแล้ว เราจะตัดศีรษะเสียทั้งสอง (คือพระเจ้าวิเทหราชกับมโหสธ) แล้วจะดื่มชัยบาน" ทรงทำเป็นแสดงอาการชื่นชมโสมนัสต่อหน้าทูตและพระราชทานรางวัลแก่ทูตตามสมควร แล้วพระองค์ก็ให้ทูตนำพระราชสาสน์ตอบของพระองค์ไปถวายพระเจ้าวิเทหราช ในสาสน์นั้นมีใจความว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงพระนามว่า วิเทหราช พระองค์เสด็จมาดีแล้ว เสด็จมาแต่ไกลก็เหมือนใกล้ พระองค์จงทรงตรวจหาฤกษ์ เพื่อทำพิธีอาวาหมงคลเถิด ข้าพเจ้าพร้อมที่จะถวายราชธิดา พร้อมด้วยสาวสรรกำนัลในแก่พระองค์ในบัดนี้แล้ว"
พระเจ้าวิเทหราชได้ทรงอ่านสาสน์ของพระเจ้าจุลนีเสร็จแล้ว พระองค์จึงมีพระทัยใคร่ได้ราชธิดาปัญ
จาลจันที โดยมิชักช้า จึงตรัสแก่ทูตให้ไปกราบทูลว่า "วันนี้แหละฤกษ์ดีแล้ว ขอให้ส่งราชธิดามาเถิด"
พระเจ้าจุลนีได้สดับดังนั้น จึงตรัสลวงว่า "เราจะส่งไปเดี๋ยวนี้" ทรงให้ทูตรีบไปทูลพระเจ้าวิเทหราช
เมื่อทูตไปแล้ว พระเจ้าจุลนีจึงให้สัญญาณแก่พระราชา ๑๐๑ พร้อมด้วยทหารหลายแสนคนที่เตรียมไว้ก่อนแล้วให้ออกรบ ตรัสสำทับไปว่า "วันนี้พวกเราจะตัดเศียรข้าศึกทั้งสอง พรุ่งนี้จักได้ดื่มชัยบานกัน"
พระราชา ๑๐๑ พร้อมด้วยทหาร ก็เคลื่อนขบวนทัพออกไปตามรับสั่ง
พระเจ้าจุลนีเมื่อจะเสด็จออกทำยุทธสงคราม ได้ให้พระนางสลากเทวีพระราชมารดา พระนางนันทาเทวีพระอัครมเหสี ปัญจาลจันทกุมารราชโอรส พระนางปัญจาลจันทีพระราชธิดา รวม ๔ พระองค์ ประทับอยู่ในตำหนักเดียวกันพร้อมด้วยนางสนม เสร็จแล้วพระองค์จึงเสด็จออกทำสงคราม ทรงจัดทหารล้อมนครที่พระเจ้าวิเทหราชประทับติดต่อกัน ๓ ขั้น มีคนจุดคบเพลิงนับด้วยแสน ๆ พออรุณขึ้นก็เตรียมยึดเมือง
มโหสธบัณฑิตครั้นทราบว่า พระเจ้าจุลนียกกองทัพมาล้อมนครที่ตนสร้างไว้โดยรอบแล้ว จึงเรียกทหาร ๓๐๐ คน มาสั่งว่า "พวกท่านจงไปตามทางอุโมงค์ ไปจับพระราชมารดา มเหสี ราชบุตร ราชธิดาของพระเจ้าจุลนี แล้วกลับมาทางอุโมงค์ ให้อยู่ในประตูอุโมงค์ ตั้งกองรักษาไว้ให้แข็งแรงจนกว่าเราจะกลับมา จึงค่อยนำออกจากอุโมงค์
ทหารเมื่อได้รับคำสั่งของมโหสธ จึงไปทางอุโมงค์ เปิดไม้ที่มโหสธให้ลาดไว้ที่เชิงบันได ขึ้นไปจับคนรักษาเชิงบันได คนรักษาตำหนัก นางบำเรอ นางค่อม นางแคระและคนอื่น ๆ ทั้งหมด มัดมือมัดเท้า เอาผ้าปิดปากไม่ให้มีเสียง แล้วก็ชวนกันกินเครื่องเสวยที่จัดไว้ถวายพระเจ้าจุลนี เททิ้งของที่เหลือไว้เกลื่อนกลาด ทุบทำลายภาชนะจนแตกเสียหายไปทั้งหมด เสร็จแล้วขึ้นไปบนปราสาท เคาะประตูร้องเรียก
พระนางสลากเทวี จึงเปิดประตูออกมาตรัสถามว่า "พ่อมาทำไมกัน ?"
ทหารเหล่านั้นจึงเสแสร้งกราบทูลว่า "ข้าแต่พระแม่เจ้า พระเจ้าวิเทหราชกับมโหสธถูกพระราชาและทหารของเราจับฆ่าเสียแล้ว คราวนี้แหละพระเจ้าจุลนีพรหมทัตจะได้เป็นเอกอัครมหาราช ครอบครองราชสมบัติในสกลชมพูทวีปโดยสิ้นเชิง ขณะนี้ กำลังเตรียมการดื่มชัยบาน ฉลองชัยชนะด้วยพระเกียรติอันยิ่งใหญ่ พระราชจุลนีได้รับสั่งให้ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย มารับเสด็จไปในพิธีดื่มชัยบานทั้ง ๔ พระองค์ พระเจ้าข้า"
พระนางสลากเทวีทรงเชื่อสนิท จึงชวนพระนางนันทาเทวี ปัญจาลจันทกุมาร ปัญจาลจันทีราชธิดา ออกจากพระตำหนักไปถึงเชิงบันได ทหารเหล่านั้นก็นำเสด็จเข้าไปทางอุโมงค์
พระนางสลากเทวีทรงสงสัยที่มีอุโมงค์ จึงตรัสว่า "ข้าอยู่ที่นี่มาช้านานแล้ว ยังไม่เคยลงมาทางนี้เลย"
ทหารกราบทูลว่า "ข้าแต่พระแม่เจ้า ทางนี้เป็นทางมงคล ไม่ได้เปิดสำหรับคนทั่วไป หรือเปิดประจำ เปิดเฉพาะคนที่มีเกียรติสูง และเฉพาะวันที่เป็นมงคลเท่านั้น วันนี้เป็นวันมงคล พระราชาจุลนีจะทรงทำพิธีดื่มชัยบาน จึงได้เปิดสำหรับพระองค์ทั้ง ๔ เพื่อเสด็จในพิธีนี้"
พระนางสลากเทวี พร้อมด้วยองค์อื่น ๆ ทรงเชื่อว่าเป็นความจริงจึงเสด็จดำเนินไปตามอุโมงค์
ทหารบางพวกนำเสด็จไป บางพวกกลับไปเปิดพระคลังในราชนิเวศน์ เก็บพระราชทรัพย์ไปตามปรารถนา
พระนางสลากเทวีพร้อมด้วยราชวงศ์ทั้ง ๓ พระองค์ เมื่อเดินเข้าอุโมงค์ ทรงรู้สึกเป็นเหมือนเทพสภา สำคัญว่าจัดไว้สำหรับพระราชา
ทหารได้นำเสด็จพระราชวงศ์ทั้ง ๔ พระองค์ ไปประทับอยู่ภายในอุโมงค์ใกล้คงคา แบ่งทหารออกเป็น ๒ พวก พวกหนึ่งอยู่เฝ้ารักษา พวกหนึ่งไปแจ้งเรื่องที่นำพระราชวงศ์ทั้ง ๔ มาให้มโหสธทราบ
มโหสธดีใจมากที่แผนการของตนได้สำเร็จไปแล้วขั้นหนึ่ง จึงไปเฝ้าพระเจ้าวิเทหราชพร้อมด้วย
อาจารย์ทั้ง ๔
พระเจ้าวิเทหราชทรงกระหยิ่มพระทัย ที่หวังจะได้เชยชมราชธิดาของพระเจ้าจุลนี ทรงฟังทูตมากราบ
พระราชา ๑๐๑ พร้อมด้วยทหาร ก็เคลื่อนขบวนทัพออกไปตามรับสั่ง
พระเจ้าจุลนีเมื่อจะเสด็จออกทำยุทธสงคราม ได้ให้พระนางสลากเทวีพระราชมารดา พระนางนันทาเทวีพระอัครมเหสี ปัญจาลจันทกุมารราชโอรส พระนางปัญจาลจันทีพระราชธิดา รวม ๔ พระองค์ ประทับอยู่ในตำหนักเดียวกันพร้อมด้วยนางสนม เสร็จแล้วพระองค์จึงเสด็จออกทำสงคราม ทรงจัดทหารล้อมนครที่พระเจ้าวิเทหราชประทับติดต่อกัน ๓ ขั้น มีคนจุดคบเพลิงนับด้วยแสน ๆ พออรุณขึ้นก็เตรียมยึดเมือง
มโหสธบัณฑิตครั้นทราบว่า พระเจ้าจุลนียกกองทัพมาล้อมนครที่ตนสร้างไว้โดยรอบแล้ว จึงเรียกทหาร ๓๐๐ คน มาสั่งว่า "พวกท่านจงไปตามทางอุโมงค์ ไปจับพระราชมารดา มเหสี ราชบุตร ราชธิดาของพระเจ้าจุลนี แล้วกลับมาทางอุโมงค์ ให้อยู่ในประตูอุโมงค์ ตั้งกองรักษาไว้ให้แข็งแรงจนกว่าเราจะกลับมา จึงค่อยนำออกจากอุโมงค์
ทหารเมื่อได้รับคำสั่งของมโหสธ จึงไปทางอุโมงค์ เปิดไม้ที่มโหสธให้ลาดไว้ที่เชิงบันได ขึ้นไปจับคนรักษาเชิงบันได คนรักษาตำหนัก นางบำเรอ นางค่อม นางแคระและคนอื่น ๆ ทั้งหมด มัดมือมัดเท้า เอาผ้าปิดปากไม่ให้มีเสียง แล้วก็ชวนกันกินเครื่องเสวยที่จัดไว้ถวายพระเจ้าจุลนี เททิ้งของที่เหลือไว้เกลื่อนกลาด ทุบทำลายภาชนะจนแตกเสียหายไปทั้งหมด เสร็จแล้วขึ้นไปบนปราสาท เคาะประตูร้องเรียก
พระนางสลากเทวี จึงเปิดประตูออกมาตรัสถามว่า "พ่อมาทำไมกัน ?"
ทหารเหล่านั้นจึงเสแสร้งกราบทูลว่า "ข้าแต่พระแม่เจ้า พระเจ้าวิเทหราชกับมโหสธถูกพระราชาและทหารของเราจับฆ่าเสียแล้ว คราวนี้แหละพระเจ้าจุลนีพรหมทัตจะได้เป็นเอกอัครมหาราช ครอบครองราชสมบัติในสกลชมพูทวีปโดยสิ้นเชิง ขณะนี้ กำลังเตรียมการดื่มชัยบาน ฉลองชัยชนะด้วยพระเกียรติอันยิ่งใหญ่ พระราชจุลนีได้รับสั่งให้ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย มารับเสด็จไปในพิธีดื่มชัยบานทั้ง ๔ พระองค์ พระเจ้าข้า"
พระนางสลากเทวีทรงเชื่อสนิท จึงชวนพระนางนันทาเทวี ปัญจาลจันทกุมาร ปัญจาลจันทีราชธิดา ออกจากพระตำหนักไปถึงเชิงบันได ทหารเหล่านั้นก็นำเสด็จเข้าไปทางอุโมงค์
พระนางสลากเทวีทรงสงสัยที่มีอุโมงค์ จึงตรัสว่า "ข้าอยู่ที่นี่มาช้านานแล้ว ยังไม่เคยลงมาทางนี้เลย"
ทหารกราบทูลว่า "ข้าแต่พระแม่เจ้า ทางนี้เป็นทางมงคล ไม่ได้เปิดสำหรับคนทั่วไป หรือเปิดประจำ เปิดเฉพาะคนที่มีเกียรติสูง และเฉพาะวันที่เป็นมงคลเท่านั้น วันนี้เป็นวันมงคล พระราชาจุลนีจะทรงทำพิธีดื่มชัยบาน จึงได้เปิดสำหรับพระองค์ทั้ง ๔ เพื่อเสด็จในพิธีนี้"
พระนางสลากเทวี พร้อมด้วยองค์อื่น ๆ ทรงเชื่อว่าเป็นความจริงจึงเสด็จดำเนินไปตามอุโมงค์
ทหารบางพวกนำเสด็จไป บางพวกกลับไปเปิดพระคลังในราชนิเวศน์ เก็บพระราชทรัพย์ไปตามปรารถนา
พระนางสลากเทวีพร้อมด้วยราชวงศ์ทั้ง ๓ พระองค์ เมื่อเดินเข้าอุโมงค์ ทรงรู้สึกเป็นเหมือนเทพสภา สำคัญว่าจัดไว้สำหรับพระราชา
ทหารได้นำเสด็จพระราชวงศ์ทั้ง ๔ พระองค์ ไปประทับอยู่ภายในอุโมงค์ใกล้คงคา แบ่งทหารออกเป็น ๒ พวก พวกหนึ่งอยู่เฝ้ารักษา พวกหนึ่งไปแจ้งเรื่องที่นำพระราชวงศ์ทั้ง ๔ มาให้มโหสธทราบ
มโหสธดีใจมากที่แผนการของตนได้สำเร็จไปแล้วขั้นหนึ่ง จึงไปเฝ้าพระเจ้าวิเทหราชพร้อมด้วย
อาจารย์ทั้ง ๔
พระเจ้าวิเทหราชทรงกระหยิ่มพระทัย ที่หวังจะได้เชยชมราชธิดาของพระเจ้าจุลนี ทรงฟังทูตมากราบ
ทูลว่า "พระเจ้าจุลนีจะส่งราชธิดามาคืนนี้และเดี๋ยวนี้" จึงเสด็จลุกจากราชบัลลังก์ ทอดพระเนตรไปทางช่องพระแกล เห็นรอบ ๆ พระนครมีแสงสว่างด้วยคบเพลิงนับตั้งหลายแสนดวง มีกองทัพมหึมาล้อมรอบพระนคร ทรงรู้สึกฉงนสนเท่ห์ในพระทัย รำพึงว่า "นั่นมันอะไรกัน เราไม่เข้าใจ ทำไมถึงได้เตรียมการกันถึงเพียงนี้ หรือจะมีอะไรเกิดขึ้นอีก" จึงตรัสถามเสนกะว่า
"อาจารย์เสนกะ กองทัพหุ้มเกราะซึ่งประกอบด้วย
กองช้าง กองมัา กองรถ กองราบ มาล้อมพระนคร
อยู่โดยรอบ มีแสงเพลิงสว่างไสวนั้นน เขามีประสงค์
อย่างไร คือ จะมาดี หรือมาร้าย ?"
เสนกะกราาบทูลวา "ขอเดชะ ขอพระองค์อย่าได้ทรงพระวิตกไปเลย ข้าพระพุทธเจ้าคิดด้วยเกล้าว่า อาจเป็นกองเกียรติยศ ซึ่งพระเจ้าจุลนีจัดไว้ เนื่องในการประกอบพิธีอภิเษกสมรสระหว่างพระองคกับพระราชธิดาของพระเจ้าจุลนีก็เป็นได้ พระเจ้าข้า"
"อาจารย์ปุกกุสะเล่า เห็นอย่างไร ?" ทรงรับสั่งถามปุกกุสะ
ปุกกุสะกราบทูลว่า "เป็นกองเกียรติยศที่พระเจ้าจุลนี ทรงจัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแต่พระองค์ พระเจ้าข้า"
อาจารย์อื่น ๆ ก็กราบทูลตามความคิดเห็นของตน
พระเจ้าวิเทหราชเมื่อได้สดับเสียงอึงคนึงในกองทัพสั่งกันว่า "ทหารเหล่านั้น จงไปตั้งกองอยู่ทางด้านนั้น ๆ และให้ทุกเหล่าเตรียมพร้อมไว้เสมออย่าประมาท คองฟังคำสั่งผู้บัญชาจะสั่งประการใด" ทั้งทรงเห็นทหารทุกเหล่าหุ้มเกราะดูท่าทางฮัดฮัด ทำทีคลายจะบุกทำลายพระนครให้พินาศไปในพริบตา ก็ทรงสะดุ้งพระทัย หวาดหวั่นเกรงว่าขะเป็นอุบายของพระเจ้าจุลนีหลอกเอามาทำร้าย เพื่อให้แน่พระทัยในเหตุการณ์นั้นจึงตรัสถามมโหสธว่า "พ่อมโหสธบัณฑิตลูกรัก พ่อเป็นอย่างไร จะมีอะไรเกิดขึ้นแก่เราในทางดีหรือร้าย ?"
.......................................
(ยังมีต่ออีก)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น