วันพฤหัสบดีที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ชาติที่ ๙ พระวิธุรบัณฑิต (หน้า ๘)


พระราชาได้สดับดังนั้นจึงตรัสว่า  "ท่านวิธุระ  ท่านไม่ไปนั่นแหละเป็นที่พอใจเรา  เราจะให้จับมาณพไปฆ่าเสีย  แล้วปกปิดเนื้อความให้มิดชิด  ท่านจงอยู่ที่นี่แล้วทำอย่างนี้  จึงพอใจเรา  ท่านอย่าไปเลยนะ"

วิธุรบัณฑิต  "ขอเดชะ  ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท  พระองค์อย่าทรงตั้งพระราชหฤทัยไว้ในความชั่ว  ที่ไม่เป็นบุญไม่เป็นประโยชน์เลย  พระเจ้าข้า  ขอได้ทรงมั่นอยู่ในทางที่เป็นประโยชน์และสุจริตธรรมเถิด  อกุศลกรรมไม่ใช่สิ่งประเสริฐ  บัณฑิตสอนว่า  ความชั่วเป็นกิจที่ไม่ควรทำ  บัดนี้ข้าพระองค์ก็ตกเป็นทาสของมาณพแล้ว  เขาย่อมมีสิทธิ์จะทำอย่างไรก็ได้  ขอพระองค์จงทรงตั้งพระหฤทัยให้เที่ยงธรรม  ซึ่งเป็นทางเดียวที่ดีที่สุด  พระเจ้าข้า"

เมื่อกราบทูลดังนั้นแล้ว  วิธุรบัณฑิตจึงถวายบังคมลาออกจากพระราชนิเวศน์  ขณะนั้น  ชาวพระนครมากมายได้มาประชุมกันแน่นอยู่นอกพระราชนิเวศน์  และโจษขานกันเซ็งแซ่ว่า  "วิธุรบัณฑิตไปแล้ว ๆ" วิธุรบัณฑิตจึงหยุดปราศรัยให้โอวาทว่า  "ท่านพ่อแม่ญาติมิตรทั้งหลาย  อย่าคิดวิตกไปเลยให้ป่วยการ  สิ่งทั้งมวลล้วนไม่เที่ยง  แม้สังขารร่างกายของเราเองก็ไม่มีอะไรยั่งยืน  ยศศักดิ์เป็นสมบัติที่มีวิบัติเป็นที่สุด  ข้อสำคัญท่านทั้งหลายจงเป็นผู้ไม่ประมาทในบุญกุศลทุกอย่าง  บำเพ็ญทานรักษาศีลไว้ได้  จะได้ผลดีเป็นทวีคูณ  คือ  จะมีความสงบสุขทั้งในวันนี้และวันหน้า  ตลอดภพนี้และภพหน้า  นี่แหละเป็นของแน่นอนยั่งยืนแท้จริง"  กล่าวแล้วก็บ่ายหน้ากลับเรือนของตน

ขณะนั้น  ธรรมปาลกุมารพาหมู่น้อง ๆ  ออกมาคอยรับบิดาอยู่ที่ประตูบ้าน  วิธุรบัณฑิตเห็นแล้วไม่อาจกลั้นความโศกไว้ได้  ตรงเข้าสวมกอดไว้แนบอกแล้วอุ้มไปเรือน

"ดุูก่อนเจ้าปราชญ์  เมื่อสั่งสอนบุตรภรรยาและคนอาศัยเสร็จแล้ว  ก็จงรีบมาเถอะ  หนทางที่จะไปยังอีกไกลนัก  อย่าชักช้าอยู่เลย  จับหางม้าเข้าสิไม่ต้องกลัว"  ปุณณกยักษ์เตือน

"ดูก่อนมาณพ  เราพร้อมแล้ว  และไม่กลัวอะไรเลย"  วิธุรบัณฑิตกล่าวด้วยเสียงปรกติ

"เพราะเหตุใดจึงไม่กลัว ?"  ปุณณกยักษ์ถาม

"เพราะเราเป็นคนไม่ทำความชั่วทั้งทางกาย  ทางวาจาและทางใจ  ไม่มีเหตุอันใดที่นำไปสู่ทุคติ  จะสะดุ้งหวาดกลัวทำไมเล่า"  วิธุรบัณฑิตกล่าวอย่างองอาจ  แล้วอธิษฐานว่า  ขอผ้านุ่งของเรานี้จงอย่าหลุดลุ่ยออกจากร่างกายเป็นอันขาด  แล้วนุ่งผ้าให้แน่น  จับหางม้าสองมือ  สองเท้าเกี่ยวขาม้าแน่นแล้วพูดว่า  "ดูก่อนท่านมาณพ  ข้าพเจ้าพร้อมแล้ว  ไปได้"

ปุณณกยักษ์ขับม้าพาพระวิธุระเหาะไปในอากาศอย่างรวดเร็ว  พลางก็คิดว่า  ควรจะทุบวิธุระนี้ให้ตายแล้วแหวะเอาหัวใจไป  ส่วนศพจะทิ้งที่ซอกเขา  คิดแล้วขับม้าเล็ดลอดเข้าไปในระหว่างต้นไม้และระหว่างซอกเขา  เพื่อให้กระทบร่างพระวิธุระให้ตาย  แต่อานุภาพของพระวิธุระ  ต้นไม้และซอกเขากลับแหวกเป็นช่องทางห่างออกจากแนวของท่านข้างละศอก  ปุณณกยักษ์เหลียวกลับมาดูว่า  ตายแล้วหรือยัง  กลับเห็นหน้าพระวิธุระผ่องใสดุจแว่นทอง ก็รู้ว่า  ยังไม่ตาย  จึงขับม้าเข้าไปในซอกเขาอีก ๒ ครั้ง  ก็ยังไม่ตาย  จึงเปลี่ยนวิธีใหม่  ขับม้าพาเข้าไปในลมพายุแม้ถึง  ๗  ครั้งก็ยังไม่ตาย  เมื่อปุณณกยักษ์เห็นเช่นนั้น  จึงขับม้าตรงไปยังภูเขากาฬาคีรี  วางลงบนยอดเขาแล้วไปยืนคิดหาวิธีอยู่ว่าทำอย่างไรจึงจะฆ่าวิธุระให้ตายได้

ปุณณกยักษ์แปลงกายใหญ่่ทะมึน  จับพระวิธุระที่เท้าทั้งสองแล้วยัดใส่ปากทำท่าจะเตี้ยวกิน  พระวิธุระก็ไม่สะดุ้งตกใจแม้แต่น้อย  จากนั้นจึงแปลงร่างเป็นพญาราชสีห์บ้าง  เป็นช้างตกมันวิงเข้ามาจะแทงบ้าง  เป็นงูใหญ่ประมาณเท่าเรือโกลนเลื้อยมาพันไว้รอบ ๆ  แล้วแผ่พังพานอยู่บนศีรษะบ้าง  พระวิธุระก็ยังไม่มีอาการตกใจกลัวแต่ประการใด  จึงวางลงบนยอดเขา  แล้วบันดาลให้เกิดพายุใหญ่พัดแรงกล้า  แล้วชำแรกเข้าไปในแผ่นดิน  ส่งเสียงกึกก้องกัมปนาท  พระวิธุระก็ยังปรกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  เพราะรู้ทันว่า ถึงจะเป็นอะไรมาก็คือมาณพนั่นเอง  ปุณณกยักษ์ยิ่งเพิ่มความพยายามจะฆ่าให้จงได้  จึงจับพระวิธุระขว้างลงไปจากยอดเขา  พอร่างของพระวิธุระลอยไปได้ ๑๕ โยชน์ก็คว้าข้อเท้าดึงกลับมา  ยกเท้าเอาหัวห้อยชูขึ้น  มองดูหน้าว่าตายหรือยัง เห็นว่ายังไม่ตายก็ขว้างออกไปอีกเป็นครั้งที่ ๒   พอไกลออกไปประมาณ ๓๐ โยชน์ก็ฉวยข้อเท้าดึงกลับมายกดูอีก  เห็นยังไ่ม่ตายก็ขว้างออกไปอีกเป็นครั้งที่ ๓  คราวนี้ไกล ๖๐ โยชน์  แต่พอฉวยมาดูอีกก็เห็นว่ายังไม่ตาย  ปุณณกยักษ์จึงจับข้อเท้าตั้งใจจะฟาดกับภูเขา  พระวิธุระจึงร้องถามทั้งที่หัวยังห้อยอยู่ว่า  "ดูก่อนมาณพ  ท่านมีรูปร่างดุจเทพบุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุตร ดูเหมือนจะเป็นคนดี แต่กลายเป็นคนไม่ดี  ดู ๆ  ก็เหมือนกับเป็นผู้สำรวม  แต่ก็ไม่สำรวม  กระทำความชั่วอย่างนี้ไม่มีประโยชน์อันใดเลย  ขอถามท่านหน่อยเถิด  ความจริงท่านเป็นใครกันนะ  และจะฆ่าข้าพเจ้าทำไม ?"

"เราเป็นยักษ์ชื่อปุณณกะ  เป็นอำมาตย์ของท้าวกุเวรเวสวัณ  ซึ่งท่านก็คงเคยได้ยินชื่อ" ปุณณกยักษ์แนะนำตน  แล้วก็เล่าถึงสาเหตุที่เขารับอาสาพญานาคเอาหัวใจของวิธุรบัณฑิตไปให้พระนางวิมลา เพื่อจะได้แต่งงานกับนางอิรันทตีผู้ธิดา"

พระวิธุรบัณฑิตได้สดับดังนนแล้วจึงดำริว่า  "สัตว์โลกเรานี้ย่อมพินาศเพราะความถือผิด  แท้จริงพระนางวิมลาต้องการจะได้ฟังการแสดงธรรมของเรา  แต่พญานาคสำคัญผิด  และปุณณกยักษ์ผู้นี้ก็ตกอยู่ในอำนาจของความหลงผิดด้วย  ถ้าเราจะปล่อยให้ฆ่าเราเสียเพราะความหลงผิดเช่นนี้  จะไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย  เราหรือก็ได้ชื่อว่า  เป็นผู้สามารถในทางแสดงธรรม  เราจะะตักเตือนเขาให้รู้สึกตัว  เรื่องร้ายจะได้กลายเป็นดี แล้วจึงกล่าวขึ้นว่า  "ดูก่อนมาณพ  ขอให้ท่านวางข้าพเจ้าลงก่อนเถิด  เราจะแสดงธรรมให้ท่านฟัง  เมื่อท่านฟังแล้ว  ความปรารถนาของท่านก็จะสำเร็จ


...........................

(ยังมีต่ออีก)











ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น