พญาครุฑสดับดังนั้นแล้วกล่าวว่า "อันที่จริง นาคนี้เป็นอาหารอย่างดีของข้าพเจ้า แต่ข้าพเจ้าก็ระงับความอยากเสียได้ ไม่ยอมทำความชั่วเพราะเห็นแก่ปากแก่ท้อง ฉะนั้น ศีลของข้าพเจ้าจึงประเสริฐกว่า" แล้วกล่าวคำเป็นสุภาษิตว่า
"ผู้ใดไม่เห็นแก่ปากแก่ท้อง ทนความอยากไว้ได้ บริโภคอาหารพอประมาณ ไม่กินจุบจิบฟุ่มเฟือย ฝึกฝนตนแต่ในทางที่ดี มีความเพียรพยายามที่จะก้าวหน้าเสมอ ไม่ยอมทำความชั่วเพราะเหตุแห่งอาหาร ปราชญ์เรียกคนนั้นแลว่า สันติชนในโลก"
ท้าวสักกะก็กล่าวว่า "ข้าพเจ้าเองได้ละสมบัติและความสุขสำราาญทั้งปวงในดาวดึงส์มายังมนุษยโลกนี้ก็เพื่อประโยชน์แก่การรักษาศีล นับเป็นการเสียสละอย่างยิ่งทีเดียว ฉะนั้น ศีลของข้าพเจ้าต้องประเสริฐกว่าใครทั้งหมด" แล้วก็กล่าวคำเป็นสุภาษิตว่า
"นรชนใด ละความสำราญในกามารมณ์เสียได้ ไม่พูดคำเหลวไหลเหลาะแหละ ไม่ประดับตกแต่งร่างกายด้วยของฟุ่มเฟือย ปราชญ์ทั้งหลายกล่าวว่า นรชนนั้นแล เป็นสันติชนในโลก"
พระเจ้าธนัญชัยมีพระดำรัสว่า "วันนี้ข้าพเจ้าสละราชสมบัติมาหาความสงบ หลีกละพระราชวังที่พรั่งพร้อมด้วยเหล่านารีทั้งหลาย มาบำเพ็ญสมณธรรมเพื่อความสงบจริง ๆ ฉะนั้น ศีลของข้าพเจ้าจึงประเสริฐกว่าใครทั้งหมด" แล้วก็ตรัสเป็นสุภาษิตว่า
"นรชนใดแล กำหนดรู้โทษของกามารมณ์ทั้งหลาย แล้วสละเสียได้ ฝึกฝนตนเองอย่างมั่นคง ปราศจากตัณหาความยึดถือและความหวังในทางต่ำ นักปราชญ์กล่าวว่า นรชนนั้นแล เป็นสันติชนในโลก"
เมื่อพระราชาทั้ง ๔ ถกเถียงกันไม่ตกลง จึงพากันไปหาวิธุรบัณฑิตตามคำชักชวนของพระเจ้าธนัญชัย เพื่อขอให้วิธุรบัณฑิตตัดสิน
"ข้อถกเถียงของพระองค์ทั้ง ๔ เป็นอย่างไร โปรดชี้แจงให้ข้าพระองค์ได้ทราาบก่อน เพราะว่าบัณฑิตที่แท้จริงนั้น ก่อนจะตัดสินอรรถธรรมอันใดลงไปจะต้องได้ทราบประเด็นต่าง ๆ จากทุกฝ่ายอย่างถูกต้องเสียก่อน" วิธุรบัณฑิตกล่าว
พญานาค "ข้าพเจ้าถือความอดกลั้น ไม่โกรธในบุคคลที่ควรจะโกรธ"
พญาครุฑ "ข้าพเจ้าถือการไม่ทำชั่ว เพราะเหตุแห่อาหาร"
ท้าวสักกะ "ข้าพเจ้าถือการละความสำราญในกามารมณ์"
พระเจ้าธนัญชัยโกรพย์ "ข้าพเจ้าถือความไม่มีกังวล ว่าเป็นศีลข้อประเสริฐที่สุด"
วิธุรบัณฑิตได้ฟังทั้ง ๔ ต่างยึดถือหลักธรรมไปกันคนละอย่าง ก็จับประเด็นได้ จึงทูลว่า "คุณธรรมทั้ง ๔ ประการตามที่พระองค์ทั้ง ๔ ตรัสมานี้ล้วนแต่เป็นคำสุภาษิตทั้งนั้น ย่อมประกอบกันเป็นดังกำเกวียนที่ประกอบกันเป็นกงล้อ และรวมจุดอยู่ที่ดุมเดียวกัน ผู้ใดประกอบตนตั้งมั่นอยู่ในคุณธรรมทั้ง ๔ แล้ว ก็เรียกว่า เป็นสันติชนในโลกได้"
พระราชาทั้ง ๔ ได้สดับดังนั้นแล้ว มีพระหฤทัยชื่นชมยิ่งนัก ตรัสสรรเสริญวิธุรบัณฑิตว่า เป็นผู้มีปัญญายอดเยี่ยม สามารถตัดความสงสัยลังเลของตนให้ขาดไป ประดุจช่างกลึงตัดงาช้างให้ขาดลงด้วยเลื่อยอันคม ฉะนั้น ครั้นแล้วต่างก็ประทานรางวัลให้แก่วิธรบัณฑิตด้วยของมีค่า เป็นการบูชาธรรมและปัญญาอันยอดเยี่ยม แล้วก็เสด็จกลับยังที่ประทัยของพระองค์
จะกล่าวถึงนางวิมลาชายาของพญาวรุณนาคราช เมื่อไม่เห็นแก้วมณีที่คอของพญานาคสามี จึงทูลถามว่่า "แก้วมณีที่คอของพระองค์หายไปไหนเพคะ ?"
"ถวายท่านวิธุรบัณฑิตไปแล้ว น้องหญิง" พญานาคตอบ
"เพื่ออะไรหรือ พระองค์ ?" พระนางทูลถามด้วยความประหลาดพระทัย
"เพื่อบูชาธรรมของเขา ท่านผู้นี้กล่าวธรรมไพเราะจับใจมาก ทำให้เรามีจิตเลื่อมใสอย่างไม่เคยมีมาก่อน จงถอดแก้วมณีถวายไป" พญานาคตอบแล้วตรัสต่อไปว่า "มิใช่เราผู้เดียวเท่านั้นที่ถวายของมีค่าไป แม้ถึงท้าวสักกะก็ถวายผ้าทิพย์สีดอกบัวเขียวเนื้อละเอียด พญาครุฑก็ถวายดอกไม้ทองบริสุทธิ์ และพระเจ้าธนัญชัยโกรพย์ก็ทรงถวายสมบัติหลายอย่างเพื่อบูชาธรรม"
นางวิมลา "วิธุรบัณฑิตกล่าวธรรมไพเราะอย่างไร เพคะ ?"
พญานาค "ดูก่อนนางผู้เจริญ พระราชาทั้งชมพูทวีปสดับธรรมของท่านผู้นี้แล้ว ล้วนพอพระหฤทัยและเพลินเพลินจนลืมเสด็จกลับแว่นแคว้นของตน ถ้าจะเปรียบก็ประดุจเสียงพิณหัตถีกันต์ที่ประโลมฝูงช้างตกมันให้เกิดความรักใครฉะนั้น เธอแสดงธรรมได้ไพเราะนักหนา"
พระนางสดับแล้วก็ประสงค์จะได้สดับธรรมของวิธุรบัณฑิตบ้าง จึงทรงทำอุบายดุจเป็นไข้ ถึงเวลาเฝ้าก็มิได้เสด็จเข้าเฝ้าตามปรกติ พญานาคจึงถามเหล่าสมว่า "พระนางวิมลาหายไปไหน ?"
พญานาคสดับดังนั้นแล้ว เสด็จลุกลงตรงไปตำหนักของพระนางวิมลาประทับข้างพระเแท่น แล้วตรัสว่า "เจ้าซูบผอมร่วงโรยไปมาก เจ้าประชวนเป็นอะไรหรือ ?"
พระนางวิมลาได้โอกาสสจึงทูลว่า "พระองค์ผู้จอมนาค ธรรมดาสตรีทั้งหลายย่อมอยากได้สิ่งโน้นสิ่งนี้ แม้หม่อมฉันก็อยากได้หัวใจของวิธุรบัณฑิต ขอได้โปรดนำมาให้หม่อมฉัน โดยไม่ทำให้วิธุรบัณฑิตได้รับอันตรายแต่อย่างไร ถ้าหม่อมฉันไม่ได้ ก็เห็นจะต้องตายเป็นแน่แท้ เพคะ"
"เจ้าวิมลา เจ้าปรารถนาเช่นนั้นเทียวรึ วิธุรบัณฑิตเป็นที่รักของคนทั้งชมพูทวีป มีคนพิทักษ์รักษากันอย่างกวดขัน ใครจะไปนำเอามาได้เล่า" พญานาคตรัสด้วยความวุ่นวายพระทัย
"ถ้ากระนั้นหม่อมฉันก็คงจะต้องตายแน่แล้ว" นางวิมลทูลแล้วก็เบือนหน้าหันหลังให้ ยกผ้าสไบปิดหน้านอนนิ่งอยู่
พญานาคจึงเสด็จออกจากห้องด้วยพระหฤทัยกระวนกระวาย ประทับลงเหนือแท่นบรรทม แล้วดำริว่า "พระนางจะเอาหัวใจของวิธุรบัณฑิต ถ้าไม่ได้จักต้องตาย จะทำอย่างไรดีเล่า"
.............................
(ยังมีต่ออีก)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น