พญานาคจึงเสด็จออกจากห้องด้วยพระหฤทัยกระวนกระวาย ประทับลงเหนือแท่นบรรทม แล้วดำริว่า "พระนางจะเอาหัวใจของวิธุรบัณฑิต ถ้าไม่ได้จักต้องตาย จะทำอย่างไรดีเล่า"
นางอิรันทตีธิดาพญานาคเห็นอาการของพระบิดาเต็มไปด้วยความวิตกกังวลหนักเช่นนั้น จึงทูลถามว่า "ข้าแต่เสด็จพ่อ พระพักตร์ของพระองค์เป็นเหมือนดอกปทุมที่ถูกขยำจนช้ำเขียว ทรงพระปริวิตกด้วยสิ่งใดนักหรือ เพคะ"
"เจ้าอิรันทตี มารดาของเจ้าปรารถนาสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ คือ อยากได้หัวใจของวิธุรบัณฑิต ซึ่งเป็นที่รักของมนุษย์ทั้งชมพูทวีป ถ้าไม่ได้ก็จักต้องตาย พ่อกำลังจนปัญญาอยู่ เจ้าควรจะช่วยชีวิตมารดาของเจ้าไว้" ตรัสแล้วกระซิบว่า "เจ้าควรจะหาภัสดาสักคนหนึง เลือกเอาที่เก่งกล้าสามารถ ซึ่งจะไปเอาหัวใจของวิธุรบัณฑิตมาให้เราได้ เจ้าจะทำได้ไหม ?"
นางอิรันทตีทราบดังนั้นแล้วก็ตัดสินใจปลอบพระราชบิดามารดาให้คลายกังวล แล้วก็จัดแจงแต่งองค์อย่างงามพริ้ง แหวกน้ำออกจากนาคพิภพ เหาะตรงไปยังภูเขาซึ่งมีสีเขียวดุจเมฆตั้งทะมึนอยู่ใกล้ฝั่งมหาสมุทรในป่าหิมวันต์ เที่ยวเก็บดอกไม้มาประดับภูเขาอย่างสวยงาม แล้วก็ฟ้อนรำขับร้องอย่างไพเราะเป็นใจความว่า
นางอิรันทตีธิดาพญานาคเห็นอาการของพระบิดาเต็มไปด้วยความวิตกกังวลหนักเช่นนั้น จึงทูลถามว่า "ข้าแต่เสด็จพ่อ พระพักตร์ของพระองค์เป็นเหมือนดอกปทุมที่ถูกขยำจนช้ำเขียว ทรงพระปริวิตกด้วยสิ่งใดนักหรือ เพคะ"
"เจ้าอิรันทตี มารดาของเจ้าปรารถนาสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ คือ อยากได้หัวใจของวิธุรบัณฑิต ซึ่งเป็นที่รักของมนุษย์ทั้งชมพูทวีป ถ้าไม่ได้ก็จักต้องตาย พ่อกำลังจนปัญญาอยู่ เจ้าควรจะช่วยชีวิตมารดาของเจ้าไว้" ตรัสแล้วกระซิบว่า "เจ้าควรจะหาภัสดาสักคนหนึง เลือกเอาที่เก่งกล้าสามารถ ซึ่งจะไปเอาหัวใจของวิธุรบัณฑิตมาให้เราได้ เจ้าจะทำได้ไหม ?"
นางอิรันทตีทราบดังนั้นแล้วก็ตัดสินใจปลอบพระราชบิดามารดาให้คลายกังวล แล้วก็จัดแจงแต่งองค์อย่างงามพริ้ง แหวกน้ำออกจากนาคพิภพ เหาะตรงไปยังภูเขาซึ่งมีสีเขียวดุจเมฆตั้งทะมึนอยู่ใกล้ฝั่งมหาสมุทรในป่าหิมวันต์ เที่ยวเก็บดอกไม้มาประดับภูเขาอย่างสวยงาม แล้วก็ฟ้อนรำขับร้องอย่างไพเราะเป็นใจความว่า
"คนธรรพ์นาค ครุฑ มนุษย์ กินนร คนไหนก็
ตามที ถ้าสามารถนำเอาหัวใจของวิธุรบัณฑิตมาถวาย
พระมารดาของเราได้ เราจะยอมเป็นภรรยา"
ขณะนั้น ปุณณกยักษ์หลานท้าวเวสวัณมหาราช ขับม้าผ่านมา ได้ยินเสียงเพลงเข้ารู้สึกคล้ายกับเสียงเพลงนั้นเฉือนตัดผิวหนังเข้าไปถึงเยื่อกระดูก จึงชักม้าให้เลี้ยวเข้าไปหา พอเห็นนางอิรันทตีก็เกิดความปฏิพัทธิ์รักใคร่
แม้นางอิรันทตีก็เกิดความรักทันที จึงฉวยข้อมือปุณณกยักษ์ พาไปเฝ้าพระบิดา พระปุณณกยักษ์ทูลพญานาคว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐ ข้าพระองค์ชื่อปุณณกยักษ์ บัดนี้ ปรารถนาจะเป็นข้าใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท คือ ปรารถนาจะได้เจ้าหญิงอิรันทตีเป็นคู่สมรส ขอพระองค์ทรงรับสินสอด คือ ช้าง ม้า รถ อย่างละร้อย เกวียนที่เต็มด้วยแก้วมณีร้อยเล่ม แล้วประทานเจ้าหญิงอิรันทตีแก่ข้าพระองค์เถิด"
"ดูก่อน ปุณณกยักษ์ จงรอไว้สักประเดี๋ยวก่อน เราจะปรึกษาหารือกับญาติมิตรเพื่อนสนิทดูก่อน เพราะประเพณีที่ดีจะต้องได้รับความเห็นชอบจากคนส่วนมาก สิ่งใดที่คนส่วนมากไม่เห็นชอบด้วย ถ้าทำลงไปอาจไม่ได้รับความช่วยเหลือสนับสนุนให้สำเร็จ ซึ่งจะเดือดร้อนเป็นผลร้ายภายหลัง"
พญานาคตรัสดังนั้นแล้ว จึงเสด็จเข้าห้องพระนางวิมลา แล้วทรงปรึกษาว่า "แม่วิมลา มีชายผู้หนึ่ง เขาชื่อปุณณกยักษ์ มาขอเจ้าอิรันทตีกะเรา เสนอสินสอดมากมาย เราจะยกลูกสาวให้หรือไม่ ?"
พระนางวิมลาทูลว่า "สินสอดจะมีค่าสักเท่าใดก็ไม่สำคัญ ถ้าปุณณกยักษ์สามารถเอาหัวใจวิธุรบัณฑิตมาให้หม่อมฉันได้ จึงจะควรยอมยกให้ เพราะว่าหม่อมฉันไม่ปรารถนาทรัพย์สินใด ๆ ยิ่งกว่าหัวใจของวิธุรบัณฑิต เพคะ"
พญานาคจึงเสด็จออกมาหาปุณณกยักษ์ แล้วตรัสว่า "เรายินดีจะยกเจ้าอิรันทตีให้ ถ้าท่านจะสามารถนำหัวใจของวิธุรบัณฑิตมาให้แก่เรา เพราะเราไม่ปรารถนาทรัพย์สินใด ๆ ทั้งนั้น"
"วิธุรบัณฑิตคือใคร อยู่ที่ไหน พระเจ้าข้า ?" ปุณณกยักษ์ถาม
"เป็นมหาราชครูอยู่ในสำนักพระเจ้าธนัญชัยโกรฑย์ ในเมืองมนุษย์" พญานาคตอบ
ปุณณกยักษ์ฟังแล้วสั่งเรียกคนใช้ให้นำม้าสินธพมา แล้วขึ้นขับขี่ตรงไปยังสำนักท้าวเวสวัณทันที เพื่อขออนุญาต แต่ขณะนั้น ท้าวเวสวัณเจ้าแห่งยักษ์กำลังตัดสินคดีแย่งวิมานกันระหว่าง ๒ ตน
ปุณณกยักษ์ฟังดูรู้ว่าใครจะชนะ จึงเข้าไปยืนข้างนั้น พอตัดสินให้ฝ่ายชนะเข้าอยู่ในวิมานนั้นได้ ด้วยคำว่า "เจ้าจงไป" ปุณณกยักษ์ถือเอาว่าได้อนุญาตด้วย จึงรีบขึ้นหลังม้าเหาะไปทันที พลางก็คิดใคร่ครวญอยู่ว่า "จะใช้อุบายอย่างไรดี วิธุรบัณฑิตนี้เป็นดุจดวงมณีของพระเจ้าโกรพย์และของคนทั้งชมพูทวีป แต่พระเจ้าโกรพย์โปรดสกามาก เราท้าพนันแล่นสกา เราชนะแล้วจับเอาวิธุรบัณฑิตคงจะได้ เราจะต้องหาวิธีท้าพนันก่อน ตามธรรมดาพระเจ้าแผ่นดินย่อมปรารถนาแก้วมณีของพระเจ้าจักรพรรดิ เราไปเอาแก้วมณีนี้มาล่อคงจะสำเร็จ แก้วมณีนี้มีอยู่ในระหว่างวิบุลบรรพตใกล้กรุงราชคฤห์" คิดได้ดังนั้นจึงชักม้าบ่ายหน้าตรงไปวิบุลบรรพต เที่ยวเสาะหาแก้วมณี พอถึงระหว่างเขาก็เห็นแสงสว่างบาดนัยน์ตาดุจฟ้าแลบ ก็รู้ได้ว่า นั่นเป็นแสงแก้วมณีจักพรรดิ จึงตรงเข้าไปหยิบมา เจ้ายักษ์กุมภีที่เฝ้าแก้วอยู่ออกขัดขวางทันที พอเหลือบเห็นสายตาปุณณกยักษ์เข้าก็ตกใจ ตัวลีบ งันงกรีบหนีไปแอบอยู่ในซอกเขาจักรวาล ปุณณกยักษ์ก้ได้แก้วมณีมาสมปรารถนา รีบชักม้าตรงไปยังอินทปัตนคร
ขณะนั้น พระราชาต่าง ๆ จาก ๑๐๑ ประเทศกำลังประชุมกันอยู่ ปุณณกยักษ์จึงแปลงเป็นมาณพเข้าไปท้าเล่นสกาพนันกัน ไม่ว่าจะเป็นพระราชาองค์ใดก็ได้ทั้งนั้น
.............................
(ยังมีต่ออีก)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น