วันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ชาติที่ ๙ พระวิธุรบัณฑิต (หน้า ๗)


ราชสวดีธรรม (ต่อ)
 
เป็นข้าราชการ  ต้องบำรุงเลี้ยงมารดาบิดาให้ผาสุก  ผู้หลักผู้ใหญ่ในสกุลควรเกื้อกูลนบนอบให้ชอบธรรม  ควรมีหิริโอตตัปปะเป็นกัลยาณมิตร  บำรุงจิตและความประพฤติให้ดีงาม  ควรมีอาจารสมบัติได้ฝึกหัดไว้เป็นอันดี  มีศิลปะได้ศึกษาพอสามารถในราชกิจ  รู้จักข่มจิตไม่ทำตนให้วิปริตเพราะขาดสังวร 
มีตนได้ฝึกฝนพร้อมทั้งวิทยาและจริยาสมบัติ  เป็นผู้คงที่ไม่แปรผันที่ในคราวสมบัติและวิบัติ (คือ ไม่ดีใจจนลิงโลดเวลามีโชค ไม่เศร้าโศกในเวลาเคราะห์ร้าย)  มีอัธยาศัยอ่อนโยนไม่เย่อหยิ่ง  ไม่ประมาทในราชกิจ  มีความประพฤติสุจริตและขยันไม่เกียจคร้านในการอุปัฏฐาก
 
เป็นข้าราชการ  ควรประพฤติอ่อนน้อม   มีความเคารพยำเกรงในผู้หลักผู้ใหญ่  เป็นคนเรียบร้อยทั้งกายและวาจา  ให้ผู้ที่สมาคมคบหาได้รับความสุขทั้งกายและใจ  ทูตต่างประเทศที่เขาส่งมาด้วยเรื่องเนื่องด้วยความลับ  ควรเว้นให้ห่างไกลอย่าใกล้เคียง  พึงเอาใจใส่ดูแลแต่เจ้าของตน  อย่าสาละวนด้วยคนของราชปรปักษ์
 
เป็นข้าราชการ  เมื่อหวังความเจริญแก่ตน ควรเข้าหาสมณพราหมณ์ผู้มีศีล เป็นพหูสูต แล้วสมาทานรักษาศีล บำรุงด้วยข้าวน้ำ และพึงไต่ถามบาปบุญตุณโทษ ประโยชน์และมิใช่ประโยชน์
กะสมณพราหมณ์นั้น
 
เป็นข้าราชการ  ต้องเป็นผู้สุขุมรอบคอบฉลาดในราชกิจ  และสามารถจัดการให้ดำเนินไปโดยเรียบร้อย  รู้จักกาลรู้จักสมัยว่า  ควรจะปฏิบัติอย่างไร
 
บุตรหรือพี่น้องวงศ์ญาติผู้ไม่ตั้งอยู่ในศีลาจารวัตร  ไม่ควรยกย่องให้เป็นใหญ่ปกครองหมู่คณะ  เพราะว่า  เขาเป็นคนพาล  อันคนพาลท่านกล่าวว่า  ไม่ใช่ญาติ  เปรียบเหมือนคนตายแล้วถูกทอดทิ้งไวในป่าช้า  มีแต่จะผลาญทรัพย์ให้พินาศ  และไม่อาจยังราชกิจให้บริบูรณ์ได้  คนเช่นนี้ไม่ควรยกย่อง  แต่เมื่อเขาเข้ามาหาก็ควรให้เสื้อผ้าและอาหารพอเลี้ยงชีพ  แต่พวกทาสกรรมกรผู้ใดตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรม  เป็นคนขยันหมั่นเพียร  ก็ควรยกย่องให้เป็นใหญ่ปกครองหมู่คณะได้ 

เป็นข้าราชการพึงประกอบด้วยศีลาจารวัตร  มีสัตยธรรมไม่ละโมบโลภมากเห็นแต่จะได้จนออกนอกหน้า  พึงประพฤติตามใจเจ้าไม่เข้าข้างคนผิด  มีความจงรักภักดีคงที่ทั้งต่อหน้าและลับหลัง  ต้องรู้จักพระราชนิยมและปฏิบัติตามพระราชประสงค์อย่าขัดพระราชอัธยาศัย  เวลาผลัดพระภูษาและสรงสนาน  พึงก้มศีรษะชำระพระบาท  แม้จะถูกกริ้วกราดต้องพระราชอาญาก็อย่ามีการโกรธตอบ
 
พระเจ้าแผ่นดินเป็นผู้ที่พึงบูชาสักการะ  เพราะพระองค์พระราชทานทั้งที่นอนหมอนมุ้งผ้านุ่งผ้าห่มยวดยานบ้านเรือนที่อยู่อาศัย  สามารถบันดาลโภคสมบัติอิสริยยศและบริวารยศให้ตกทั่วถึงกัน  ประดุจมหาเมฆยังฝนให้ตกทั่วไปแก่หมู่สัตว์  จึงสมควรที่จะบูชาพระองค์ท่านโดยแท้จริง
 
นี่แหละเจ้าทั้งหลาย  คือ  "ราชวสดีธรรม"  สำหรับข้าราชการควรประพฤติตาม  จะได้เป็นที่โปรดปรานและได้รับความนับถือจากเจ้านายทั้งหลาย
 
เมื่อวิธุรบัณฑิตสั่งสอนบุตรภรรยาญาติมิตรจบลง  ก็ถึงวันที่ ๓ ตามกำหนดพอดี  พอรุ่งเช้าจึงอาบน้ำชำระกายและบริโภคโภชนาหารรสเลิศต่าง ๆ  เสร็จแล้วจึงพาหมู่ญาติไปสู่พระราชนิเวศน์ เพื่อเข้าเฝ้าทูลลา  ไปกับมาณพ  ถวายบังคมแล้วกราบทูลว่า  "ขอเดชะ  ข้าแต่พระองค์ผู้จอมราช  ข้าพระองค์ขอถวายบังคมลาใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทไปกับมาณพในวันนี้  เขาจะนำไปร้ายดีอย่างไรก็ยังไม่ทราบเกล้ากราบกระหม่อม  ขอใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงคอยฟังข่าวด้วย  ข้าพระพุทธเจ้าขอฝากภรรยา  ญาติและมิตรของข้าพระองค์  ขอให้ทรงพระกรุณาชุบเลี้ยงเหมือนข้าพระองค์ยังพึ่งพระบรมโพธิสมภารอยู่  การที่ข้าพระองค์ตอบคำถามของมาณพว่าเป็น  "ทาส"  นั้น  ข้อนี้เป็นความผิดพลาดของข้าพระองค์  พระราชอาญาไม่พ้นเกล้า  ข้าพระองค์เห็นโทษนั้นแล้ว  ขอทรงพระมหากรุณาพระราชทานอภัยโทษแก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด  ข้าพระองค์มิได้มีที่อื่นเป็นที่พึ่งอีก  แม้พลาดพลั้งในใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว  ก็ขอพึ่งพระบรมโพธิสมภารตามเดิม"
 
 
.........................
 
(ยังมีต่ออีก)
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 


 
 
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น