พระวิธุรบัณฑิต
สมัยเมื่อพระเจ้าธนัญโกรพย์ครองราชย์ในนครอินทปัต แคว้นกุรุ มีนักปราชญ์ผู้หนึ่งชื่อ "วิธุระ" ดำรงตำแหน่งมหาราชครู ท่านผู้นี้ปรากฏว่าเป็นนักพูดที่มีถ้อยคำไพเราะมาก สามารถที่จะพูดกล่อมใจคนในชมพูทวีปให้ยินดีเลื่อมใสได้อย่างน่าอัศจรรย์ แม้ถึงพระราชาจากรัฐต่าง ๆ ถ้าได้สดับถ้อยคำของเขาแล้วก็จะทรงเคลิบเคลิ้มจับพระหฤทัย ไม่ปรารถนาจะเสด็จกลับรัฐของพระองค์เสมือนหนึ่งว่ากระแสเสียงพิณของนายหัตถีกันต์ที่บรรเลงโลมล่อฝูงช้างให้ยินดีรักใคร่ ฉะนั้น
ยังมีพราหมณ์ ๔ คน เป็นเพื่อนกันมาแต่เก่าก่อน เมื่อตนแก่ลง จึงสละบ้านเรือนออกบวชเป็นฤษีอยู่ในป่าหิมพานต์ เมื่อต้องการรสเปรี้ยวเค็มบ้างก็พากันจาริกไปถึงกรุงกาลจัมปาก์ แคว้นอังคะ พักอาศัยอยู่ในพระราชอุทยาน รุ่งเช้าก็ออกภิกษาจารในพระนคร ยังมีกุฎุมพี ๔ คน เลื่อมใสในอิริยาบถของฤษีทั้ ๔ นั้น จึงต้อนรับอัญเชิญไปยังบ้านของตนคนละองค์ ถวายอาหารแล้วเชิญชวนให้พักอยูในสวนของตน
ดาบสทั้ง ๔ เมื่อฉันเสร็จแล้ว ได้แยกย้ายกันไปพักผ่อนในที่ต่าง ๆ กัน องค์หนึ่งไปดาวดึงส์ องค์หนึ่งไปภพพญานาค องค์หนึ่งไปภพพญาครุฑ อีกองค์ไปอุทยานของพระเจ้าโกรพย์ พอกลับมาต่างก็
พรรณนาถึงอิสริยยศของพระอินทร์ สมบัติของพญานาค เครื่องประดับของพญาครุฑ ราชสมบัติของพระเจ้าโกรพย์ ตามที่ได้ไปเห็นมาแล้วให้กุฎุมพีของตนฟังตามลำดับ ทำให้กุฎุมพีปรารถนาจะได้สมบัติเช่นนั้นบ้าง ต่างก็ตั้งใจบำเพ็ญบุญ ให้ทานรักษาศีล เมื่อสิ้นอายุก็ได้ไปเกิดตามที่ปรารถนา คนหนึ่งไปเกิดเป็นท้าวสักกเทวราช คนหนึ่งไปเกิดในภพพญานาคชื่อว่าท้าววรุณ คนหนึ่งไปเกิดเป็นพญาครุฑในวิมานฉิมพลี อีกคนหนึ่งไปเกิดในครรภ์มเหสีของพระเจ้าธนัญชัยโกรพย์
ต่อมา คนที่ไปเกิดเป็นโอรสพระเจ้าธนัญชัยโกรพย์นั้น เมื่อเจริญวัยพระราชบิดาสวรรคตแล้ว ก็ได้ครองราชย์สืบต่อมา พระองค์ทรงบำเพ็ญกุศลตามคำของวิธุรบัณฑิต มีการบำเพ็ญทาน รักษาศีลอุโบสถเป็นต้นมิได้ขาด วันหนึ่ง เสด็จสู่พระราชอุทยาน ประทับนั่งทำสมาธิอยู่ ท้าวสักกเทวราชก็หลีกจากเทวโลกมานั่งทำสมาธิอยู่อีกด้านหนึ่งพระราชอุทยานนั้น พญาวรุณนาคราชและพญาครุฑก็เช่นเดียวกัน
พอตกเย็น ท่านทั้ง ๔ นั้นต่างก็ออกจากที่เร้นของตน ไปพบกันที่สระโบกขรณี พอเห็นกันเข้าก็รู้จักรักใคร่กัน ด้วยอำนาจแห่งความรักใคร่ซึ่งเคยมีมาแต่ก่่อน ต่างก็สนทนาวิสาสะกันเป็นอันดี ตอนหนึ่งในการสนทนา ท้าวสักกเทวราชปรารภขึ้นว่า "พวกเราทั้ง ๔ นี้ ศีลของใครจะประเสริฐกว่ากัน ?"
"ศีลของข้าพเจ้าสิประเสริฐกว่าใคร ๆ" พญานาคกล่าว
"เพราะอะไร ?" ท้าวสักกะถาม
" เพราะธรรมดาพญาครุฑเป็นข้าศึกของพญานาคอย่างร้ายกาจ แต่ข้าพเจ้าก็มิได้โกรธเคืองเมื่อเห็นศัตรูตัวร้ายเช่นนี้แม้แต่น้อย ฉะนั้น ศีลของข้าพเจ้าจึงประเสริฐที่สุด" พญานาคชี้แจงแล้วก็กล่าวคำเป็นสุภาษิตว่า
"คนใดไม่มีความโกรธในศัตรูเป็นคนเรียบร้อยเสมอ
ใครโกรธก็ไม่โกรธตอบ เป็นสุภาพชนตลอดกาล บัณฑิต
กล่าวว่า คนนั้นแลเป็นสันติชนแท้จริง"
................................
(ยังมีต่ออีก)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น