วันพฤหัสบดีที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ชาติที่ ๙ พระวิธุรบัณฑิต (หน้า ๑)



 พระวิธุรบัณฑิต

 
สมัยเมื่อพระเจ้าธนัญโกรพย์ครองราชย์ในนครอินทปัต  แคว้นกุรุ  มีนักปราชญ์ผู้หนึ่งชื่อ  "วิธุระ"  ดำรงตำแหน่งมหาราชครู  ท่านผู้นี้ปรากฏว่าเป็นนักพูดที่มีถ้อยคำไพเราะมาก  สามารถที่จะพูดกล่อมใจคนในชมพูทวีปให้ยินดีเลื่อมใสได้อย่างน่าอัศจรรย์  แม้ถึงพระราชาจากรัฐต่าง ๆ  ถ้าได้สดับถ้อยคำของเขาแล้วก็จะทรงเคลิบเคลิ้มจับพระหฤทัย ไม่ปรารถนาจะเสด็จกลับรัฐของพระองค์เสมือนหนึ่งว่ากระแสเสียงพิณของนายหัตถีกันต์ที่บรรเลงโลมล่อฝูงช้างให้ยินดีรักใคร่  ฉะนั้น

ยังมีพราหมณ์ ๔ คน  เป็นเพื่อนกันมาแต่เก่าก่อน  เมื่อตนแก่ลง  จึงสละบ้านเรือนออกบวชเป็นฤษีอยู่ในป่าหิมพานต์  เมื่อต้องการรสเปรี้ยวเค็มบ้างก็พากันจาริกไปถึงกรุงกาลจัมปาก์  แคว้นอังคะ  พักอาศัยอยู่ในพระราชอุทยาน  รุ่งเช้าก็ออกภิกษาจารในพระนคร  ยังมีกุฎุมพี ๔ คน  เลื่อมใสในอิริยาบถของฤษีทั้ ๔ นั้น  จึงต้อนรับอัญเชิญไปยังบ้านของตนคนละองค์  ถวายอาหารแล้วเชิญชวนให้พักอยูในสวนของตน

ดาบสทั้ง ๔ เมื่อฉันเสร็จแล้ว ได้แยกย้ายกันไปพักผ่อนในที่ต่าง ๆ  กัน  องค์หนึ่งไปดาวดึงส์  องค์หนึ่งไปภพพญานาค  องค์หนึ่งไปภพพญาครุฑ  อีกองค์ไปอุทยานของพระเจ้าโกรพย์  พอกลับมาต่างก็
พรรณนาถึงอิสริยยศของพระอินทร์  สมบัติของพญานาค  เครื่องประดับของพญาครุฑ  ราชสมบัติของพระเจ้าโกรพย์  ตามที่ได้ไปเห็นมาแล้วให้กุฎุมพีของตนฟังตามลำดับ  ทำให้กุฎุมพีปรารถนาจะได้สมบัติเช่นนั้นบ้าง  ต่างก็ตั้งใจบำเพ็ญบุญ  ให้ทานรักษาศีล  เมื่อสิ้นอายุก็ได้ไปเกิดตามที่ปรารถนา  คนหนึ่งไปเกิดเป็นท้าวสักกเทวราช  คนหนึ่งไปเกิดในภพพญานาคชื่อว่าท้าววรุณ  คนหนึ่งไปเกิดเป็นพญาครุฑในวิมานฉิมพลี  อีกคนหนึ่งไปเกิดในครรภ์มเหสีของพระเจ้าธนัญชัยโกรพย์

ต่อมา  คนที่ไปเกิดเป็นโอรสพระเจ้าธนัญชัยโกรพย์นั้น  เมื่อเจริญวัยพระราชบิดาสวรรคตแล้ว  ก็ได้ครองราชย์สืบต่อมา  พระองค์ทรงบำเพ็ญกุศลตามคำของวิธุรบัณฑิต  มีการบำเพ็ญทาน  รักษาศีลอุโบสถเป็นต้นมิได้ขาด  วันหนึ่ง  เสด็จสู่พระราชอุทยาน  ประทับนั่งทำสมาธิอยู่  ท้าวสักกเทวราชก็หลีกจากเทวโลกมานั่งทำสมาธิอยู่อีกด้านหนึ่งพระราชอุทยานนั้น  พญาวรุณนาคราชและพญาครุฑก็เช่นเดียวกัน

พอตกเย็น  ท่านทั้ง ๔  นั้นต่างก็ออกจากที่เร้นของตน  ไปพบกันที่สระโบกขรณี  พอเห็นกันเข้าก็รู้จักรักใคร่กัน  ด้วยอำนาจแห่งความรักใคร่ซึ่งเคยมีมาแต่ก่่อน  ต่างก็สนทนาวิสาสะกันเป็นอันดี  ตอนหนึ่งในการสนทนา  ท้าวสักกเทวราชปรารภขึ้นว่า  "พวกเราทั้ง ๔  นี้  ศีลของใครจะประเสริฐกว่ากัน  ?"

"ศีลของข้าพเจ้าสิประเสริฐกว่าใคร ๆ"  พญานาคกล่าว

"เพราะอะไร ?"  ท้าวสักกะถาม

" เพราะธรรมดาพญาครุฑเป็นข้าศึกของพญานาคอย่างร้ายกาจ  แต่ข้าพเจ้าก็มิได้โกรธเคืองเมื่อเห็นศัตรูตัวร้ายเช่นนี้แม้แต่น้อย  ฉะนั้น  ศีลของข้าพเจ้าจึงประเสริฐที่สุด"  พญานาคชี้แจงแล้วก็กล่าวคำเป็นสุภาษิตว่า

         "คนใดไม่มีความโกรธในศัตรูเป็นคนเรียบร้อยเสมอ
         ใครโกรธก็ไม่โกรธตอบ  เป็นสุภาพชนตลอดกาล  บัณฑิต
         กล่าวว่า  คนนั้นแลเป็นสันติชนแท้จริง"



................................

(ยังมีต่ออีก)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น