วันอังคารที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2557

ชาติที่ ๙ พระวิธุรบัณฑิต (หน้า ๙)

 
ปุณณกยักษ์คิดว่า  วิธุรบัณฑิตนี้แสดงธรรมไพเราะจับใจนัก  เราควรฟังดูก่อน  จึงถามว่า  "ท่านจะแสดงธรรมว่าด้วยเรื่องอะไร ?"

"เราจะแสดงธรรมชื่อ 'สาธุนรธรรม'  (ธรรมของคนดี)  ซึ่งยังไม่เคยมีใครแสดงมาก่อนทั้งในหมู่มนุษย์และเทวดา  ท่านจงให้โอกาสแก่เราสิ"

ปุณณกยักษ์วางพระวิธุระลง  ให้อาบน้ำชำระกาย  ให้แต่งกายด้วยผ้าอันเป็นทิพย์  จนเป็นที่สบายดีแล้ว  พระวิธุระจึงแสดงสาธุนรธรรมว่า  "ดูก่อน  มาณพ  สาธุนรธรรม  ก็คือ  ธรรมของคนดี  คนดีย่อมปฏิบัติธรรม  ๔  ประการด้วยกัน  คือ

             ๑.  เดินตามทางที่ท่านเดินไปแล้ว

             ๒.  อย่าเผาฝ่ามือที่ชุ่มเสีย

             ๓.  อย่าประทุษร้ายมิตรไม่ว่าในกาลไหน ๆ

             ๔.  อย่าตกอยู่ในอำนาจของพวก "อสตรี"

ปุณณยักษ์ฟังแล้วไม่เข้าใจความหมายเลย  จึงขอให้วิธุรบัณฑิตอธิบายเป็นข้อ ๆ

พระวิธุระจึงอธิบายให้ฟังเป็นข้อ ๆ  ไปดังต่อไปนี้

"บุคคลผู้มีอุปการคุณ  หรือผู้ที่ทำคุณประโยชน์ให้ก่อน  ชื่อว่า  เป็นผู้เดินไปข้างหน้า  ผู้ที่รู้สึกบุญคุณท่านแล้วกระทำประโยชน์ตอบแทน  ชื่อว่า  เป็นผู้เดินตามหลัง,  ผู้ไม่คิดร้ายต่อผู้มีอุปการคุณโดยให้ข้าวให้น้ำ  และที่พักแม้เพียงคืนเดียว  ผู้นั้นชื่อว่า  ไม่เผาฝ่ามืออันชุ่มเสีย,  และยังได้ชื่อว่า  ไม่ประทุษร้ายมิตร  เพราะตามธรรมดาของคนดีนั้น  แม้แต่ต้นไม้ที่เคยได้อาศัยร่มเงาก็ไม่ยอมหักก้านรานกิ่งเสีย  คนประทุษร้ายมิตรนั้นจัดว่าชั่วช้าสามานย์นัก,  อนึ่ง  หญิงใดได้รับการยกย่องอย่างดีจากสามีแล้ว  เมื่อมีโอกาสยังอาจดูหมิ่นสามีได้  หญิงนั้นก็ชื่อว่า  'อสตรี ' (ไม่ใช่กุลสตรี)

"ดก่อนมาณพ  ธรรม  ๔  ประการนี้แลชื่อว่า "สาธุนรธรรม"  คือ  ธรรมของคนดี  ท่านจงตั้งอยู่ในธรรมนี้เถิด  และจงละอธรรม  คือความชั่วเสียแต่บัดนี้"

ปุณณกยักษ์ฟังแล้วรู้สึกในความผิดของตนได้ว่า  แท้จริงวิธุรบัณฑิตนี้เป็นผู้มีอุปการคุณแก่เรา  เคยให้ข้าวให้น้ำที่พักอาศัยแก่เรา  การที่เราทำกรรมชั่วครั้งนี้  ก็เพราะความปรารถนาหญิงคนหนึ่งเท่านั้น  จัดว่าไม่ได้ประพฤติ  "สาธุนรธรรม"  โดยคิดพลาด  ถอนใจด้วยความสำนึก  ในที่สุดจึงตัดสินใจว่า  ประโยชน์อะไรกับผู้หญิงคนหนึ่ง  เราจะกลับไปเช็ดหน้านองน้ำตาของชนชาวอินทปัตนครให้เบิกบาน  โดยนำวิธุรบัณฑิตนี้ไปส่งที่โรงธรรมสภาโดยเร็วที่สุด  จึงกล่าวว่า

"ท่านบัณฑิตผู้มีปัญญาสูง  เชิญท่านกลับเรือนของท่านเถิด  เราไม่ต้องการจะได้นางอิรันทตีแล้ว  ท่านกล่าวถ้อยคำเป็นสุภาษิตเตือนใจเราดียิ่งนัก  เราไม่ฆ่าท่านล่ะ"

"อย่าเลยมาณพ  นำข้าพเจ้าไปให้ถึงนครพิภพเถอะ  ข้าพเจ้าอยากเห็นพญานาคและทิพยสมบัติในนาคพิภพ  จงประพฤติให้เป็นประโยชน์แก่ข้าพเจ้าเถิด"  วิธุรบัณฑิตกล่าว

ปุณณยักษ์ไม่อาจขัดความประสงส์ของพระวิธุระผู้มีอุปการะได้  จึงกล่าวด้วยความสงสัยว่า  "ธรรมดาผู้มีปัญญา  รู้ว่าสิ่งใดเป็นข้าศึก  ย่อมไม่ปรารถนาจะเห็นสิ่งนั้น  เพราะเหตุใดเล่าท่านจึงปรารถนาจะไปสำนักของพญานาคผู้ต้องการดวงหทัยของท่าน"

พระวิธุระตอบว่า  "ดูก่อนปุณณกยักษ์  เป็นความจริงเช่นนั้น  แต่สำหรับข้าพเจ้าไม่ได้ทำความชั่วไว้ในที่ไหน ๆ  เลย  จึงไม่รู้สึกกลัวความตายจะมาถึงเมื่อไร  อนึ่ง  ท่านเป็นผู้กล้าแข็งอย่างนี้  ข้าพเจ้ายังเล้าโลมให้อ่อนลงได้ด้วยธรรมกถา  สำหรับพญานาคนั้นก็คงไม่มีอะไรยาก  เป็นหน้าที่ของข้าพเจ้าเองที่จะเล้าโลมให้อ่อนโยน  ท่านจงพาข้าพเจ้าไปเถอะ"

ปุณณกยักษ์จึงให้พระวิธุระขึ้นหลังม้าอาชาไนย  พาตรงไปยังนาคพิภพทันที

พญานาคเห็นปุณณกยักษ์กลับมา  จึงตรัสทักทายก่อนว่า  "เจ้าไปมนุษยโลกมา  ได้หัวใจของวิธุรบัณฑิตหรือไม่  หรือว่าเอาตัวมาได้เลย ?"

ปุณณกยักษ์  "เอาตัวมาเลย  พระเจ้าข้า  วิธุรบัณฑิตผู้แสดงธรรมไพเราะมาอยู่เฉพาะพระพักตร์บัดนี้แล้ว  ขอพระองค์จงทราบเถิดว่า  การสมาคมกับสัตบุรุษเป็นเหตุนำมาซึ่งความเจริญ  พระเจ้าข้า"

พญานาคทอดพระเนตรเห็นพระวิธุระแล้ว  ตรัสถามว่า  "ดูก่อนบัณฑิต  ท่านถูกนำมายังนาคพิภพนี้  ก็นับว่าตกอยู่ในอุ้งมือของมฤตยูแล้ว  เหตุไรท่านจึงไม่กลัวและไม่ถวายความเคารพข้าพเจ้า ?  อาการที่ทำเช่นนี้  ไม่ใช่อาการของคนมีปัญญาเลย"

พระวิธุระตอบว่า  "ข้าพเจ้าไม่ถวายบังคมพระองค์  เพราะข้าพเจ้าเป็นเสมือนนักโทษที่กำลังจะถูกฆ่า  พระองค์เป็นเสมือนเพชฌฆาต  นักโทษไม่ต้องกราบไหว้เพชฌฆาต  เพชฌฆาตก็ไม่พึงบังคับให้นักโทษกราบไหว้  เพราะจะไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมาเลย  การกราบไหว์ระหว่างเราหมดความหมายจริง ๆ "

พระวิธุรเห็นพญานาคคล้อยตาม  จึงซักถามว่า  "ข้าแต่พญานาค  วิมานนี้ก็ดี  ความมีฤทธิ์ก็ดี  รัศมีอันรํุงเรืองและทิพยสมบัติทั้งหมดนี้ก็ดี  พระองค์ได้มาอย่างไร  เกิดมีขึ้นมาตามฤดูกาล  หรือใครให้  ทรงสร้างเองหรือเทวดาเนรมิตถวาย  พระเจ้าข้า ?"

"ดูก่อนบัณฑิต  เราได้มาด้วยผลบุญของเราเอง"  พญานาคตอบ

"พระองค์ทำบุญอันใดไว้ ?"  วิธุรบัณฑิตถาม

"ดูก่อนบัณฑิต  เราได้ถวายทานให้อาหารที่อยู่อาศัยแก่สมณพราหมณ์ในสมัยยังเป็นกุฎุมพีอยู่ในเมืองมนุษย์  เราถวายทานโดยเคารพ  จึงได้ทิพยสมบัติเห็นปานนี้"  พญานาคตรัสอย่างปีติในผลบุญที่ตนได้รับ


..............................

(ยังมีต่ออีก)


















































ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น