วันจันทร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2557

ชาติที่ ๙ พระวิธุรบัณฑิต (หน้า ๑๐)


"ถ้ากระนั้น  พระองค์ก็ทรงทราบเรื่องกรรมและผลแห่งกรรมดี  ขอพระองค์ทรงเป็นผู้ไม่ประมาท  ประพฤติธรรมให้ได้เสด็จอยู่ครองวิมานนี้ต่อไปเถิด"

พญานาค  "ดูก่อนบัณฑิต  ในนาคภพนี้ไม่มีสมบัติสมณพราหมณ์ที่จะบำเพ็ญทานโดยเคารพเลย  เราจะประพฤติอย่างไรดี ?"

วิธุรบัณฑิต  "ในนาคพิภพนี้ไม่มีสมณพราหมณ์  แต่ก็มีนาคบริษัททั้งที่เป็นโอรส  เป็นพระชายา  เป็นญาติมิตร  และอำมาตย์ราชเสนาข้าเฝ้า  ขอพระองค์จงมีพระเมตตา  ทั้งทางกาย  ทางวาจา  ตลอดทั้งทางใจ  ไม่ทรงประทุษร้ายใครในนาคบริษัทเหล่านั้น  เช่นนี้พระองค์ก็จะได้เสด็จอยู่ในวิมานนี้ตราบสิ้นพระชนมายุ  ยิ่งกว่านั้น  ยังจะได้เสด็จสู่เทวโลกที่สูงกว่านาคพิภพนี้อีก  พระเจ้าข้า"

พญานาคพอพระทัยมาก  ตรัสถามต่อไปว่า  "ดูก่อนบัณฑิต  ปุณณกยักษ์จับตัวท่านมาได้อย่างไร ?"

วิธุรบัณฑิต  "ปุณณกยักษ์ได้ข้าพเจ้ามาด้วยชนะสกา  ข้าพเจ้าเป็นค่าพนันที่พระเจ้าธนัญชัยมอบให้มาตามข้อตกลง  พระเจ้าข้า"

พญานาครับสั่งให้พาพระนางวิมลามา  พระนางวิมลาพอทอดพระเนตรเห็นวิธุรบัณฑิตก็ประคองอัญชลีขึ้น  แล้วตรัสถามว่า  "ดูก่อนบัณฑิต  ท่านกำลังตกอยู่ในมรณภัยเช่นนี้  เหตุไฉนจึงไม่สลดใจเสียเลย  คนที่ตกเป็นเชลยเขาย่อมเศร้าโศกและหมดรัศมี  แต่ท่านดูเหมือนไม่เป็นเช่นนั้นเลย  ท่านมีดีอะหรหรือ ?"

วิธุรบัณฑิต  "คนไม่เคยทำชั่วย่อมไม่กลัวความาย  (คือจะตายเมื่อไรก็ได้)  ในเวลาเข้าที่คับขัน  ข้าพเจ้ายิ่งมีสติปัญญาฉับไวขึ้น  ข้าพเจ้ามีปัญญาเป็นของดีอยู่  พระเจ้าข้า"

พญานาคและพระนางวิมลามีความพึงพอพระทัยในปัญญาของวิธุรบัณฑิตอย่างเห็นได้ชัด  วิธุรบัณฑิตจึงทูลว่า  "บัดนี้ทุกอย่างก็พร้อมแล้ว  ขอพระองค์จงจัดการเรื่อง  'เนื้อหัวใจ'  ของข้าพเจ้าตามพระประสงค์เถิด  แต่ถ้ามีพระประสงค์จะฟังธรรมกถาของข้าพเจ้าอีก  ข้าพเจ้าจะกล่าวถวาย  พระเจ้าข้า"

"ดูก่อนบัณฑิต"  พญานาคกล่าว  "ปัญญานั่นแหละเป็นดวงใจของบัณฑิตทั้งหลาย  ข้าพเจ้าทั้งสองยินดีนักหนาในปัญญาของท่าน  จะยกนางอิรันทตีให้แก่ปุณณกยักษ์  แล้วให้ไปส่งท่านยังอินทปัตนครในวันนี้ให้จงได้"

ปุณณกยักษ์มีใจชื่นบานด้วยปีติอย่างเต็มที่  ได้นางอิรันทตีสมปรารถนา  กล่าวกับวิธุรบัณฑิตว่า  "ท่านเป็นผู้มีอุปการคุณแก่ข้าพเจ้ามาก  ข้าพเจ้าขอมอบแก้วมณีดวงนี้แก่ท่าน  และจะไปส่งท่านถึงอินทปัตนครในวันนี้ด้วย"  ว่าแล้วก็เชิญพระวิธุรบัณฑิตขึ้นนั่งบนหลังอาชาไนยตรงไปยังอินทปัตนครทันที

คืนนั้นตอนใกล้รุ่ง  พระเจ้าธนัญชัยโกรพย์แห่งอินทปัตนครทรงพระสุบินว่า  เจ้ายักษ์นุ่งผ้าแดงทัดดอกไม้แดงตนหนึ่ง  ได้นำเอาต้นไม้ต้นหนึ่งที่มันถอนเอาไปมาคืน  และปลูกลงหน้าพระราชนิเวศน์  เมื่อทรงพิจารณาดูแล้วก็ทรงสันนิษฐานได้ว่า  ต้นไม้นั้นคือวิธุรบัณฑิต  และเชื่อว่า  วันนี้จะต้องมีคนนำเอาวิธุรบัณฑิตมาส่งคืนเป็นแน่  จึงรับสั่งให้ประดับตกแต่งพระนครจัดแจงโรงธรรมสภาเพื่อต้อนรับ  แล้วพระองค์ก็เสด็จสู่โรงธรรมสภา  ตรัสกับประชาชนว่า  "ท่านทั้งหลายจักได้เห็นวิธุรบัณฑิตกลับมาวันนี้แน่นอน"  ซึ่งขณะนั้น  ปุณณกยักษ์ก็ได้นำพระวิธุรบัณฑิตมาถึงประตูพอดี  มอบพระวิธุรบัณฑิตเรียบร้อยแล้ว  ปุณณกยักษ์ก็พานางอิรันทตีกลับทันที

พระราชาและประชาชนต้อนรับด้วยความดีใจยิ่ง  พระวิธุรบัณฑิตได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟังโดยตลอด  ทุกคนฟังด้วยความตื่นเต้น  ในที่สุดพระเจ้าธนัญชัยรับสั่งให้ทำการฉลองต้อนรับเป็นเวลาหนึ่งเดือน  ให้ปล่อยนักโทษ  ปล่อยสัตว์สองเท้าสี่เท้าที่จำขังไว้ทั้งหมด  ให้ชาวประชาทุกคนประสบความรื่นเริงสำราญทั่วหน้าอย่างเต็มที่ตามควรแก่อัธยาศัยของตน ๆ

พระวิธุรบัณฑิตก็ได้แสดงธรรมแก่มหาชนและพระราชาตลอดมา  จนสิ้นชีวิตแล้ว  ต่างก็ไปตามยถากรรมของตน ๆ

เรื่องนี้เก็บความจากวิธุรชาดก  คติธรรมที่ได้จากเรื่องนี้  คือ

ความดีชนะความชั่ว  
หลักธรรมของข้าราชการ 


.........................



จาก  หนังสือทศชาติชาดก  (พระเจ้าสิบชาติ)
โดย  แปลก  สนธิรักษ์

























ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น