พระราชาได้สดับดังนั้นจึงตรัสว่า "ท่านวิธุระ ท่านไม่ไปนั่นแหละเป็นที่พอใจเรา เราจะให้จับมาณพไปฆ่าเสีย แล้วปกปิดเนื้อความให้มิดชิด ท่านจงอยู่ที่นี่แล้วทำอย่างนี้ จึงพอใจเรา ท่านอย่าไปเลยนะ"
วิธุรบัณฑิต "ขอเดชะ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท พระองค์อย่าทรงตั้งพระราชหฤทัยไว้ในความชั่ว ที่ไม่เป็นบุญไม่เป็นประโยชน์เลย พระเจ้าข้า ขอได้ทรงมั่นอยู่ในทางที่เป็นประโยชน์และสุจริตธรรมเถิด อกุศลกรรมไม่ใช่สิ่งประเสริฐ บัณฑิตสอนว่า ความชั่วเป็นกิจที่ไม่ควรทำ บัดนี้ข้าพระองค์ก็ตกเป็นทาสของมาณพแล้ว เขาย่อมมีสิทธิ์จะทำอย่างไรก็ได้ ขอพระองค์จงทรงตั้งพระหฤทัยให้เที่ยงธรรม ซึ่งเป็นทางเดียวที่ดีที่สุด พระเจ้าข้า"
เมื่อกราบทูลดังนั้นแล้ว วิธุรบัณฑิตจึงถวายบังคมลาออกจากพระราชนิเวศน์ ขณะนั้น ชาวพระนครมากมายได้มาประชุมกันแน่นอยู่นอกพระราชนิเวศน์ และโจษขานกันเซ็งแซ่ว่า "วิธุรบัณฑิตไปแล้ว ๆ" วิธุรบัณฑิตจึงหยุดปราศรัยให้โอวาทว่า "ท่านพ่อแม่ญาติมิตรทั้งหลาย อย่าคิดวิตกไปเลยให้ป่วยการ สิ่งทั้งมวลล้วนไม่เที่ยง แม้สังขารร่างกายของเราเองก็ไม่มีอะไรยั่งยืน ยศศักดิ์เป็นสมบัติที่มีวิบัติเป็นที่สุด ข้อสำคัญท่านทั้งหลายจงเป็นผู้ไม่ประมาทในบุญกุศลทุกอย่าง บำเพ็ญทานรักษาศีลไว้ได้ จะได้ผลดีเป็นทวีคูณ คือ จะมีความสงบสุขทั้งในวันนี้และวันหน้า ตลอดภพนี้และภพหน้า นี่แหละเป็นของแน่นอนยั่งยืนแท้จริง" กล่าวแล้วก็บ่ายหน้ากลับเรือนของตน
ขณะนั้น ธรรมปาลกุมารพาหมู่น้อง ๆ ออกมาคอยรับบิดาอยู่ที่ประตูบ้าน วิธุรบัณฑิตเห็นแล้วไม่อาจกลั้นความโศกไว้ได้ ตรงเข้าสวมกอดไว้แนบอกแล้วอุ้มไปเรือน
"ดุูก่อนเจ้าปราชญ์ เมื่อสั่งสอนบุตรภรรยาและคนอาศัยเสร็จแล้ว ก็จงรีบมาเถอะ หนทางที่จะไปยังอีกไกลนัก อย่าชักช้าอยู่เลย จับหางม้าเข้าสิไม่ต้องกลัว" ปุณณกยักษ์เตือน
"ดูก่อนมาณพ เราพร้อมแล้ว และไม่กลัวอะไรเลย" วิธุรบัณฑิตกล่าวด้วยเสียงปรกติ
"เพราะเหตุใดจึงไม่กลัว ?" ปุณณกยักษ์ถาม
"เพราะเราเป็นคนไม่ทำความชั่วทั้งทางกาย ทางวาจาและทางใจ ไม่มีเหตุอันใดที่นำไปสู่ทุคติ จะสะดุ้งหวาดกลัวทำไมเล่า" วิธุรบัณฑิตกล่าวอย่างองอาจ แล้วอธิษฐานว่า ขอผ้านุ่งของเรานี้จงอย่าหลุดลุ่ยออกจากร่างกายเป็นอันขาด แล้วนุ่งผ้าให้แน่น จับหางม้าสองมือ สองเท้าเกี่ยวขาม้าแน่นแล้วพูดว่า "ดูก่อนท่านมาณพ ข้าพเจ้าพร้อมแล้ว ไปได้"
ปุณณกยักษ์ขับม้าพาพระวิธุระเหาะไปในอากาศอย่างรวดเร็ว พลางก็คิดว่า ควรจะทุบวิธุระนี้ให้ตายแล้วแหวะเอาหัวใจไป ส่วนศพจะทิ้งที่ซอกเขา คิดแล้วขับม้าเล็ดลอดเข้าไปในระหว่างต้นไม้และระหว่างซอกเขา เพื่อให้กระทบร่างพระวิธุระให้ตาย แต่อานุภาพของพระวิธุระ ต้นไม้และซอกเขากลับแหวกเป็นช่องทางห่างออกจากแนวของท่านข้างละศอก ปุณณกยักษ์เหลียวกลับมาดูว่า ตายแล้วหรือยัง กลับเห็นหน้าพระวิธุระผ่องใสดุจแว่นทอง ก็รู้ว่า ยังไม่ตาย จึงขับม้าเข้าไปในซอกเขาอีก ๒ ครั้ง ก็ยังไม่ตาย จึงเปลี่ยนวิธีใหม่ ขับม้าพาเข้าไปในลมพายุแม้ถึง ๗ ครั้งก็ยังไม่ตาย เมื่อปุณณกยักษ์เห็นเช่นนั้น จึงขับม้าตรงไปยังภูเขากาฬาคีรี วางลงบนยอดเขาแล้วไปยืนคิดหาวิธีอยู่ว่าทำอย่างไรจึงจะฆ่าวิธุระให้ตายได้
ปุณณกยักษ์แปลงกายใหญ่่ทะมึน จับพระวิธุระที่เท้าทั้งสองแล้วยัดใส่ปากทำท่าจะเตี้ยวกิน พระวิธุระก็ไม่สะดุ้งตกใจแม้แต่น้อย จากนั้นจึงแปลงร่างเป็นพญาราชสีห์บ้าง เป็นช้างตกมันวิงเข้ามาจะแทงบ้าง เป็นงูใหญ่ประมาณเท่าเรือโกลนเลื้อยมาพันไว้รอบ ๆ แล้วแผ่พังพานอยู่บนศีรษะบ้าง พระวิธุระก็ยังไม่มีอาการตกใจกลัวแต่ประการใด จึงวางลงบนยอดเขา แล้วบันดาลให้เกิดพายุใหญ่พัดแรงกล้า แล้วชำแรกเข้าไปในแผ่นดิน ส่งเสียงกึกก้องกัมปนาท พระวิธุระก็ยังปรกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะรู้ทันว่า ถึงจะเป็นอะไรมาก็คือมาณพนั่นเอง ปุณณกยักษ์ยิ่งเพิ่มความพยายามจะฆ่าให้จงได้ จึงจับพระวิธุระขว้างลงไปจากยอดเขา พอร่างของพระวิธุระลอยไปได้ ๑๕ โยชน์ก็คว้าข้อเท้าดึงกลับมา ยกเท้าเอาหัวห้อยชูขึ้น มองดูหน้าว่าตายหรือยัง เห็นว่ายังไม่ตายก็ขว้างออกไปอีกเป็นครั้งที่ ๒ พอไกลออกไปประมาณ ๓๐ โยชน์ก็ฉวยข้อเท้าดึงกลับมายกดูอีก เห็นยังไ่ม่ตายก็ขว้างออกไปอีกเป็นครั้งที่ ๓ คราวนี้ไกล ๖๐ โยชน์ แต่พอฉวยมาดูอีกก็เห็นว่ายังไม่ตาย ปุณณกยักษ์จึงจับข้อเท้าตั้งใจจะฟาดกับภูเขา พระวิธุระจึงร้องถามทั้งที่หัวยังห้อยอยู่ว่า "ดูก่อนมาณพ ท่านมีรูปร่างดุจเทพบุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุตร ดูเหมือนจะเป็นคนดี แต่กลายเป็นคนไม่ดี ดู ๆ ก็เหมือนกับเป็นผู้สำรวม แต่ก็ไม่สำรวม กระทำความชั่วอย่างนี้ไม่มีประโยชน์อันใดเลย ขอถามท่านหน่อยเถิด ความจริงท่านเป็นใครกันนะ และจะฆ่าข้าพเจ้าทำไม ?"
"เราเป็นยักษ์ชื่อปุณณกะ เป็นอำมาตย์ของท้าวกุเวรเวสวัณ ซึ่งท่านก็คงเคยได้ยินชื่อ" ปุณณกยักษ์แนะนำตน แล้วก็เล่าถึงสาเหตุที่เขารับอาสาพญานาคเอาหัวใจของวิธุรบัณฑิตไปให้พระนางวิมลา เพื่อจะได้แต่งงานกับนางอิรันทตีผู้ธิดา"
พระวิธุรบัณฑิตได้สดับดังนนแล้วจึงดำริว่า "สัตว์โลกเรานี้ย่อมพินาศเพราะความถือผิด แท้จริงพระนางวิมลาต้องการจะได้ฟังการแสดงธรรมของเรา แต่พญานาคสำคัญผิด และปุณณกยักษ์ผู้นี้ก็ตกอยู่ในอำนาจของความหลงผิดด้วย ถ้าเราจะปล่อยให้ฆ่าเราเสียเพราะความหลงผิดเช่นนี้ จะไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย เราหรือก็ได้ชื่อว่า เป็นผู้สามารถในทางแสดงธรรม เราจะะตักเตือนเขาให้รู้สึกตัว เรื่องร้ายจะได้กลายเป็นดี แล้วจึงกล่าวขึ้นว่า "ดูก่อนมาณพ ขอให้ท่านวางข้าพเจ้าลงก่อนเถิด เราจะแสดงธรรมให้ท่านฟัง เมื่อท่านฟังแล้ว ความปรารถนาของท่านก็จะสำเร็จ
...........................
(ยังมีต่ออีก)