พระราชบุตรเฝ้าวิงวอนอยู่อีกวันหนึ่ง แต่นางนาคก็ไม่ยอมไป และนางทูลว่า "บุตรและธิดาของหม่อมฉันทั้งสองเป็นเชื้อชาติมนุษย์เช่นพระองค์ หากทรงเมตตาหม่อมฉันแล้ว ก็ขอให้ทรงโปรดถนอมเลี้ยงดูให้จงดี เพราะบุตรทั้งสองนี้สืบเนื่องมาจากพืชทางธาตุน้ำ เป็นชาติละเอียดอ่อน เมื่อถูกลมแดดในระหว่างทางอาจสิ้นชีวิตได้ ขอให้พระองค์ทรงพระกรุณาให้คนขุดเรือขังน้ำเต็ม ให้ลูกทั้งสองลงเล่นในลำเรือขณะเดินทาง เมื่อถึงพระนครแล้วขอให้ขุดสระโบกขรณีสำหรับลูกจะได้เล่น เมื่อพระองค์ทรงทำได้ดังนี้ ลูกทั้งสองก็จะมิได้ลำบาก" ทูลดังนี้แล้ว จึงมอบลูกทั้งสองให้ด้วยน้ำตาอาบหน้า ร้องไห้คร่ำครวญแล้วก็หายไปยังนาคพิภพ
ฝ่ายพระราชบุตรทรงโทมนัสอย่างสุดแสน เสด็จไปหาพวกอำมาตย์ บรรดาอำมาตย์ทั้งปวงจึงพร้อมกันอภิเษกพระราชบุตร ณ ที่นั้น ครั้นเสร็จแล้วก็ทูลเชิญเสด็จสู่พระนคร พระราชบุตรจึงสั่งให้ขุดเรือยกขึ้นวางบนเกวียน ตักน้ำใส่ให้เต็มและลอยดอกไม้ต่าง ๆ ให้ราชบุตรและราชธิดาลงเล่นตามสบาย อำมาตย์รับปฏิบัติตามรับสั่งทุกประการ เมื่อถึงพระนครแล้วก็ตรัสสั่งให้ขุดสระโบกขรณี สำหรับเป็นที่เล่นสำราญของพระราชบุตรและราชธิดา ตามที่นางนาคมาณวิกาทูลทุกประการ
เต่าฉลาด
วันหนึ่ง เมื่อน้ำไหลเข้าไปในสระโบกขรณี มีเต่าตัวหนึ่งตามเข้าไปด้วย ครั้นหาทางออกไม่ได้จึงดำลงไปอยู่ก้นสระ เวลาพระราชกุมารและราชกุมารีมาเล่นน้ำก็โผล่ขึ้นมาดู ทำให้ทั้งสองพระองค์ตกพระทัยกลัว พากันขึ้นไปเฝ้าพระราชบิดา พระราชบิดาจึงรับสั่งขึงตาข่ายจับเต่าตัวนั้นมา ราชโอรสทั้งสองแลเห็นก็จำได้ จึงส่งสำเนียงเอ็ดอึงไปว่า นี่แหละไอ้ปีศาจร้าย พระราชบิดา จึงรับสั่งให้ลงโทษเต่านั้นให้จงหนัก
พวกอำมาตย์จึงปรึกษากันว่าจะลงโทษอย่างไรดีจึงจะหนัก บางคนว่าควรจับหงายเผาไฟ บางคนว่า ควรใส่ครกตำให้ละเอียด บางคนก็ว่า ควรใส่กระทะต้ม มีอำมาตย์คนหนึ่งเป็นโรคกลัวน้ำเสนอวา ควรเอาไปทิ้งที่วังน้ำวนในแม่น้ำยมุนา มันจะได้พินาศไปในวังน้ำนั้น ทำโทษอย่างอื่นไม่ดีไปกว่านี้เลย
เต่าได้ยินข้อเสนอของอำมาตย์ในเรื่องประหารตน จึงยืดหัวออกมาแล้วกล่าวขึ้นอย่างโกรธแค้นว่า "เราทำผิดอะไรไว้แก่พวกเจ้านักหนา จึงลงโทษให้เอาเราไปทิ้งวังน้ำวนนั้น ทำอย่างอื่นเราพอจะทนได้ แต่จะเอาเราไปทิ้งที่วังน้ำนั้น ทารุณร้ายกาจเหลือเกิน ขออย่าได้ทำอย่างนั้นแก่เราเลย"
พระราชาทรงสดับดังนั้น จึงรับสั่่งให้เอาไปทิ้งเสียที่วังน้ำวนในแม่น้ำยมุนา เด่าตัวนั้นจึงจมลงไปถึงล่องน้ำ ซึ่งเป็นช่องทางที่จะไปยังนาคพิภพ ก็เลยตกไปอยู่ในเมืองนาค
ขณะนั้น นาคมาณพโอรสท้าวธตรฐกำลังเล่นน้ำอยู่ที่ปล่องนั้น พบเต่าเข้าจึงให้จับไว้ เต่าจึงคิดว่า "เราหลุดจากเงื้อมมือพระเจ้าพาราณสีมาแล้ว คราวนี้มาตกอยู้ในเงื้อมมือพวกนาคที่หยาบช้าอีกเล่า เราจะออกอุบายอย่างไรดีหนอ จำเราจะต้องออกอุบายเอาตัวรอดให้ได้" แล้วจึงกล่าวขึ้นว่า "เราเป็นเต่าชื่อ จิตจูฬ เป็นทูตของพระเจ้าพาราณสีให้มาเฝ้าท้าวธตรฐ ด้วยมีพระประสงค์จะถวายราชธิดาแก่ท้าวธตรฐ ท่านทั้งหลายจงนำเราไปเฝ้าเถิด" นาคมาณพพากันหลงเชื่อจึงนำไปเฝ้าท้าวธตรฐ แล้วทูลให้ทรงทราบว่า เป็นทูตของพระเจ้าพาราณสี จะนำข่าวดีมาแจ้ง พอท้าวธตรฐทอดพระเนตรเห็นก็ไม่พอพระทัย ทรงตำหนิว่า "ทูตอะไรรูปร่างแสนจะลามก ไม่มีท่าทางจะทำหน้าที่ทูลได้" เต่าจึงทูลอวดอ้างตนว่า "ทำไมผู้ที่เป็นทูตนั้นจะต้องมีรูปร่างใหญ่โตนักเชียวหรือ รูปร่างนั้นจะถือเอาเป็นประมาณไม่ได้ กิจการงานที่จะทำให้สำเร็จในหน้าที่นั้นสิ เป็นประมาณที่แน่นอน ทูตของพระเจ้าพาราณสีนั้นมีมาก พวกมนุษย์ก็ทำหน้าที่ทางบก พวกนกก็ทำหน้าที่ทางอากาศ ข้าพระบาทชื่อว่า จิตจูฬ ได้รับตำแหน่งหน้าที่ทางน้ำ เป็นราชวัลลภ มีบ้านส่วยสาอากรเป็นหลักฐาน" ท้าวธตรฐทรงยอมฟัง จึงตรัสถามว่า "พระเจ้าพาราณสีมีพระประสงค์อย่างไร ?"
"ข้าแต่พระมหาราช พระเจ้าพาราณสีมีรับสั่งว่า ได้ทำพระราชไมตรีมาทั่วสากลทวีปแล้ว ควรทำกับท้าวธตรฐอีก รับสั่งมาว่า จะถวายนางสมุททชาราชธิดาให้แก่พระองค์ ขอให้พระองค์จงรีบส่งราชบุรุษไปกับข้าพระองค์ เพื่อนัดหมายกำหนดรับตัวราชธิดามาโดยเร็วเถิด" เต้ากราบทูล
ท้าวธตรฐจึงให้นาคมาณพ ๔ ตนไปกับเต่านั้น และกำชับให้ฟังกระแสรับสั่งของพระเจ้าพาราณสี
แล้วกำหนดวันรับตัวราชธิดามา
นาคมาณพทั้ง ๔ จึงเดินทางมากับเต่ามุ่งไปเมืองพาราณสี ในขณะเดินทางเต่าแลเห็นสระบัวในระหว่างทาง จึงพูดขึ้นว่า "ท่านนาคมาณพ พระเจ้าพาราณสีก็ดี พระมเหสีและราชโอรสก็ดี เห็นข้าพเจ้าไปเที่ยวทางน้ำกลับมาแล้ว มักจะขอดอกบัวและเง่าบัวเสมอ ๆ ข้าพเจ้าจะต้องลงไปในสระเก็บดอกบัวไปถวายเจ้านายก่อน ถ้าข้าพเจ้าช้าไป ท่านจะล่วงหน้าไปก่อนก็ได้ แล้วเราจะไปพบกันที่ราชสำนักทีเดียว"
นาคมาณพทั้ง ๔ หลงเชื่อจึงปล่อยเต่าลงสระบัว เมื่อเต่าพ้นมือพวกนาคมาณพแล้วก็เข้าไปซ่อนอยู่ในที่ลับแห่งหนึ่ง พวกนาคมาณพเห็นช้ามาก จึงล่วงหน้าไปก่อน แปลงเพศเป็นมาณพเข้าเฝ้าพระเจ้าพาราณสี
พระเจ้าพาราณสีทรงต้อนรับและตรัสถามว่า "พวกท่านมาแต่ไหนกัน ?"
"ข้าพระองค์มาจากเมืองท้าวธตรฐนาคราช"
"มีธุระอันใดหรือ ?"
"ข้าพระองค์เป็นทูตของท้าวธตรฐ ท้าวธตรฐทรงมอบถวายสิ่งของในนาคพิภพ่ที่พระองค์ต้องประสงค์ เพราะไได้ทรงสดับว่า พระองค์จะประทานพระราชธิดาชื่อสมุททชาให้"
"แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยมีประเพณีที่มนุษย์จะทำการวิวาห์กับนาค การวิวาห์อันไม่สมควรนั้นจะทำได้อย่างไรกัน" พระเจ้าพาราณสีตรัสอย่างไม่พอพระราชหฤทัย
"ถ้าการวิวาห์ไม่สมควรกันแล้ว ทำไมพระองค์จึงส่งเต่าชื่อจิจูฬไปเป็นทูตว่า จะประทาพระนางสมุททชาให้เล่า การที่พระองค์ส่งทูตไปเชิญนั้น แต่บัดนี้กลับมาดูถูกดูหมิ่นพระราชาของข้าพระองค์เสียอีก" พวกนาคมาณพกล่าวด้วยความโกรธเคือง แล้วจึงขู่พระเจ้าพาราณสีว่า "การที่พระองค์กระทำเช่นนี้ ถ้าพวกนาคโกรธขึ้นมาแล้ว พระองค์จะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร เพราะพระองค์เป็นมนุษย์ ไม่มีฤทธิ์ มาดูหมิ่นนาคแม่น้ำยมุนาผู้เรืองฤทธิ์เช่นนี้ จะมีภัยพิบัติเสียแน่แล้ว"
"เรามิได้ดูหมิ่นท้าวธตรฐผู้เรืองยศ แต่ท้าวธตรฐเป็นงูไม่คู่ควรกับธิดาของเราซึ่งเป็นมนุษย์ เรื่องมันเป็นไปไม่ได้ ฉะนี้แหละท่านนาคมาณพ" พระเจ้าพาราณสีทรงรับสั่ง
...............................
(ยังมีต่ออีก)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น