มโหสธลองพระทัยพระเจ้าจุลนี
อยู่มาวันหนึ่ง มโหสธครุ่นคิดอยู่ว่า "พระราชาพระราชทานอิสริยยศยิ่งใหญ่แก่เราครั้งนี้ อาจจะเป็นไปได้ทั้งทรงปรารถนาดีต่อเรา และทรงปรารถนาร้ายต่อเรา เราจะทดลองพระราชาดูว่า พระองค์จะปรารถนาดีต่อเราหรือไม่และเรื่องนี้ต้องอาศัยนางเภรีปริพาชิกาเป็นผู้ร่วมคิดจึงจะสำเร็จ" คิดดังนั้นแล้ว มโหสธจึงไปยังสำนักของนางปริพาชิกา นมัสการแล้วพูดว่า "ข้าแต่แม่คุณเจ้า ตั้งแต่วันที่แม่คุณเจ้ากราบทูลยกย่องข้าพเจ้าแด่พระราชา พระราชาได้พระราชทานอิสริยยศแก่ข้าพเจ้าใหญ่โต จนทำให้ข้าพเจ้าต้องนึกไปว่า การที่พระราชาพระราชทานยศแก่ข้าพเจ้านี้จะทรงปรารถนาดี หรือปรารถนาร้ายอย่างใดอย่างหนึ่ง ข้าพเจ้าไม่เห็นใครนอกจากแม่คุณเจ้าจะช่วยเหลือ เพื่อได้ทราบว่า พระราชาทรงโปรดปรานข้าพเจ้า หรือเป็นเพียงอุบายอันหนึ่ง"
นางปริพาชิการับว่า "ท่านบัณฑิต อาตมาจะช่วยเหลือเพื่อทราบเรื่องนี้โดยอุบายอย่างหนึ่ง"
วันหนึ่ง นางปริพาชิกาได้โอกาสอยู่สองต่อสองกับพระราชา นางจึงทูลขอวโรกาสแก่พระราชาว่า "ขอถวายพระพร อาตมาขอโอกาสทูลถามปัญหากับพระองค์ หากมิทรงขัดข้องประการไร และเมื่อได้รับราชานุญาตแล้ว"
พระราชาตรัส่า "ข้าพเจ้าอนุญาต เชิญแม่คุณเจ้าถามไปเถิด"
นางเภรีปริพาชิกา เมื่อได้รับราชานุญาตแล้ว จึงทูลถามว่า
"สมมติว่า พระองค์ลอยเรือไปในกลางมหาสมุทร
พร้อมด้วยผู้ติดตาม คือ พระราชชนนี พระมเหสี
พระอนุชา พระสหาย พราหมณ์เกวัฏและมโหสธบัณฑิต
หากผีเสื้อสมุทรยึดเรือไว้ แล้วขอให้พระองค์ทรงส่ง
คนในเรือไปให้ผีเสื้อกิน ขอทูลถามว่า พระองค์จะ
ทรงส่งใคร ให้ผีเสื้อสมุทรกินเป็นลำดับ ๆ ไป ?"
พระราชาตรัสไปตามที่เห็นสมครแก่พระองค์ว่า
"ข้าพเจ้าจะส่งพระราชมารดาก่อน ต่อไปก็ส่งมเหสี
อนุชาเป็นลำดับไป จนถึงสหาย พราหมณ์เกวัฏ และ
ตัวเอง ส่วนมโหสธไม่ยอมให้เด็ดขาด"
นางเภรีปริพาชิกาทูลต่อไปว่า "ข้าแต่มหาบพิตร พระองค์รับสั่งว่าจะส่งพระชนนีก่อน ธรรมดาว่า มารดาย่อมมีคุณูปการมาก ซึ่งยากจะหาผู้อื่นเปรียบได้ โดยเฉพาะพระราชชนนีของพระองค์พระองค์นี้ ได้ทรงปลดเปลื้องพระองค์ให้พ้นจากการลอบปลงพระชนม์ของพราหมณ์ชื่อฉัมภี ทำให้พระองค์ได้รอดมาและทรงพระชนม์อยู่จนบัดนี้ ไฉนพระองค์จะทรงส่งพระราชชนนีไปให้ผีเสื้อสมุทรกินก่อนเล่า
พระเจ้าจุลนีได้สดับคำของนางปริพาชิกา จึงตรัสว่า "ข้าแต่แม่คุณเจ้า คุณของพระชนนีมีมากจริง และข้าพเจ้าก็รู้ว่า พระชนนีมีคุณูปการแก่ข้าพเจ้า แต่พระชนนีของข้าพเจ้าก็ทรงทำกิจอะไร ๆ ที่ไม่ดีไว้มากเหมือนกัน พระชนนีของข้าพเจ้าทรงชรามากแล้ว แต่ก็ทำเป็นเหมือนหญิงสาว ชอบตรัสซิกซี้สรวลเสเฮฮากับพวกรักษาประตูและพวกฝึกม้า จนเกินเวลาอันสมควร
ยิ่งกว่านั้น พระมารดาของข้าพเจ้ายังได้แต่งราชสาสน์ปลอมทำให้เป็นราชสาสน์ของข้าพเจ้า ส่งไปถึงเจ้าประเทศราชว่า พระชนนีของเรากำลังอยู่ในวัยที่น่ารัก ขอให้เจ้าประเทศราชนั้นจงมานำพระชนนีของเราไปบำเรอเถิด ข้าพเจ้าแสนที่จะอับอายขายหน้า เมื่อมีอันเป็นขึ้นเช่นนี้ ไม่รู้จะเอาหน้าไปซุกไว้ที่ไหน นี่ดีแต่ว่าเจ้าประเทศราชเหล่านั้นยังนับถือข้าพเจ้าอยู่ แต่เขาหมดความนับถือพระชนนีของข้าพเจ้า ด้วยเหตุนี้แหละ ข้าพเจ้าจึงจะให้พระชนนีแก่ผีเสื้อสมุทรก่อนคนอื่น"
....................................
จาก หนังสือทศชาติชาดก (พระเจ้าสิบชาติ)
โดย แปลก สนธิรักษ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น